กระแสรักษ์โลกและความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
เป็นตัวเร่งให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (Battery
Electric Vehicle:-BEV)
ที่ขับเคลื่อนโดยอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ได้รับการส่งเสริมจากนานาประเทศมากขึ้น หลายประเทศตั้งเป้าหมายนำมาใช้แทนรถเครื่องยนต์สันดาปภายในรถยนต์ไฮบริด
(HEV) ซึ่งขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน
และรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (Plug in Hybrid-PHEV) เพราะนอกจากจะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการบำรุงรักษายังอยู่ในระดับที่ต่ำ
แม้ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้า และราคาที่ค่อนข้างสูง
แต่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle หรือ EV เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง เป็นยานยนต์แห่งอนาคต ไม่ใช่แค่ประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือสแกนดิเนเวียเท่านั้น ที่กำหนดนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนส่งเสริมด้านการผลิตและการใช้รถไฟฟ้า โดยทยอยลดปริมาณการใช้รถประเภทอื่นๆ แม้แต่ในเอเซียโดยเฉพาะประเทศจีนช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปลายปีที่ผ่านมาศูนย์วิจัยยานยนต์ (CAR) แห่งเยอรมนี รายงานว่า
จากการประเมินสถานการณ์ตลาดพบว่าภายในปี 2563 จีนกลายเป็นตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
หรือ EV ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเข้าไปลงทุนของเทสลา ค่ายรถที่เข้าไปบุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปลงทุนในเซี่ยงไฮ้
ขณะที่ค่ายรถยนต์จีนหลายบริษัทก็หันมาผลิตและทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งขายภายในประเทศและส่งออก
โดยได้รัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว
ปัจจุบันค่ายรถจีนที่ผลิตและทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากระจายอยู่หลายมณฑลทั่วประเทศ
แบรนด์หลักๆ อาทิ SAIC, FAW, Dongfeng, Chana, BAIC, GAC,
Chery, BYD , Geely รวมทั้ง Great Wall
Motors ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยหลังเข้าซื้อโรงงาน Chevrolet
ล่าสุด SAIC Morter ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของจีน
เจ้าของแบรนด์ MARVEL. ROEWE, MAXUS รวมทั้งแบรนด์ MG ซึ่งก่อนหน้านี้เข้ามาร่วมทุนกับกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ตั้งโรงงานผลิตรถ
MG บุกตลาดในประเทศไทย และได้รับการตอบรับเกินคาด
ได้เปิดมิติใหม่ให้กับโลกยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง โดยจับมือ Zhangjiang Group และ Alibaba JV ของบิ๊กธุรกิจอีคอมเมิร์ซ Alibaba เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายภายใต้แบรนด์ IM Motors
ในเซี่ยงไฮ้ ลาสเวกัส ในสหรัฐอเมริกา และกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
โดยโฟกัสเป้าหมายผู้บริโภคที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์อัจฉริยะ
ทั้งนี้ IM นำร่องด้วยการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ 2 รุ่น ประกอบด้วยรถซีดาน รุ่น Intelligent Pure Electric Car และรถ SUV ซึ่งทั้ง 2
รุ่นจะเปิดให้ลูกค้าทั่วโลกจองซื้อในงาน Automobile Shanghai
ซึ่งจะจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนเมษายน 2564
ถือเป็นรถไฟฟ้า 2 รุ่นแรกที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้แบบไร้สาย
ขณะเดียวกันพลังงานในแบตเตอรี่จะมีความหนาแน่นมากกว่าพลังงานในแบตเตอรี่ปกติในปัจจุบันราว
30-40% สามารถวิ่งได้ถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
ด้วยจุดขายมีพลังงานและความปลอดภัยคงที่
IM Motors สร้างสรรค์รถไฟฟ้าอัจฉริยะ
2 รุ่นใหม่ โดยนำเสนอเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้อำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่
ด้วยระบบปฏิบัติการ IMOS
ระบบที่สามารถสลับไปมาระหว่างการแสดงเนื้อหาแบบตอบโต้หลายหน้าจอ ให้ประสบการณ์ใหม่
ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่าย และมีความมั่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ยังนำเสนอนวัตกรรมใหม่ SOA หรือ Service-Oriented
Architecture ให้มุมมองในการขับขี่และทัศนวิสัยดีเยี่ยมแบบห้าเลน
ระบบกล้องอัจฉริยะ Carlog มุมกว้าง 3 ตัว ความละเอียด 150
ล้านพิกเซล และรองรับ 4 K บันทึกภาพได้ 180 องศา
นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพสโลว์โมชั่น 480 เฟรม และถ่ายภาพในเวลากลางคืน ฯลฯ
ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ
เป็นรถอัจฉริยะยุคปัญญาประดิษฐ์ ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการรถยนต์โลก
กดดันให้ค่ายรถยักษ์ใหญ่ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ ต้องเร่งปรับตัวพลิกกลยุทธ์รับมือ
เพราะถูกไล่ล่าจากกลุ่มทุนหน้าใหม่ เจ้าของนวัตกรรมใหม่ผู้ผลิตรถไฟฟ้า แม้ข้อจำกัดทั้งเรื่องความจุแบตเตอรี่
สถานีชาร์จไฟฟ้าที่อาจรองรับได้ไม่เพียงพอยังเป็นโจทย์ใหญ่
ดังนั้น ถ้าปลดล็อกแก้ Pain Point ได้สำเร็จ บวกกับราคารถไฟฟ้าทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกยอมรับได้ ภาพยักษ์ใหญ่ผนึกกำลังพันธมิตร แตกไลน์ข้ามสายพันธุ์ แข่งผลิตรถไฟฟ้าใช้พลังงานแบตเตอรี่เต็มรูปแบบ ชิงส่วนแบ่งตลาดที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวันจะดุเดือดรุนแรงยิ่งกว่านี้