"กัมพูชา"
ประเทศในกลุ่มตลาดอาเซียน CLMV มีแนวโน้มต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยเฉพาะเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เติบโต 7%
ต่อปี ทั้งยังมีจำนวนนักท่องเที่ยว และจำนวนประชากรในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ด้วยกำลังการผลิตและการขาดแคลนเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงทำให้สินค้าเครื่องที่ผลิตได้ในกัมพูชาเอง
ยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2561 กัมพูชานำเข้าสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 33,664 ล้านบาท (คิดด้วยอัตราแลกเปลียน 32 บาท) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าสินค้าจากไทยครองอันดับ 1 คิดเป็นสัดสวน 70% โดยแบ่งเป็นการนำเข้าเครื่องดื่มมูลค่า 432 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 13,824 ล้านบาท เป็นสินค้าน้ำตาล และผลิตภัณฑ์น้ำตาล 227 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 7,264 ล้านบาท
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สินค้าไทย จุดแข็งและความได้เปรียบ
เนื่องจากชาวกัมพูชามีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย
โดยเฉพาะในด้านคุณภาพ
และราคาที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าจากประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม
นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากอิทธิของสื่อโทรทัศน์ทำให้ชาวกัมพูชารู้จักและคุ้นเคยกับสินค้าไทยและด้วยการที่ทั้งสองประเทศมีพรมแดนติดต่อมกัน
จึงเป็นแรงหนุนทำให้สินค้าไทยสามารถขนส่งและกระจายเข้าไปยังกัมพูชาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งได้มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ของกัมพูชา
จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไปยังกัมพูชา
ในปี 2563 จำนวน 7 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง
ขณะที่อัตราการขยายตัวของประชากรในกัมพูชาก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.5% ต่อไป
อย่างไรก็ตาม สินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากไทยยังต้องรักษาคุณภาพ
เพื่อแข่งกับคู่แข่งสำคัญที่ส่งออกอาหารไปยังกัมพูชา เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้
และมาเลเซีย
นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนต่างชาติที่ขยายการลงทุนเข้าไปยังกัมพูชา
เพื่อผลิตสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้นด้วย แต่ก็ยังนับว่าการขาดแคลนเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตสินค้าจำนวนมาก
ประกอบกับการความซับซ้อนของกระบวนการส่งออก ตลอดจนการขอรับรองมาตรฐานสากลของกัมพูชา
เป็นเสมือนดาบสองที่ยังสร้างความท้าทายให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่จะสินใจก้าวไปสู่ตลาดกัมพูชา
ดังนั้น
ไทยยังคงมีโอกาสที่จะรักษาความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดนี้ แต่ต้องสร้างกลยุทธ์ต่างๆ
ในการเจาะตลาดและผลักดันการส่งออก อาทิ การจัดงานแสดงสินค้าเพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในกัมพูชา
การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ
การประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มไทยควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ร้านอาหารไทยที่ได้รับการรับรองเครื่องหมาย
Thai
Select การรุกประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
รวมถึงการขยายเข้าไปในตลาดค้าปลีก
ซึ่งในอนาคตกัมพูชามีแผนจะจัดตั้งคอมมูดิตี้มอลล์ และห้างสรรพสินค้ามากขึ้น
ถือเป็นโอกาสที่ไทยจะเข้าไปร่วมจัดกิจกรรมอินโตร์โปรโมชั่นร่วมกับห้าง เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการน้องใหม่ในตลาดกัมพูชา
ที่ยังกล้าๆ กลัว ๆ ควรปรึกษาข้อมูลกับทางสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
และพิจารณช่องทางการเจาะตลาดที่เหมาะสม เช่น ผ่านบริษัทตัวแทน (Buying
Agent) หรือผ่านผู้นำเข้าทั้งค้าปลีกและค้าส่ง แต่หากผู้ประกอบการสนใจเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานต้องศึกษากฎหมายด้านการลงทุนซึ่งรัฐบาลกัมพูชา
เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถถือหุ้นในธุรกิจได้ 100%
เพราะอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นอุตสาหกรรมที่กัมพูชามีความต้องการการลงทุนจากต่างชาติอีกมาก
กัมพูชารุกขยายตลาดส่งออกข้าว
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนลุยตลาดอาเซียน