แม้ว่าประชาชนออสเตรเลียจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการดำเนินมาตรการต่างๆ
เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างมากก็ตาม แต่ทว่าแนวโน้มอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของออสเตรเลียในปี 2563 นี้
คาดว่าคงจะทรุดหนักยาวไปถึงธันวาคม 2563 หรือไตรมาสสุดท้าย
เพราะจากสถานการณ์ล่าสุดที่จีดีพีติดลบ 10%
และมีการคาดการณ์ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปี เพื่อพลิกฟื้นให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงอย่างรถยนต์ ซึ่งตามข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมยานยนต์ออสเตรเลีย ระบุว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในออสเตรเลียในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีจำนวน 79,940 คัน ปรับลดลง 8.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 23 และส่งผลให้ยอดขายช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) 2563 มีจำนวน 151,671 คัน ซึ่งเป็นการปรับลดลงของรถทุกประเภท ทั้งรถกระบะ รถเก๋ง รถเอสยูวีส์
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สถานการณ์ตลาดรถยนต์ใหม่ในออสเตรเลียไม่สู้ดีนัก
นับก่อนหน้านี้ยอดขายรถ Holden ของ General
Motors (GM) ลดลงจนต้องประกาศยุติการทำธุรกิจรถยนต์ยี่ห้อ Holden
ในออสเตรเลีย แต่ก็ยังคงเหลือธุรกิจบริการอะไหล่ทดแทน
การบริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุง และการบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
โดยผ่านเครือข่าย After sale service ออสเตรเลีย
ประเด็นนี้สะท้อนว่า ในช่วงเวลาหลังจากนี้ตลาดออสเตรเลียจะเป็นตลาดที่มีรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานนานเพิ่มขึ้น
ทำให้เป็นช่องทางให้เกิด "ดีมานต์" ความต้องการเกี่ยวกับการซ่อมและบำรุงรักษาเครื่องยนต์หรือที่เรียกว่า
ตลาดหลังการขาย (After sale service) โดยเฉพาะอะไหล่ของรถกระบะ
(Ute) และรถเอสยูวีส์ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้นในช่วง
10 ปีที่ผ่านมา
เพราะรถดังกล่าวได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีดีไซน์สวยงาม สมรรถนะสูง
ขับขี่ปลอดภัย จึงครองตลาดได้
ทั้งนี้ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย รายงานว่าในปี 2562
ออสเตรเลียได้มีการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์เพิ่มขึ้น 1% จากแหล่งนำเข้าหลัก ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 6.19% จีนเพิ่มขึ้น 3.55% และไทยเพิ่มขึ้น 5.58%
โดยประเภทชิ้นส่วนยานยนต์ที่นำเข้าจากไทยที่มีโอกาสเติบโตได้ดีในออสเตรเลีย
เช่น กันชนและส่วนประกอบ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งภายในยานยนต์ ระบบกันสะเทือน
เบริกและเซอร์โวเบรก เพลาขับ พวงมาลัย หม้อพักท่อไอเสียและเข็มขัดนิรภัย
ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตจนเป็นที่ยอมรับในตลาดแห่งนี้
ดังนั้นหากผู้ประกอบการไทยต้องการรักษาตลาดนี้ไว้
จำเป็นต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า
เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและเร่งประชาสัมพันธ์ให้สามารถเข้าถึงผู้นำเข้ารายใหม่
เพื่อขยายฐาน
พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการไทยควรเร่งศึกษาช่องทางขยายตลาดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม 'รถยนต์ไฟฟ้า' ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันในออสเตรเลียจะยังไม่ได้มีการใช้งานจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม เนื่องจากรัฐบาลกลางรวมถึงรัฐบาลท้องถิ่น ต่างออกมาตรการสนับสนุนให้คนออสเตรเลียหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมขณะนี้ออสเตรเลียเริ่มมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐและสหภาพยุโรปมากขึ้น หากไทยต้องการขยายตลาดนี้ต้องศึกษาและติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อคว้าโอกาสขยายตลาดในอนาคต