ระบบขนส่งมวลชนมีความสำคัญและกลายเป็นสิ่งจำเป็นในวิถีชีวิตคนเมืองยุคใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะในเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว ฯลฯ อย่างกรุงเทพมหานคร
นอกจากรถประจำทาง รถตู้ รวมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าซึ่งในอนาคตจะครอบคลุมทั้ง 4
มุมเมือง เชื่อมโยงพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ทำให้คนอยู่อาศัยคนทำงานและกรุงเทพฯ และพื้นที่รอบนอกสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้นแล้ว การเดินทางและการขนส่งทางน้ำจะถูกนำมาใช้เป็นระบบเสริมรองรับการเดินทางสัญจรไปมาในแต่ละวัน ช่วยแก้ปัญหาการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ติดขัดวิกฤตรุนแรงขึ้นทุกวัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในการนี้กระทรวงคมนาคม
ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาเพื่อพัฒนาและส่งเสริมระบบการขนส่งทางน้ำ
เชื่อมกับการขนส่งทางถนนและระบบราง แนวทางดำเนินการจะมีการพัฒนาท่าเรือหลักๆ
เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ขณะเดียวกันก็มีแผนพัฒนาเส้นทางขนส่งและการคมนาคมทางเรือในพื้นที่ต่างจังหวัด
โดยจะเชื่อมโยงการขนส่งทางน้ำระหว่างพื้นที่ทางฝั่งอ่าวไทย กับฝั่งอันดามัน
เป้าหมายหลักคือการส่งเสริมการคมนาคมขนส่งทางน้ำเพื่อแก้ปัญหาการจราจร และลดต้นทุนการขนส่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล แผนการพัฒนาและส่งเสริมการขนส่งผู้โดยสารทางน้ำ เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทางบกกับแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือ 29 ท่า ดังนี้
ระยะที่ 1
การพัฒนาท่าเรือริมเจ้าพระยารวม 5 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสาทร ท่าเรือท่าช้าง
ท่าเรือท่าเตียน ท่าเรือกรมเจ้าท่า และท่าเรือราชินี ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี
2562-2563
ระยะที่ 2 ระหว่างปี 2564-2565 พัฒนาท่าเรือจำนวน 14 ท่า
ระยะที่ 3 ระหว่างปี 2565-2566 พัฒนาท่าเรือจำนวน 1 ท่า จากนั้นจะพัฒนาเป็น Smart Pier ภายในปี 2565
โดยจะปรับแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี เพื่อรองรับการพัฒนาและการขนส่งผู้โดยสารทางน้ำ และจัดหาเอกชนเข้าบริหารท่าเรือ
โดยกรมเจ้าท่าจะกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ในการดำเนินการ มีระบบควบคุมเรือ-ท่าเรือ
กรมเจ้าท่าจะศึกษาระบบภายในปี 2564 จากนั้นจะมีการติดตั้งระบบในปีงบประมาณ 2565
แนวทางดำเนินการจะบูรณาการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่น
ๆ กรมเจ้าท่าได้รับมอบหมายให้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทางน้ำกับระบบขนส่งรูปแบบอื่นๆ
อาทิ รถประจำทาง รถตู้ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น ท่าเรือพระนั่งเกล้า
จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) ท่าเรือพระราม 7
เชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ท่าเรือบางโพ
เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) ท่าเรือราชินี
เชื่อต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) ท่าเรือสาทร
เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางหว้า-ตลิ่งชัน)
สำหรับรูปแบบเรือที่จะนำมาเปิดให้บริการ
กรมเจ้าท่าจะมีการพัฒนาตัวเรือให้เป็นรูปแบบ Smart Ship เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเดินทาง
ข้อมูลจากกรมเจ้าท่าระบุว่า ตั้งแต่ปี
2514-2562 ที่ผ่านมา
กรมเจ้าท่าได้ปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลต่อเนื่อง โดยจำนวนท่าเรือโดยสารสาธารณะทั้งหมดอยู่ที่ 99 ท่าเรือ
ในจำนวนนี้ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 57 ท่าเรือ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 21 ท่าเรือ
จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 13 ท่าเรือ และจังหวัดปทุมธานี จำนวน 8 ท่าเรือ
ขณะเดียวกันก็มีแผนพัฒนาส่งเสริมการขนส่งสินค้าในพื้นที่ภูมิภาค
ในแม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก การเชื่อมโยงภาคใต้ตอนล่างฝั่งทะเลอ่าวไทย และอันดามัน
ดังนี้
1. แผนพัฒนาส่งเสริมการขนส่งสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยาและป่าสัก
- โครงสร้างพื้นฐานจะพัฒนาปรับปรุงท่าเรือของภาคเอกชน
โดยเอกชนจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด การจัดสร้างเขื่อนยกระดับน้ำ จะของบประมาณในการก่อสร้างระหว่างปี
2566-2569 การขุดลอกร่องน้ำ และเขื่อน แม่น้ำป่าสัก
- ระบบควบคุมการจราจรทางน้ำ
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่ง อาทิ
ระบบ GPS, Tracking,Radar,การบริหารจัดการข้อมูล
- กรมเจ้าท่าการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เพื่อ ยกระดับสะพาน เขื่อนทดน้ำ
ฟลัดเวย์บางบาล-บางไทร
- การกำหนดมาตรการในการควบคุมเรือและขนาดเรือ
2. การพัฒนาและส่งเสริมการขนส่งสินค้าท่าเรือแหลมฉบัง-บางสะพาน
ตามแผนจะมีการพัฒนาท่าเรือเอกชนที่
อ.บางสะพาน จ.ประจวนคีรีขันธ์ และท่าเรือแหลมฉบัง-ศรีราชา ฮาร์เบอร์
3. การเชื่อมโยงภาคใต้ตอนล่าง (ท่าเรือสงขลา
2 และท่าเรือฝั่งอันดามัน)
4. การพัฒนาท่าเรือระนอง ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการการขุดลอกร่องน้ำ การเชื่อมโยงระหว่างฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน
ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตาว่าภายใต้โครงการทั้งหมด แม้โจทย์จะเป็นการแก้ปัญหาด้านการจราจรและการขนส่ง ทว่าผลพลอยได้คือ ย่านดังกล่าวจะกลายเป็นทำเลทองที่นักลงทุนต่างหมายตาอีกด้วย เพราะเชื่อว่าจะเกิดเป็นย่านการเดินทางการค้าใหม่ในอนาคตอันใกล้ รวมทั้งโครงการด้านการพัฒนาท่าเรือและการขนส่งทางเรือยังเป็นตังเร่งด้านการลงทุนอีกด้วย