ส่องแนวคิด ผู้ให้บริการธุรกิจด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม สร้างองค์กรแห่งความยั่งยืนกว่า 34 ปี
ในยุคที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความท้าทายจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โจทย์ใหญ่ เช่นการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในทุกภาคส่วน จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มักจะมีข้อจำกัดในด้านทรัพยากรและการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
Bangkok Bank SME ชวนไปพูดคุยถึงกลยุทธ์และแนวทางที่ คุณพยุงศักดิ์ บุญสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด มุ่งเน้นที่จะช่วยให้ทุกหน่วยงาน ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายหลักในการให้คำปรึกษา วิเคราะห์การใช้พลังงานขององค์กร เพื่อหาแนวทางในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวคิดและวิธีการจะทำได้อย่างไร ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์นี้

คุณพยุงศักดิ์ กล่าวว่า บริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด (Able Consultant Co., Ltd.) จัดตั้งเมื่อปี 2533 ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษาไทย กระทรวงการคลังเป็นที่ปรึกษาประเภท A สภาวิศวกรผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมประเภทนิติบุคคล ที่ปรึกษาดำเนินการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการสำนักงานสีเขียว (Green Office) โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีบุคลากรที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีความสามารถในการให้คำปรึกษาในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
บริษัทของเรา มีประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานมากว่า 30 ปี บริการในฐานะที่ปรึกษาในสาขาพลังงานในงานด้านต่าง ๆ อาทิ การจัดทำยุทธศาสตร์และนโยบายด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน การศึกษาความเหมาะสมของโครงการด้านพลังงาน การประเมินผลโครงการ การพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน การตรวจวัดและวิเคราะห์ศักยภาพการดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงาน การจัดทำหลักสูตร/การจัดฝึกอบรม การจัดสัมมนา/ศึกษาดูงาน และการประชาสัมพันธ์ (จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์/เอกสารเผยแพร่/การจัดนิทรรศการ/สื่อโฆษณา)

ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 30 ปี ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจในการให้บริการงานด้านพลังงานจากหน่วยงานต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานมหาวิทยาลัย และภาคเอกชนอื่น ๆ จนมีผลงานมากกว่า 70 โครงการ
Environment – ความรับผิดชอบของธุรกิจในมิติสิ่งแวดล้อม
จากสถานการณ์ต้นทุนราคาพลังงานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาการเกิดภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิต ซึ่งทั่วโลกรวมถึงไทยได้ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) ทำให้ในช่วง 4 -5 ปีที่ผ่านมา บริษัทจึงโอกาสขยายธุรกิจเข้าสู่งานด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยต่อยอดการให้บริการที่เรายังคงพื้นฐานของความเชี่ยวชาญที่บริษัทมีอยู่ ได้แก่ การให้บริการที่ปรึกษาการดำเนินงานสำนักงานสีเขียว (Green Office) โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ตลอดจนการเป็นผู้ให้บริการในงานปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในรูปแบบโครงการ ESCO (Energy Service Company) ซึ่งนอกจากจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ยังส่งผลให้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากลูกค้า ทั้งที่เป็นฐานกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

‘Green Hotel’ ไม่ใช่แค่ประหยัดพลังงาน แต่คือการสร้างความยั่งยืน
จากกระแสการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งในความต้องการของนักท่องเที่ยวที่สนใจในการรักษาสภาพแวดล้อมจากการท่องเที่ยว โดยคุณพยุงศักดิ์ สะท้อนมุมมองเรื่อง Green Hotel หรือ โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมว่า ไม่ได้หมายถึงเพียงการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึงการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อมที่ดี และการมีส่วนร่วมในการสืบสานศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อันจะทำให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนเตรียมความพร้อมสู่การประเมินมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในระดับสากล
ซึ่งการที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จะได้รับการรับรองให้เป็น Green Hotel ต้องผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ ตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังขาดองค์ความรู้และอาจรวมถึงค่าใช้จ่ายและงบประมาณในการดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางและหลักเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้ บริษัทมีโอกาศที่จะให้บริการหรือการสนับสนุนการดำเนินงานของโรงแรมเหล่านี้ ทั้งในส่วนของการขอรับการประเมินและการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์

Energy Efficiency การให้คำปรึกษาในการพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน การตรวจวัดประสิทธิภาพการใช้งานพลังงาน รวมทั้งการลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงานทั้งในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม
คุณพยุงศักดิ์ เผยว่า เรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทของเราที่ต้องรักษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากในปัจจุบัน โดยการประเมินเพื่อหาศักยภาพและแนวทางการอนุรักษ์พลังงาน และเสนอแนะเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานในสถานประการ ซึ่งต้องมีการดำเนินการสำรวจและเก็บข้อมูลการใช้พลังงาน เครื่องจักร อุปกรณ์หลักที่มีนัยสำคัญต่อการใช้พลังงาน การติดตาม ตรวจสอบผลการดำเนินการในมาตรการอนุรักษ์พลังงานที่ได้มีการดำเนินการ
และหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือการพัฒนาบุคลากรเพื่อเสริมสร้างพัฒนาจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงาน และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกระดับ ในการร่วมมือส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานที่ต่อเนื่องและยั่งยืน โดยจัดการฝึกอบรม และการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและเพิ่มองค์ความรู้ให้แก่พนักงาน นอกจากนี้ ยังให้บริการในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร และอุปกรณ์ประหยัดพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในรูปแบบ ESCO (Energy Service Company)


จุดแข็ง คือเครือข่ายที่เข้มแข็ง
คุณพยุงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านพลังงานล้วนแต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในงานด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายนักวิชาการที่เข้มแข็ง เราสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานด้านวิชาการจากมหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาจากบริษัทต่าง ๆ รวมทั้งเรามีฐานข้อมูลด้านวิชาการและฐานข้อมูลกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานและอาคารจำนวนมาก ทำให้เราสามารถเชื่อมโยงความเชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนได้อย่างครบวงจร เพื่อช่วยตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประเทศไทยช้าไปไหม สำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก?
ในอดีต เรามักมองว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นผลกระทบที่ปรากฏอย่างชัดเจน และกำลังสร้างความเดือดร้อน และส่งผลกระทบกับสิ่งต่าง ๆ บนโลกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา อากาศร้อนมาก และหลังจากนั้นไม่นาน เกิดปรากฏการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ชัดเจนจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นสัญญาณเตือนที่ชี้ให้เห็นว่าเราต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างจริงจังให้มากขึ้น
สำหรับประเทศไทย คาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมา และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน กว่าร้อยละ 70 มาจากภาคพลังงาน ดังนั้น จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน
ซึ่งปัจจุบัน องค์กรธุรกิจให้ความสำคัญกับการลดก๊าซเรือนกระจก มีการประกาศเป้าหมายองค์กรในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างจริงจัง และก็มีอีกหลายหน่วยงานที่เริ่มต้นและให้ความสนใจที่จะเข้ามา แต่อาจจะดำเนินการในลักษณะ CSR ซึ่งมักเป็นเพียงช่วยลดผลกระทบบ้างในระยะสั้นๆ ยังไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เราควรกลับมาพิจารณาว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจขององค์กรนั้นสอดคล้องกับหลักการความยั่งยืนหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือการลงมือปฏิบัติจริงและยั่งยืน
คุณพยุงศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า ปัญหาหนึ่งที่พบคือ ภาคอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมส่งออก เริ่มตระหนักถึงผลกระทบของกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นในต่างประเทศ หากไม่ปรับตัวก็อาจสูญเสียตลาดไปได้ ดังนั้น จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำเพื่อรักษาธุรกิจ แม้ว่าแรงจูงใจหรือเป้าหมายการดำเนินการของแต่ละองค์กรจะแตกต่างกันไป ซึ่งไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์อะไร ผมมองเห็นถึงความตั้งใจที่ทุกคนเริ่มมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ซึ่งในภาพรวมถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ภาคธุรกิจหันมาตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืน (Sustainability) และพร้อมที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา
ติดตาม บริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด เพิ่มเติมได้ที่