Brexit อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกไทย

SME Go Inter
21/02/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 2466 คน
Brexit อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกไทย
banner

ภายหลังจาก 3 ปีครึ่งแห่งความวุ่นวายที่ยืดเยื้อภายหลังการลงประชามติในปี 2559 ท้ายที่สุดเหตุการณ์ Brexit ก็เกิดขึ้น โดยสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ได้สิ้นสุดสถานะการณ์เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาหลังจากที่เป็นสมาชิกมายาวนานถึง 47 ปี

 

คำถามคือ อังกฤษก้าวเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้อย่างไร?

การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จากการแยกตัวจะยังไม่เกิดขึ้นทันที เพราะอังกฤษมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition period)  11 เดือน (นับจาก 31 มกราคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563) เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ของทั้งสองฝ่ายสามารถปรับตัว โดยระหว่างนี้อังกฤษและอียูจะต้องกำหนดรูปแบบการดำเนินความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างกัน และอังกฤษจะยังคงอยู่ในระบบตลาดเดียว (single market) และสหภาพศุลกากร (customs union) ของอียู

กล่าวคือ สินค้า การบริการ เงินทุนและประชาชนยังสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีระหว่างอียูกับอังกฤษ  นอกจากนั้นอังกฤษจะยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายอียูและพันธกรณีต่างๆ ที่อียูมีภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศ รวมถึงความตกลงภายใต้กรอบ WTO และ FTA กับประเทศที่สามด้วย

อย่างไรก็ดี อังกฤษจะไม่มีผู้แทนในสถาบันของอียู และไม่สามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจของอียู รวมถึงยังต้องจ่ายค่าออกจากการเป็นสมาชิกอียูประมาณ 34 หมื่นล้านปอนด์

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 


ทิศทางในอนาคตของทั้งสองฝ่าย

ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายได้กำหนดกรอบเป้าหมายการเจรจาคร่าวๆ ในเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยนอกจากเรื่องการค้า ซึ่งมีประเด็นสำคัญหลายประเด็นที่ต้องตกลงกัน เช่น การเปิดตลาดสินค้าและบริการ การคุ้มครองข้อมูล การขนส่งและการบิน รวมถึงเงื่อนไขเรื่องประมงแล้วนั้น อียูและอังกฤษยังต้องเจรจาตกลงกันในเรื่องความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ ในอนาคตด้วย เช่น ความร่วมมือด้านความมั่นคง และกลไกความร่วมมืออื่นๆ

โดยหลังจากนั้นอาจมีการเจรจาจัดทำความตกลงเสริม สำหรับประเด็นที่ไม่สามารถเจรจาได้ทันในช่วง 11 เดือน ก่อนที่การเจรจาครั้งแรกจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม นี้ นาย Michel Barnier หัวหน้าคณะเจรจาอียู ได้ยื่นข้อเรียกร้องการเปิดตลาดการค้ากับอังกฤษ โดยให้คิดภาษีเป็น 0% และไม่มีการกำหนดโควตา และอียูยังเรียกร้องให้อังกฤษเปิดเสรีภาคบริการหลากหลายสาขา เช่น บริการธุรกิจ สื่อสารโทรคมนาคม การบริการด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการค้าดิจิตอล ทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย

นอกจากนั้น เพื่อป้องกันมิให้อังกฤษแสวงประโยชน์จากการลดมาตรฐานต่างๆ ลง เพื่อให้ได้เปรียบทางการค้า อียูยังได้วางเงื่อนไขการเจรจาที่จะต้องรักษา “การแข่งขันที่เป็นธรรม” (level-playing field) โดยประเด็นที่อียูให้ความสำคัญคือ เรื่องการห้ามมิให้มีการทุ่มตลาด และเรื่องกฎระเบียบและมาตรฐานของด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม ภาษี การอุดหนุนจากรัฐ รวมถึงการยอมให้อียูเข้าไปทำประมงในน่านน้ำอังกฤษต่อไป

ด้าน นาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาประกาศเช่นกันว่าอังกฤษต้องการเลือกที่จะออกจากทั้งระบบตลาดเดียว และสหภาพศุลกากรของอียู เพื่อให้อังกฤษมีอิสระในการกำหนดนโยบายการค้าของตนเอง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยมีการอ้างถึงรูปแบบความตกลง FTA อียู-แคนาดา และอียู-ออสเตรเลีย (ความตกลง FTA อียู-ออสเตรเลีย ยังอยู่ระหว่างการเจรจา) และยังไม่ต้องการยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมอียูอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในการเจรจาระหว่างสองฝ่ายต่อไป

อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีเวลาในการเจรจารูปแบบความสัมพันธ์ดังกล่าวเพียง 11 เดือน ซึ่งหมายถึงโอกาสการเกิด No-deal Brexit ยังมีอยู่ แต่นาย Boris Johnson กล่าวว่าจะไม่ขอเจรจากับอียูเพื่อขยายช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านออกไป ดังนั้นจะต้องติดตามต่อไปว่าจะมีการขอขยายเวลาเปลี่ยนผ่านหรือไม่ ซึ่งจะต้องกระทำภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563

ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ อังกฤษยังสามารถเริ่มเจรจาความตกลงการค้าใหม่ๆ กับประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ และออสเตรเลียได้ ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จลุล่วงทันเวลา ข้อตกลงการค้าเหล่านี้ก็จะมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงการเปลี่ยนผ่านสิ้นสุดลง

 

โอกาสและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

รายงานจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประเมินในชั้นนี้ว่า ผลกระทบโดยตรงของ Brexit ต่อเศรษฐกิจไทยนั้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากสถานการณ์การค้าระหว่างอังกฤษ และประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยยังคงเป็นไปตามกฎระเบียบเดิม โดยไม่มีการปรับอัตราภาษีใดๆ แต่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากตลาดการเงินโลกโดยเฉพาะค่าเงินปอนด์และยูโรที่อาจมีการอ่อนค่าลง

ปัจจุบันการส่งออกของไทยไปอังกฤษคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย (อังกฤษเป็นคู่ค้าอันดับที่ 20 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยได้ดุลการค้า) สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอังกฤษ เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ ไก่แปรรูป อัญมณี แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น โดยมีจำนวนบริษัทไทยที่ไปตั้งโรงงานในอังกฤษเพื่อส่งออกไปอียูไม่มาก


จับตา FTA ไทย-อังกฤษ

แต่ที่น่าสนใจคือ ภายหลังจากนี้ไทยจะมีโอกาสทำ FTA เพื่อเปิดตลาดสินค้ากับอังกฤษได้โดยตรง เพราะอังกฤษก็น่าจะประสงค์หาพันธมิตรทางการค้าใหม่เช่นกัน และอาจจะง่ายกว่าการเจรจา FTA กับอียู 27 ประเทศ โดยหากอังกฤษไม่อยู่ในระบบตลาดเดียวและสหภาพศุลกากรของอียูแล้ว

ดังนั้นอังกฤษก็อาจไม่ต้องทำตามกฎระเบียบการนำเข้า/ส่งออกของอียู เช่น โควตา และกฎระเบียบด้านสุขอนามัยพืชและสัตว์ ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้ไทยส่งออกสินค้าไปอังกฤษได้เพิ่มขึ้น เช่น ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผักผลไม้ และอาหารสด/อาหารแห้ง (จากแต่เดิมที่ถูกจำกัดด้วยโควตาการนำเข้าของอียู และอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี)

ที่ผ่านมาไทยได้รับโควตาส่งออกไปอียูในอัตราภาษีต่ำรวม 31 รายการ ภายหลัง Brexit อียูจะปรับลดโควตาลง เพราะอังกฤษก็จะมีโควตาของตนเองด้วย ในการนี้ไทยจะต้องเจรจาโควตากับอียูและอังกฤษใหม่สำหรับสินค้า เช่น มันสำปะหลัง แป้งมันสำปะหลัง ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวหัก ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ปลากระป๋อง ปีกไก่ เป็นต้น โดยเป้าหมายคือให้โควตารวม (ของอียูกับอังกฤษ) ไม่ลดลงจากที่อียูเคยจัดสรรก่อน Brexit

ทั้งนี้ไทยมีความจำเป็นต้องติดตามการเจรจาระหว่างอังกฤษกับอียูอย่างใกล้ชิด เพราะถึงแม้ว่าอังกฤษและอียูจะสามารถบรรลุการเจรจาความสัมพันธ์ฉบับใหม่ภายในสิ้นปี 2563 แต่การที่อังกฤษออกจากระบบตลาดเดียวและสหภาพศุลกากรของอียู อาจทำให้เกิดอุปสรรคต่อการค้าขายต่อกันขึ้นในอนาคต หากมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกันต่อสินค้าบางชนิด และวางมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีขึ้น เช่น การใช้โควตาและการตรวจสอบแหล่งกำเนิดของสินค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบในแง่ลบในทางอ้อมต่อการส่งออกของไทยไปอียูและอังกฤษในอนาคต

 

แหล่งอ้างอิง : Thaieurope.net



สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<


30 สินค้าแนวโน้มส่งออกขยายตัวปี 63

อังกฤษมีแผนเจรจา FTA กับเวียดนามหลัง Brexit






Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

เทรนด์การรับประทานอาหารแบบเนื้อไร้เนื้อ ยังคงเป็นแนวโน้มการบริโภคที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  จากกระแสการหันมาดูแลสุขภาพ…
pin
6062 | 17/01/2023
ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ขณะนี้ โลกของเราได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy : DE) ซึ่งหลอมรวมเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คน ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทย…
pin
1937 | 21/12/2022
โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

อีกหนึ่งโอกาสเกษตรกรไทย! คาดการณ์ความต้องการมันสำปะหลังช่วง 6 เดือนหลังของปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดทั้งปีไทยส่งออกกว่า 11 ล้านตัน…
pin
4920 | 23/10/2022
Brexit อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกไทย