จริงอยู่ในข้อที่ว่า
เทคนิคการตลาดยุคใหม่ควรมีความหลากหลาย ละเอียดอ่อน และสามารถซับซ้อนจนถึงขนาดที่ว่าสามารถจะทำอะไร
ใส่ลุกเล่นอย่างไรก็ได้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ขาย หรือมีส่วนร่วมในสินค้าหรือบริการตามจุดมุ่งหมายในการทำตลาดแต่ละครั้ง
เพราะเคล็ดลับการตลาดไม่มีสูตรตายตัว
โดยกลยุทธ์ในการเดินเกมของแต่ละแบรนด์อาจให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน
แม้จะใช้กลยุทธ์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะสามารถทำได้หมด หากแต่สิ่งที่ไม่ควรทำหรือทำผิดพลาดซึ่งอาจจะนำความเสียหายมาสู่ธุรกิจ จนสามารถปิดประตูเจ๊งได้กลับอยู่บนเรื่องราวและพื้นฐานแบบเดียวกัน นั่นคือ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ตั้งโจทย์ผิด
การตั้งโจทย์ผิดจะให้คำตอบเหมือนกับการติดกระดุมเม็ดแรกผิด
เพราะเมื่อกระดุมเม็ดแรกถูกติดผิดที่ผิดทาง ต่อให้จะพยายามติดเม็ดต่อไปจนจบ ก็ไม่สามารถปรับเสื้อผ้าให้สวยงามเข้าทรงตามปกติได้ โดยโจทย์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องการทำตลาดเพียงอย่างเดียว
แต่หมายถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นสินค้า ผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นมาด้วย เพราะถ้าสินค้าที่มีนั้นเกิดขึ้นมาบนพื้นฐานความต้องการของผู้ผลิตไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
ก็สามารถนำไปสู่การเปิดประตูเจ๊งได้เช่นกัน
ดังนั้นไม่ว่าจะเริ่มต้นทำอะไร
การตั้งคำถาม ตีโจทย์ที่เกี่ยวกับธุรกิจให้ถูกที่ เข้ากับกระแสโลก สังคม
และที่สำคัญที่สุดคือการเอาความต้องการของลูกค้ามาเป็นตัวตั้งโจทย์ ปรับสินค้าและบริการที่มีให้สอดคล้อง
กลายเป็นทางรอด และทางสำเร็จในการดำเนินกิจการทุกรูปแบบ
2. ลดราคา
การลดราคาเป็นเบสิกพื้นฐานในการทำตลาดที่มีการนำมาใช้กันมากที่สุด
โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันสูง การทำตลาดตัดราคาแข่งกัน
มีแต่ทำให้พังกับพังไม่เป็นท่าและไม่ได้เข้าใกล้คำว่าสำเร็จอย่างที่เข้าใจ
และเคยนำเสนอผ่านตาไปบ้างแล้ว
ดังนั้นในการทำตลาดควรมีจุดยืนด้านคุณภาพของสินค้าแล้ว
ยังควรต้องเพิ่มความระมัดระวังเข้าไปให้มาก หากคิดจะเล่นกับการลดราคา
เพียงเพราะว่าขายไม่ดี เศรษฐกิจซบเซา หรือแม้แต่ต้องการจะเอาชนะคู่แข่ง เพราะการลดราคาอาจทำให้สินค้าขายดีขึ้นมาทันตาเห็น
แต่ก็ทำให้กำไรที่ควรจะเป็นหรือได้รับนั้นตกต่ำลงไปมากด้วยเช่นกัน และยังเป็นการ
“วางกับระเบิดเวลา” ไว้ใน “สงครามราคา” ที่รอวันระเบิดทำงาน แล้วพากันตายหมู่พร้อมๆ
กันได้ด้วย
เพราะนอกจากการลดราคาจะทำให้ขายดีแล้ว
ยังกลายเป็นกัปดักในการทำตลาด ที่ผู้บริโภคจะเสพติด จนสุดท้ายต้นทุนจม ถามหากำไรไม่เห็น
ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นที่ต้องระดมทุนหมุนเวียนหรือกำลังจะล้างสต๊อก ลงของล็อตใหม่เท่านั้น
3. จบแบบไม่ชวนจำ
สินค้าควรมาพร้อมกับการให้บริการที่ดีตลอดระยะเวลาที่ทำการเปิดการขายไปจนถึงปิดการขาย
ซึ่งการปิดการขายการทิ้งท้ายเป็นสิ่งสำคัญมาก หากทิ้งคำพูดเชิญชวนดีๆ
มีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้ชื่นใจ จะทำให้เกิดความประทับใจในในลูกค้าได้มากกว่า
เพราะเหมือนว่าได้รับความใส่ใจตลอดจนจบการขายแล้ว ทำให้ไม่รู้สึกว่า “เอาแต่เงิน” เพราะความประทับใจสุดท้ายจะเป็นเหตุผลให้เกิดการกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ
ตามเคล็ดลับที่ศาตราจารย์ Sriram Dasu และ Richard
Chase มหาวิทยาลัย Sounthern California ได้ให้ไว้
ดังนั้นทุกครั้งๆ ที่ขายสินค้าและบริการให้ลูกค้าเสร็จแล้วควรปิดท้ายด้วยการ
“จบสวย”
4. ไร้คุณธรรม
ท่ามกลางตัวเลือกที่มีมากมายจากมุมมองของฝั่งผู้บริโภคและการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีอยู่สูง
การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ให้ผลดีในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เช่น
ที่เคยเห็นแม่ค้าขายผลไม้ในตลาดสดนิยมทำในยุคสมัยหนึ่ง นั่นคือติดราคาขายสินค้าชนิดเดียวกันให้ดูต่ำกว่าร้านอื่นๆ
ใกล้เคียง โดยที่ไม่ได้นำเสนออย่างใสสะอาดว่าเป็นราคาขายเพียงครึ่งกิโลกรัมเท่านั้น
ก็จะทำให้ลูกค้าเสียความรู้สึก ไม่ประทับใจ รู้สึกว่าโดนหลอก อาจเผยแพร่ชื่อเสียงในด้านแย่ของร้านค้าลงในสื่อโซเชียลมีเดีย
ไม่กลับมาซื้อซ้ำ และชักนำคนใกล้ตัวไม่ใช้บริการ
ไปจนถึงแจ้งความเอาผิดโทษฐานหลอกลวงผู้บริโภคได้ด้วย
ดังนั้น หากคิดจะสร้างสีสันให้กับการทำตลาด
ควรนำเสนออย่างมีคุณธรรมและความรับผิดชอบ และไม่นำสินค้าคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาทำตลาดดึงดูดผู้คนด้วยเช่นกัน
ถ้าไม่อยากพังก่อนไปถึงฝั่งฝัน
เนื่องจากผู้บริโภคในยุคนี้มีอิทธิพลต่อแบรนด์และฉลาดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
จนยากที่จะไร้คุณธรรมและเอาเปรียบได้อีกต่อไป เพราะบนการหลอกลวงจนเริ่มมีคนบ่น 1
คนในยุคนี้จะกระเพื่อมชื่อเสียงให้แบรนด์ในทางที่ไม่ดีไปอีกมาก
ทั้ง 4 หัวข้อที่หยิบยกมานี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ประการใด เพียงแต่อยากเน้นย้ำถึงการทำการตลาดในปัจจุบันที่เน้นขายของ จนบางครั้งหลงลืมไปว่าการกระทำดังกล่าวอาจไม่ยั่งยืน และอาจให้ผลเป็นลบในเวลาต่อมา ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการอย่าได้เห็นแก่ผลลัพธ์เฉพาะหน้า แต่ควรตระหนักถึงผลที่จะตามมาด้วย
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
Facebook Marketing ไม่ใช่เรื่องยาก ทุนน้อยก็ปั้นให้ปังได้
4 เทคนิคเลือกใช้โซเชียลมีเดียในการทำตลาดออนไลน์