‘แคนาดาโมเดล’การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

SME Update
27/01/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 3856 คน
‘แคนาดาโมเดล’การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
banner

อุตสาหกรรมยานยนต์ในแคนาดามีขนาดใหญ่ กำลังการผลิตเป็นอันดับที่ 12 ของโลก แต่ละปีมีการผลิตรถยนต์กว่า 2.02 ล้านคัน โดยส่วนการผลิตส่วนใหญ่กว่า 90% เพื่อการส่งออก ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัท GM Canada ได้ประกาศยุบสายการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในแคนาดา โดยได้ย้ายฐานการผลิตกลับไปยังสหรัฐฯ หรือประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) แทน ซึ่งเมือง Oshawa รัฐออนแทริโอ เป็นที่ตั้งโรงงานของบริษัท GM Canada ที่คนงานกว่า 4,000 คนและซับพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนได้รับผลกระทบ จากการปิดตัวของ GM ที่ได้มีการประท้วงและเรียกร้องให้รัฐบาลแคนาดาเข้าช่วยเหลือ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 


เนื่องจากเมือง Oshawa เป็นที่ตั้งของ GM Canada ตั้งแต่ปี 2461 (99 ปี) โดยเป็นฐานผลิตส่งออกรถยนต์รุ่นกระบะ GMC Silverado และรถยนต์นั่งขนาดกลาง Chevy Impala โดยในปี 2561 บริษัท GM Canada ได้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจที่สร้าง GDP สูงถึง 5 พันล้านเหรียญฯ (1.15 แสนล้านบาท) แต่การปิดตัวของบริษัทฯ ภายในเดือนธันวาคม 2562 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในท้องถิ่นและรัฐบาลรัฐออนแทริโอ

ซึ่งทุกวันนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเริ่มมีการ Disruption ครั้งใหญ่ โดยมุ่งหันไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) หรือรถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) มากขึ้น นอกเหนือจาก GM แล้ว ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้เห็นถึงการลดกำลังการผลิตของรถค่ายอื่น อาทิ Ford และ Fiat Chrysler ที่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้มีการประกาศการลงทุนเพิ่มในแคนาดาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ยกเว้นค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่น ได้แก่ Toyota ที่ได้ประกาศการลงทุนเพิ่มในแคนาดาในปี 2561 ที่มีมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านเหรียญฯ (32,200 ล้านบาท) ที่หันมาผลิตรถประเภท SUV หรือรถยนต์ Hybrid (ที่สามารถใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า) ที่จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบัน 77% หรือเพิ่มเป็น 107,000 คัน/ปี ภายในปี 2565 และค่ายรถ Honda ที่ลงทุนเพิ่มในแคนาดาตั้งแต่ปี 2560 ที่เพิ่มไลน์การผลิตรถยนต์รุ่น Civic และ CRV ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านเหรียญฯ (11,500 ล้านบาท) แต่ในขณะที่รถยนต์สัญชาติอเมริกันมีทิศทางที่ลดบทบาทการผลิตในแคนาดาอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าแคนาดาอาจไม่มีข่าวดี หรือมีการประกาศลงทุนครั้งใหญ่ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วง 1-5 ปีข้างหน้า ยกเว้นแต่การลงทุนผลิตรถไฟฟ้าจากจีน ที่อาจมองว่าแคนาดามีระบบ Supply Chain ที่พร้อมและมีแรงงานที่มีทักษะอยู่พร้อมแล้ว ซึ่งข้อได้เปรียบของแคนาดาอีกข้อได้แก่ การตั้งติดกับสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก (รองจากจีน)

อีกทั้งทุกวันนี้ข้อตกลง USMCA มีความชัดเจนมากขึ้น (ที่เน้นว่ารถที่จะจำหน่ายในภูมิภาค อเมริกาเหนือนั้น จะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายใน 3 ประเทศ ในอัตราส่วนสูงถึง 75% เพื่อได้สิทธิ Duty Free ที่ผลดังกล่าวส่งเสริมให้ผู้ผลิตต้องผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือเท่านั้น)   ถึงแม้ว่าโรงงานผลิตรถยนต์ของ GM Canada จะปิดตัวลง แต่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกิจการต่อไปในแคนาดา โดยได้มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนโรงงานประกอบรถยนต์ไปเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์แทน ที่มีแผนการลงทุนเพิ่มอีก 170 ล้านเหรียญฯ ในการปรับเปลี่ยนไลน์สายการผลิต

อีกทั้งลงทุนเพิ่มในแคนาดาเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับมากขึ้น ซึ่งเป็นตามกระแสของอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีรถไฟฟ้าจำหน่ายเพิ่มขึ้น 207 รุ่นภายในปี 2565 และจะมีการทุ่มเงินลงทุนวิจัยที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าที่มีมูลค่า 225 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (6.7 ล้านล้านบาท) ที่ภาครัฐและเอกชนแคนาดาได้ทยอยปรับตัว เตรียมความพร้อมกับการ Disruption ครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังมาถึง 


ขณะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลก สินค้าชิ้นส่วนอะไหล่และรถยนต์ได้เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักจากไทย โดยสินค้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์จากไทยที่ส่งออกมาแคนาดานั้น เป็นหนึ่งในสินค้า 10 แรกของไทย ที่การ Disruption ของอุตสาหกรรมยานยนต์อาจทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ กับผู้ประกอบการไทยในการผลิตสินค้าชิ้นส่วนอะไหล่ ที่ทุกวันนี้อุตสาหกรรมรถไฟฟ้าเพิ่งเริ่มต้น

กล่าวคือ ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมากกว่าใครในเรื่องของเทคโนโลยี กำลังการผลิตองค์ความรู้เกี่ยวกับรถไฟฟ้า ที่ไทยอาจใช้เป็นโอกาสในการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ๆ ให้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำของรถไฟฟ้าในอนาคต

เอาจริงดิ ? สิงคโปร์กับการส่งเสริมลงทุนผลิตรถ EV

ไขข้อเท็จจริง ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่คน กทมฯ ต้องรู้


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1317 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1686 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1929 | 25/01/2024
‘แคนาดาโมเดล’การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า