แม้ว่ากัมพูชาจะมีการพัฒนาคุณภาพข้าวมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มเป็นที่ยอมรับในตลาดข้าวโลกมากขึ้น แต่ข้าวกัมพูชายังไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นในตลาดโลกได้
เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านศักยภาพและกำลังการผลิตภายในประเทศที่ยังมีไม่เพียงพอ
และยังคงขาดแคลนโรงอบข้าว โรงสีข้าว เทคโนโลยีทางการผลิตที่ทันสมัย
และบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นข้อจำกัดที่สาคัญของการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง
โดยในช่วงครึ่งปีแรก
2562 กัมพูชาส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
แต่ตลาดส่งออกหลักยังกระจุกตัวที่ประเทศจีน เป็นอันดับ 1 สัดส่วน 42% รองลงมาคือ
ตลาดยุโรป สัดส่วน 33% เพราะทั้งสองตลาดนี้ให้สิทธิพิเศษทางภาษี(ล่าสุด EU ตัด GSP)
ส่วนการขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือโควตานำเข้าเป็นกรณีพิเศษ
เช่นเดียวกับ ตลาดยุโรป และจีน จากปัญหาต้นทุนสูงแข่งขันไม่ได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
มุ่งเจาะตลาดใหม่ทดแทน
ล่าสุดผู้แทนสมาคมข้าวกัมพูชา
ได้หารือกับนาย George Kim J
H ประธานบริษัท JS Global Corporation บริษัทผู้ผลิตและส่งออกข้าวจากประเทศเกาหลีใต้
เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนดำเนินการบริษัทส่งออกข้าวในกัมพูชาเพื่อส่งออกไปยังตลาดแอฟริกา
ทั้งนี้ชนิดข้าวที่จะส่งออกไปตลาดแอฟริกาไม่เน้นข้าวคุณภาพดี ราคาแพง ส่วนใหญ่ผู้บริโภคในตลาดแอฟริกาจะนิยมบริโภคข้าวขาวที่เกรดไม่สูงมากนัก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังมีฐานะความเป็นอยู่และรายได้ที่ไม่สูง
โอกาสข้าวหอมมะลิออร์แกนิค
นอกจากนักลงทุนเกาหลีแล้ว
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำกัมพูชา ระบุว่าในส่วนของไทยได้มี บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด
เข้าไปดำเนินธุรกิจและจัดตั้งบริษัทในกัมพูชา ภายใต้ชื่อ บริษัท Apsara Rice (Cambodia)จำกัด โดยมีกำลังการผลิตข้าวขัดสี (เฉพาะเครื่องจักรในเฟสที่หนึ่ง)
อยู่ที่ 50,000 ตันต่อปี
มีกำลังการผลิตข้าวขัดสีในรูปแบบเต็มกำลังได้อยู่ที่ 240,000 ตันต่อปี
โดยปริมาณข้าวที่ได้จะถูกส่งขายทั้งในและนอกประเทศภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์สินค้า Royal Mongkut Rice ในนามของผลิตภัณฑ์ข้าวจากประเทศกัมพูชา
อีกด้านหนึ่ง บริษัท Amru
Rice Cambodia หนึ่งในบริษัทส่งออกข้าวรายใหญ่ของกัมพูชาได้ฉีกแนวหันมาลงทุนพัฒนาข้าวหอมมะลิออร์แกนิคเมื่อ
6 ปีก่อน ในพื้นที่จังหวัดพระวิหารและบันเตียเมียนเจย
โดยบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดข้าวออร์แกนิค
เชื่อว่าจะเติบโตและทำกำไรได้อีกมาก จึงปรับแผนการตลาดให้ส่งเสริมการส่งออกข้าวออร์แกนิคเพิ่มขึ้น
รวมถึงลงทุนพัฒนาทั้งสายการผลิต ตั้งแต่โรงสีข้าว โรงอบข้าว
และเครื่องจักรสำหรับบรรจุข้าวที่ถูกต้อง ตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ
ด้วยงบประมาณกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับการส่งออกข้าวออร์แกนิคของกัมพูชาในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 มีปริมาณ 4,824 ตัน ลดลง 2% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดส่งออกหลักคือ สหภาพยุโรป และสหรัฐ ส่วนราคาข้าวออร์แกนิคจะสูงกว่าข้าวขาวธรรมดา
ที่มา :
กระทรวงพาณิชย์