สำหรับคอกาแฟ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “กาแฟขี้มะมด”
ซึ่งอาศัยกระบวนการย่อยภายในท้องชะมดจนได้กาแฟหอมกรุ่นคุณภาพดี กิโลกรัมละหมื่นบาท
เพราะอาจอาจกระบวนการที่ยุ่งยากและซับซ้อนจนกลายเป็นสตอรี่ที่คอกาแฟยอมจ่ายเพื่อให้ได้เสพกาแฟที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก
แต่ด้วยนวัตกรรมและความไม่หยุดพัฒนาของธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งได้ผสานนวัตกรรมกับกระบวนการผลิตกาแฟขี้ชะมดแบบใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยท้องชะมดผลิตกาแฟอันแสนแพงอีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้มีกาแฟที่ผลิตขึ้นเลียบแบบกระบวนการย่อยภายในท้องของชะมด และบ่มจนได้กาแฟคุณภาพดี หอมละมุม กลมกล่อม ลดการฝาดขมลงนิด ที่รับรองว่าคอกาแฟจะต้องติดใจและราคาไม่แพงอย่างที่คิด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
“รุ่งศักดิ์ วิเศษศักดิ์ชัย” กรรมการผู้จัดการ
บริษัท แวกัสโซ่ จำกัด ผู้คิดค้นนวัตกรรมการหมักเมล็ดกาแฟเลียนแบบกระบวนการย่อยในท้องชะมดแบรนด์
“Vagaso” กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นคือมีแนวคิดเกี่ยวกับผลิตสินค้าออกสู่ท้องตลาดต้องเป็นสินค้าประเภทไหนที่ไม่ซ้ำกับผู้ประกอบการคู่แข่งรายอื่นๆ
จึงได้แนวคิดการผลิตการแฟขี้ชะมดโดยการหมักเมล็ดกาแฟเลียนแบบกระบวนการย่อยในท้องชะมดขึ้นมา
ซึ่งพัฒนาอยู่หลายปีจนตกผนึกกลายเป็นกาแฟแบรนด์ “Vagaso” ที่ถูกบรรจุอยู่ในรูปแบบของ
“Drip Bag” พร้อมชงดื่มได้ทันที
จากนั้นก็นำร่องการทำตลาดเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบจนแบรนด์ “Vagaso” จนสามารถครองใจผู้บริโภคที่ชื่นชอบดื่มกาแฟ สามารถทำการตลาดประสบความสำเร็จจนเป็นที่กล่าวขานอย่างแพร่หลายเพราะกาแฟขี้ชะมดราคาแสนถูกเมื่อเทียบกับกาแฟขี้ชะมดธรรมชาติราคาแพงที่สุดในโลก
นวัตกรรม Biotic Process
เลียนแบบการย่อย
Vagaso เป็นกาแฟขี้ชะมดที่ไม่ต้องพึ่งชะมดด้วยนวัตกรรมประยุกต์ผ่านขบวนการ” Biotic Process”จนได้กาแฟ
"Biotic Coffee" ที่มีสารกาบา (GABA) มีสรรพคุณมากกว่ากาแฟขี้ชะมดธรรมดาหลายเท่าตัว
ที่สำคัญช่วยบำรุงในเรื่องประสาทและสมอง มีคาเฟอีนลดลง แต่ให้รสนุ่มละมุน
ความขมลดลง แถมมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่กาแฟชนิดอื่นไม่มี
ไม่เพียงมีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมเลียนแบบกระบวนการย่อยในท้องชะมด
แต่ยังเต็มไปด้วยสารกาบาที่มีประโยชน์ อีกทั้งยังหอม อร่อย
ถูกใจคอกาแฟไม่แพ้กาแฟขี้ชะมดทีเดียว ในส่วนของกระบวนการผลิตแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
การนำเมล็ดกาแฟมาทำ Dry Process แบบบ่มแห้งประมาณ 8 เดือนจากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการ Biotic Process ที่บ่มด้วยเอนไซม์สายพันธุ์พิเศษก่อนที่จะนำไปคั่วให้ออกมาเป็นเมล็ดกาแฟ
Vagaso เพื่อวางขาย
“หลักการคือ ท้องของชะมดหรือท้องสัตว์อื่นๆ ก็เหมือนท้องคน คือมีกระบวนการย่อยเป็นขั้นตอน ผมก็จำลองกระบวนการนี้ขึ้นมา ซึ่งต้องบอกเลยว่าเมล็ดกาแฟที่ออกมาน่าจะดีกว่ากาแฟขี้ชะมดด้วยซ้ำ เพราะว่ากระบวนการย่อยในท้องของชะมดยังมีการหมักหมมของสารต่างๆและยังคงหลงเหลือกลิ่นอยู่ในเมล็ดกาแฟ แต่ว่าของกระบวนการ Biotic ที่เราทำจะไม่มีกลิ่นเหล่านี้ อีกทั้งยังกำจัดพวกสารเคมีที่ตกค้างออกไปได้หมด”
มั่นใจว่าเป็นกาแฟยามเช้าที่ดีที่สุดในโลก
ปัจจุบันโรงคั่วกาแฟ Vagaso ตั้งอยู่ที่
จ.ขอนแก่น มีกำลังการผลิตวันละ 2 ตัน
ถือว่ายังไม่มาก
แต่ทุกขั้นตอนการผลิตเน้นการคั่วดึงคุณสมบัติที่ดีที่สุดของกาแฟออกมา
เพื่อให้ได้มาซึ่งเป็นรูปแบบของถุงกาแฟ 'ดริป' (Drip Bag) เพียงเติมน้ำร้อน 150 ซีซี. ก็ดื่มได้แล้ว จากนั้นก็เติมน้ำ 2-3 ครั้ง
จนกาแฟจืด ซึ่งไม่ต่างจากไปดื่มด่ำกาแฟสดยามเช้าที่ร้านกาแฟดีๆ สักแห่งหนึ่ง
กลายเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักดื่มกาแฟที่ต้องพกพาไปด้วยทุกที่ กับกาแฟถ้วยโปรด
ที่เขามั่นใจว่าเป็นกาแฟยามเช้าที่ดีที่สุดในโลก โดยสนนราคากล่องละ 290บาท (6 ซอง)
ถือว่าไม่แพงมากและทุกคนสามารถจับจ่ายซื้อซื้อกาแฟ Vagaso เพื่อบริโภคในราคาจับต้องได้
นับตั้งแต่เปิดกาแฟ Vagaso เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ก็ได้ตั้งเป้าหมายเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Luxury ชูจุดแข็งของแบรนด์ว่าเป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง รสชาติดี และตั้งเป้าหมายในการผลักดันให้เป็นแบรนด์กาแฟที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก การตลาดของ Vagaso จึงมุ่งเน้นการออกงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจำหน่ายผ่านตัวแทนและช่องทางออนไลน์ในการทำตลาด นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนากาแฟ Vagaso ให้ดียิ่งขึ้นไปเพื่อเตรียมตัวประกวดในการแข่งขันกาแฟระดับโลก
ท่านผู้อ่านอาจมีข้อสงสัยว่า แบรนด์ Vagaso มีที่มาที่ไปอย่างไร
เรื่องนี้คุณรุ่งศักดิ์ได้เฉลยว่า “แบรนด์ Vagaso มาจาก แวน โก๊ะ
บวก ปิกัสโซ่ จิตรกรเอกของโลก ผมมองว่า
การดื่มกาแฟก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง อีกความหมายคือ ผมชื่อ ‘แว้’ แบรนด์นี้เลยมาจากชื่อของผมเองด้วย
ส่วนที่ใช้รูปยักษ์เพราะผมต้องการให้โลโก้สะท้อนความเป็นไทย อยากให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นแบรนด์ของประเทศไทย
เป็นกาแฟยามเช้าที่ดีที่สุดในโลก”
ผลิตกาแฟคุณภาพ ธุรกิจเด่นน่าลงทุน
สัญลักษณ์ใจกลางดูบัว โดยกาแฟอินทนิล