‘คัฟฟ่า’ เข้าใจโจทย์ธุรกิจ Success ด้วย 'After Sale Service'

มีเงินซักก้อนก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้!!!

แต่จะทำให้มีกำไรและอยู่รอดได้พื้นฐานกลับเป็นสิ่งสำคัญ ในที่นี้เรากำลังจะกล่าวถึงธุรกิจกาแฟ ดาวเด่นธุรกิจที่กว่า 10 ปีที่ผ่านมาได้ก้าวกระโดดขึ้นเป็นธุรกิจน่าลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ร้านกาแฟ’ ธุรกิจในฝันของคนหนุ่มสาว และอย่างที่บอกว่าเป็นเจ้าของธุรกิจเดี๋ยวนี้ไม่ยุ่งยากเนื่องจากมีผู้ให้บริการธุรกิจร้านกาแฟแบบครบวงจร เพียงแต่ความสำเร็จนั้นแนะนำและสอนกันได้ แต่กลับขายให้กันไม่ได้

ในที่นี้เรานำมาทำความรู้จัก ‘คัฟฟ่าคอฟฟี่เม็คเกอร์’ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านกาแฟ ผู้ช่วยให้การเริ่มธุรกิจร้านกาแฟไม่ใช่งานยาก โดยมีบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ขายเครื่องชงกาแฟ ออกแบบร้าน ออกแบบโลโก้ สูตรชงกาแฟ การเทรนนิ่ง เมล็ดกาแฟ ไปจนถึง After Sales Service เพื่อร่วมสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน 

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

เพราะมองเห็นโอกาส

จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์เล็ก ทำให้ คุณเอกสิทธิ์ บุญยวง (แม็ค) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ‘คัฟฟ่าคอฟฟี่เม็คเกอร์’ ตัดสินใจลาออกจากงานบริษัทแฟรนไชส์เครื่องขายกาแฟที่ทำงานมานานถึง 12 ปี เพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟสดอย่างครบวงจรเมื่อปี 2558 ด้วยเพราะเข้าใจถึงโจทย์ธุรกิจร้านกาแฟบ้านเราเป็นอย่างดี

คัฟฟ่ามีจุดเริ่มต้นในปี 2547 ด้วยความที่อยากลองทำงานบริษัทเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ประจวบเหมาะกับบริษัทแฟรนไชส์เครื่องขายกาแฟรับสมัครพอดี ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่กาแฟเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จึงได้เริ่มศึกษาธุรกิจกาแฟนับแต่นั้นเป็นต้นมา

“ปี 2558 ผมเริ่มมีความรู้สึกอิ่มตัวกับการทำงานประจำ อยากทำธุรกิจของตัวเอง อยากสนับสนุนแบรนด์กาแฟเล็กให้ประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อสานแนวคิดตัวเองให้เป็นจริง”

‘คัฟฟ่า’ ต่างจาก ‘แฟรนไชส์กาแฟ’

คุณแม็ค เล่าว่า ตอนทำงานที่บริษัทธุรกิจจะเป็นในลักษณะขายแฟรนไชส์ ลูกค้าต้องใช้สินค้าของแฟรนไชส์ซอร์ แต่สิ่งที่คัฟฟ่าทำ คือการเซอร์วิสเหมือนแฟรนไชส์ทุกอย่าง ตั้งแต่จัดทำแบรนด์ให้ลูกค้า ลักษณะธุรกิจของคัฟฟ่ามีความต่างจากแบรนด์ที่มีอยู่แล้วในตลาด ซึ่งเป็นแบบขายเครื่องชงกาแฟก็จะขายเครื่องเพียงอย่างเดียว ไม่มีการฝึกอบรม ไม่มีการบอกสูตร ไม่ช่วยออกแบบโลโก้ ออกแบบร้าน

ขณะที่ธุรกิจร้านกาแฟแฟรนไชส์จะไม่ขายเครื่องชงกาแฟเพียงอย่างเดียว ต้องยกแบรนด์ให้ลูกค้านำไปใช้ การออกแบบร้าน โลโก้ เมนู ต้องตามคอนเซปต์แฟรนไชส์

“ผมจึงใช้ 2 โมเดลธุรกิจมารวมกัน ก็คือ ‘เซอร์วิสเหมือนแฟรนไชส์’ แต่เป็นแบรนด์ของลูกค้าเอง”

เริ่มทำธุรกิจคัฟฟ่า ตอนแรกลูกค้าเห็นก็ค่อนข้างพอใจ โดยต้องเข้าใจก่อนว่าพฤติกรรมแฟรนไชส์บ้านเรา แฟรนไชส์ซอร์จะมีสินค้าให้กับแฟรนไชส์ซี และแฟรนไชส์ซีจะคาดหวังเข้าใจว่าเป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่แฟรนไชส์ซอร์ต้องซัพพอร์ต

ขณะที่คัฟฟ่าจะมีสินค้าให้ลูกค้าลักษณะเดียวกัน แต่ลูกค้าจะรู้สึกเกินความคาดหวัง แฮปปี้มากกว่าที่ได้สินค้าหรือเซอร์วิสเพิ่ม อย่างเช่น ซื้อเครื่องชงกาแฟ เราจะช่วยออกแบบโลโก้ ป้ายเมนูให้ฟรี ออกแบบร้าน ออกแบบฟังก์ชันเคาน์เตอร์ร้านกาแฟให้ด้วย หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับร้านกาแฟต่างๆ ทางเรามีการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อซัพพอร์ตลูกค้า

เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการที่อยากเปิดร้านกาแฟ เพียงมีเงินลงทุนและสถานที่ก็สามารถเปิดร้านกาแฟได้

เครื่องชงที่ดีต้องมีราคาเท่าไหร่?

หลายคนอาจสงสัยถึงประสิทธิภาพของเครื่องชงกาแฟในท้องตลาดปัจจุบันนี้ ซึ่งมีให้เลือกมากมายและหลายราคา คุณแม็ค กูรูตัวจริงด้านเครื่องชงกาแฟ บอกว่า ที่คนทำธุรกิจร้านกาแฟจำเป็นต้องทราบก็คือ ความรู้เกี่ยวกับเครื่องชงกาแฟ ตัวอย่างที่เคยพบก็คือ ลูกค้าตั้งงบประมาณทำร้านกาแฟไว้ 2 ล้านบาท แต่ตั้งงบสำหรับเครื่องชงกาแฟ 50,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเครื่องชงกาแฟสำหรับโฮมยูสเซอร์

“ผมจึงยิงคำถามกลับไปว่าทำไมจึงตั้งงบไว้ที่ 50,000 บาท คำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่คือลูกค้าจะไม่รู้ว่าเครื่องชงกาแฟที่ดีต้องมีราคาเท่าไหร่? ลูกค้าอาจจะนำราคาไปเทียบกับห้างสรรพสินค้าทั่วไป ซึ่งราคาหลักพัน หรือหมื่นต้นๆ จึงมีความคิดว่าเครื่องชงกาแฟราคา 50,000 บาทก็น่าจะโอเคแล้ว พอคัฟฟ่าได้อธิบายทำความเข้าใจให้ได้ทราบ ลูกค้าจึงเพิ่มงบในการซื้อเครื่องชงกาแฟ”

ส่วนในเรื่องอนาคตของตลาดธุรกิจกาแฟ คุณแม็ค เผยว่า ตั้งแต่ทำงานบริษัทเมื่อปี 2547 มีคำถามแบบนี้มาโดยตลอด จนเมื่อทำธุรกิจของตัวเองจึงรู้ว่าเมืองไทยมีคนที่อยากเปิดร้านกาแฟเยอะมาก ส่งผลให้ตัวเลขในการขายเครื่องชงกาแฟของคัฟฟ่าเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเพิ่มขึ้นในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 30%

ย้อนไปเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ลูกค้ามีเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กเยอะ ช่วงหลังมีเปอร์เซ็นต์ที่ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะ หรือสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือตลาดเครื่องชงกาแฟมือสองขายดี ซึ่งลูกค้าของคัฟฟ่าจะไม่ใช่ลูกค้าใหม่ที่อยากเปิดร้านกาแฟเพียงอย่างเดียว เพราะจะมีลูกค้าเดิมที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กเป็นเครื่องขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างสูง

“ผมมั่นใจปีต่อๆ ไป ปริมาณการดื่มกาแฟในเมืองไทยจะยิ่งเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคนดื่มที่เพิ่มมากขึ้นหรือปริมาณการดื่มต่อคนที่เพิ่มสูงขึ้น” 

ตลาดอุปกรณ์ดริปกาแฟโตน่าสนใจ

คุณแม็ค กล่าวอีกว่า สำหรับตลาด End User ซึ่งคอกาแฟซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟเพื่อไปดริปเองก็น่าสนใจ เพราะกำลังโตเป็นอย่างมากมาก ซึ่งกาแฟที่เหมาะกับตลาดนี้จะเป็นกาแฟประเภทโคลบลู ดริปร้อน ดริปเย็น เป็นต้น ปัจจุบันคนดื่มกาแฟเป็นมากขึ้นก็จะเริ่มศึกษา จากแต่ก่อนชงจากเครื่องชง ดื่มเอสเปสโซ่เป็นหลัก ตอนนี้นิยมใช้วิธีการดริปเพราะทำเองได้ที่บ้าน

สำหรับตลาด End User คัฟฟ่ามีการนำเข้าอุปกรณ์ดริปกาแฟอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด 19 อุปกรณ์ดริปกาแฟขายดีมาก ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น จึงเกิดไอเดียอยากชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน อาจจะชงไม่เยอะวันละ 1-2 แก้ว และก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องดื่มเอสเปสโซ่ที่ร้านเพิ่มเติม ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยคนที่ดื่มกาแฟต้องมีอย่างน้อย 2 แก้วต่อวัน ช่องว่างตรงนี้ทำให้ตลาดโตค่อนข้างเร็ว

คัฟฟ่าจึงเกิดไอเดียทำ ‘ไมโครโรสเตอร์’ ขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง นอกจากโรงคั่วที่มีอยู่แล้วที่จังหวัดเชียงราย โดยเป็นเครื่องคั่วขนาดเล็กใช้สำหรับคั่วหน้าร้าน ทั้งกาแฟนอกและกาแฟไทย ซึ่งตลาดหลักก็คือกลุ่ม End User โดยเฉพาะ

โฟกัสบริการ ‘หลังบ้าน’ แบบครบวงจร

อีกสิ่งหนึ่งที่คัฟฟ่าให้ความสำคัญมากก็คือ การโฟกัสเรื่อง ‘After Sale Service’ เพราะหากอยู่ในกลุ่มธุรกิจเปิดร้านกาแฟจะรู้ว่าเรื่องนี้มีปัญหาค่อนข้างเยอะ

ด้วยเหตุนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขจาก After Sale Service เช่น การเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมตัวเครื่อง สูงขึ้นค่อนข้างเยอะ ตรงนี้เกิดจากการบอกปากต่อปาก ส่งผลให้ลูกค้าซื้อเครื่องชงกาแฟจากเราเพิ่ม ซึ่งหากมองเรื่องบริการหลังการขายเราไม่เป็นรองใครนี่คือจุดแข็ง ทีมงานอาจจะมีไม่เยอะ แต่การวิ่งเข้าไปเซอร์วิสค่อนข้างเร็ว เช่น กรุงเทพฯ เราจะเข้าไปดูแลภายใน 3 ชั่วโมงทำการ เพราะเราเข้าใจดีว่า เมื่อเครื่องเสียลูกค้าจะค่อนข้างซีเรียส เนื่องจากไม่สามารถชงกาแฟได้ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ จึงส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ‘คุณแม็ค’ ยังได้เผยถึงผลกระทบของโควิดไว้อย่างน่าสนใจเผยว่า ในปี 2563 เดือนเมษายนตัวเลขดร็อปไป 60% หลังจากนั้นตัวเลขยอดขายโตจนถึงสิ้นปี ซึ่งต้องเข้าใจว่าปีที่แล้วคนตกงานอย่างไม่ตั้งใจจำนวนไม่น้อย ผู้คนจึงหันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมก็คือ ‘ร้านกาแฟ’ อาจจะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ เลือกสเกลธุรกิจได้ตามใจ จึงทำให้เครื่องชงกาแฟได้รับอานิสงส์ไปด้วย

สำหรับคนที่อยากมีธุรกิจร้านกาแฟ ‘คุณแม็ค’ ได้ฝากแนวคิดไว้ว่า ควรศึกษาให้ดี ปัจจุบัน Key Success มีค่อนข้างเยอะ แต่หลักๆ ที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ ‘ทำเล’ หากเรามีทำเลที่ดีโอกาสอื่นๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย อีกอย่างก็คือปัจจุบันคนดื่มกาแฟเป็นมากขึ้น ดังนั้น ‘คุณภาพ’ จึงสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟ เครื่องชง บาริสต้า สิ่งที่คนทำธุรกิจควรทำก็คือเรียนรู้ให้เยอะๆ ก่อนเปิดร้าน ข้อดีคือ เดี๋ยวนี้มีสถาบันสอนจำนวนไม่น้อย ควรเลือกเรียนหลายๆ ที่ เพราะแต่ละที่ไม่ได้สอนแค่สูตร แต่มีโมเดลธุรกิจ จุดคุ้มทุน ทำการบ้านแล้วค่อยตัดสินใจ

“สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจร้านกาแฟ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากทำเลที่ตั้ง คุณภาพวัตถุดิบแล้ว การบริการของพนักงาน การเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้ร้านกาแฟประสบความสำเร็จมีลูกค้าประจำสม่ำเสมอ นอกจากนี้เจ้าของธุรกิจควรมีความรอบคอบในการวางแผนทางการเงิน เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการพัฒนาธุรกิจต่อไป”

จากมุมมองของ ‘คุณแม็ค’ ธุรกิจผู้ให้บริการธุรกิจกาแฟครบวงจร ผู้อยู่ด้านบนของซัพพลายในธุรกิจ ทำให้มองเห็นเทรนด์และแนวโน้มต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ พฤติกรรมการรับประทานกาแฟสดของคนไทยที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของกลุ่มอุปกรณ์ดริปกาแฟ และทิศทางของธุรกิจกาแฟทั้งในส่วนของร้านและตลาดเมล็ดกาแฟ กล่าวได้ว่านี่เป็นธุรกิจที่เซ็กซี่และยังมีผู้เล่นใหม่เข้ามาเสมอ