เช็กความพร้อม! 1 ตุลาคมนี้ไทยเปิดรับต่างชาติเที่ยวแบบลองสเตย์
นับตั้งแต่การระบาดของโควิด 19
ที่ทวีความรุนแรงมาตั้งแต่ต้นปีจวบจนปัจจุบันที่ทำให้ทั่วโลกระงับการเดินทางระหว่างประเทศ
และเนื่องด้วยข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่กระจายของโควิด 19 ด้วยเหตุนี้ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
ซึ่งเป็นรายได้หลักของโรงแรมได้ลดลงอย่างมากเช่นกัน
แม้ล่าสุดจะมีแนวโน้มชะลอความรุนแรงและข่าวดีของของคิดค้นวัคซีนโควิด 19
และการเปิดประเทศในเดือนตุลาคมนี้ให้นักท่องเที่ยวที่มีการพำนักระยะยาว หรือ Long
Stay สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ แต่ด้านหนึ่งก็มีความกังวลในมาตรการในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด
19 ที่มีโอกาสจะเกิดการระบาดรอบ 2 ในประเทศไทยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมต่างวางมาตรการในการรับมืออย่างเข้มงวด ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยงแต่ธุรกิจที่ซบเซามากว่าครึ่งปีก็ไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวก็มีการวางแผนการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จาก ภูเก็ตโมเดล สู่ Special Tourist VISA
โดย ‘ภูเก็ต’ เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมที่น่าจะได้รับทั้งผลดีและความเสี่ยงจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 15 กันยายน อนุมัติในหลักการให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยได้โดยการออกวีซ่าประเภทพิเศษ
ตามข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จากมติ ครม.
ไฟเขียวรับนักท่องเที่ยวต่างชาติชุดแรกด้วยการออกวีซ่าพิเศษที่เรียกว่า Special Tourist VISA (STV) สำหรับผู้ที่มาพำนักระยะยาว
(long stay) ในไทย
เป็นเมืองต้นแบบในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชุดแรก หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หรือที่เรียกว่า
"ภูเก็ตโมเดล" เพื่อรองรับการท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย (ตุลาคม-ธันวาคม 2563)
ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างหารือในรายละเอียด
และเตรียมออกประกาศเรื่องการขอวีซ่า STV ซึ่งมติ ครม. ระบุว่าโครงการนี้จะมีผลไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 หรือเป็นเวลา 1 ปีเต็ม
โดยนักท่องเที่ยวที่ได้รับวีซ่าประเภทพิเศษนี้
จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 90 วัน
ต่ออายุได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 90 วัน
รวมระยะเวลาพำนักอยู่ในไทยสูงสุด 270 วัน
แสดงหลักฐานในการพำนักระยะยาว
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาเข้าประเทศไทย
นักท่องเที่ยวต้องยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย
และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่ หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก
หรือโรงพยาบาลที่พักภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก
ที่จะใช้เป็นที่พักหลังจากออกจากโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว
หรือโรงพยาบาลที่พัก ตามระยะเวลาที่ประสงค์จะพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย
- หลักฐานสำเนาโฉนดห้องชุดของที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม
ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลต่างด้าวหรือบุคคลในครอบครัวของบุคคลต่างด้าว
- หลักฐานการเช่าที่พักประเภทคอนโดมิเนียมหรือบ้านพัก
- หลักฐานการชำระเงินดาวน์ของบุคคลต่างด้าวในการซื้อหรือเช่า
ที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่บุคคลต่างด้าวสามารถซื้อได้ตามกฎหมาย
คาดเศรษฐีต่างชาติแห่เที่ยวไทย
ทั้งนี้มีการคาดว่าตุลาคมนี้จะมีเศรษฐีจากต่างประเทศสนใจเดินทางมาเที่ยวไทยจำนวนมาก
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ก็คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 1,200 คนต่อเดือน สร้างรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาทต่อเดือนเลยทีเดียว
โดยเฉพาะตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง
และอเมริกา ซึ่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวในยุโรปตอบรับดีมาก
สอบถามรายละเอียดเข้ามามาก ดังนั้นทันทีที่กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำรายละเอียดปฏิบัติที่ชัดเจนออกมาแล้ว จะเป็น Big Move จากทุกตลาดในยุโรป
จากที่หยุดเดินทางมาหลายเดือน โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้
ที่เป็นช่วงหน้าหนาวของยุโรป และมีวันหยุดพักผ่อนยาว ถ้าต้องกักตัว 14 วัน และอยู่เที่ยวได้อีก 14 วัน
เชื่อว่าจะเดินทางมาแน่นอน
มาตรฐาน SHA สร้างความเชื่อมั่นและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่สำคัญในการเปิดรับนักท่องเที่ยว คือเรื่องปลอดภัยและปลอดเชื้อโควิด 19
ซึ่งข้อมูลจาก ททท. วิเคราะห์ว่านักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น
เพื่อให้สามารถป้องกันตัวเอง และช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายสู่คนอื่น
พฤติกรรมในการเตรียมตัวเดินทางจะเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวจะระมัดระวังสุขภาพ
และสวมใส่หน้ากากอนามัย ให้ความสำคัญกับการล้างมือ หรือใช้เจลล้างมือ
การกำหนดระยะห่าง
ดังนั้นการสร้างมาตรฐานเพื่อให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว
ผู้ประกอบการต้องตื่นตัวในเรื่องนี้อยู่เสมอ รวมทั้งปัจจุบันมีการตั้งมาตรฐาน SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และภาคเอกชน
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้มาใช้บริการ
หลังจากสถานการณ์โควิด19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง
โดยมีสถานประกอบการที่มาสมัครขอรับมาตรฐาน
SHA แล้ว 6,633 ราย ผ่านมาตรฐาน 5,117
ราย โดยอันดับกิจการที่มีผู้มาลงทะเบียนมากที่สุด ประกอบด้วย
1. โรงแรม/ที่พักและสถานที่จัดประชุม
2. บริษัทนำเที่ยว
3. ภัตตาคาร/ร้านอาหาร
4. ยานพาหนะ
5. สุขภาพและความงาม
6. นันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว
7. ร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่นๆ
8. ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า
9. การจัดกิจกรรม
การจัดประชุม (MICE) โรงละคร โรงมหรสพ
10. กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว
เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน น่าจับตาว่าประเทศไทยจะเปิดรับกลุ่มนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักแบบลองสเตย์ ที่หวังฟื้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมที่ลมหายใจเริ่มรวยรินให้กลับมาคึกคักอีกครั้งได้หรือไม่ ตลอดจนกระตุ้นการใช้จ่ายภายในให้เศรษฐกิจโดยภาพรวมของไทยสามารถดีดตัวขึ้นอีกครั้ง เราจะเกิดฝันร้ายโควิด 19 ระบาดรอบสอง เรื่องนี้อีกไม่นานคงได้รู้กัน เพราะอย่างที่ระบุในข้างต้น เพราะถึงแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนภาคท่องเที่ยวไทยอดทนรอไม่ได้แล้ว
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
ลุ้น! วัคซีนโควิดฟื้นท่องเที่ยว โลกปลอดภัย เศรษฐกิจไทยเดินหน้าอีกครั้ง
เปิดรายงานการฟื้นตัวและพฤติกรรมการท่องเที่ยวช่วงโควิด 19