ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำสมัยของประเทศจีน
ได้เข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของประชาชนทุกชนชั้นและผลักดันให้เกิดพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
ทุกวันนี้พฤติกรรมของการจับจ่ายในสังคมจีนยุคสมัยใหม่ไม่ว่าจะเมืองขนาดใหญ่ หรือเมืองขนาดเล็ก
(ยกเว้นชนบท) กลายเป็นสังคมที่ไร้เงินสดไปหมดแล้ว การทำธุรกรรมทางการเงินล้วนผ่านสมาร์ทโฟน
เพียงมีมือถือเครื่องเดียวก็สามารถชำระเงินออนไลน์ผ่านบาร์โค้ด (QR Code) ได้อย่างง่ายดาย
มีประสิทธิภาพ แค่ปลายนิ้วมือสัมผัสทุกอย่างโอเคไปหมด
ปัจจุบันเทรนด์ชาวจีนยุคสมัยใหม่ออกจากบ้านไม่ต้องพกเงินสดติดตัว
แค่ถือสมาร์ทโฟนก็สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ทุกอย่าง เช่น ตามห้างสรรพสินค้า ภัตตาคารอาหาร
ร้านอาหาร โรงแรม รถแท็กซี่ รถไฟใต้ดิน
รถไฟไฮสปีด หรือ แม้กระทั่งจองตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ แค่ใช้สมาร์ทโฟน สแกนบาร์โค้ด
ทุกอย่างเสร็จสรรพทันใจ ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ ความสะดวกสบายดังกล่าวเพราะรัฐบาลผลักดันเป็นนโยบายแห่งชาติจนประสบความสำเร็จสามารถกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟน
เนื่องจากสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัย มากกว่าชำระเงินสดที่เสี่ยงถูกจี้ปล้น
จากการรวบรวมข้อมูลของธนาคารกลางจีนปี 2017 ระบุว่า
เป็นปีที่ริเริ่มการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ที่ประสบความเสร็จอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่นั้นมาเนื่องจากประชากรชาวจีนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต
772 ล้านคน และมีจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนชำระเงินผ่านออนไลน์สูงถึง 527 ล้านคน
หรือคิดมูลค่ากว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นตัวเลขได้ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากปี 2017 มีประชากรจีนในเมืองขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก มีอัตราการใช้จ่ายผ่านออนไลน์เต็มสปีด 100% เมื่อเทียบกับประชากรที่อาศัยอยู่ตามชนบทใช้แค่ 66 .5% แต่รัฐบาลจีนมีแผนผลักดันให้คนชนบททุกหนทุกแห่งกลายเป็นสังคมไร้เงินสดภายในปี 2020
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แอปพลิเคชันดันธุรกรรมการเงินออนไลน์เติบโต
ไม่เพียงแต่รัฐบาลจีนที่ผลักดันโดยออกนโยบายและระเบียบข้อบังคับในการสนับสนุนการธุรกรรมการเงินออนไลน์อย่างเป็นแบบแผน
ที่เห็นปรากฏชัดเจนคือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีข้างหน้า โดยการเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ตเป็นระบบ
5G
ครอบคลุมทั่วประเทศและต้องเข้าถึงสัญญาณทุกแพลตฟอร์มแล้วราคาของโทรศัพท์มือถูกลง ซึ่งประชากรทุกชนชั้นได้เข้าถึงการใช้สมาร์ทโฟน ที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งตามที่รัฐบาลวางแผนไว้
ขณะเดียวกันแอพพลิเคชันเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยหลักในการผลักดันการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์
กระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวจีนจับจ่ายใช้สอยง่ายสะดวกสบาย
ปลอดภัยมากกว่าใช้จ่ายเงินและยังป้องกันการฉกชิงวิ่งราวได้
ขณะเดียวกันเอกชนก็มีส่วนสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนคู่ขนานกับรัฐบาลจีน
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการแอพพลิเคชั่น 2 รายใหญ่ คือ Alipay ของ Alibaba และ WeChat Pay ของ Tencent ซึ่งพัฒนาแอพพลิเคชั่นทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกสบาย
เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส กดไปที่ "จ่าย" หรือสแกน QR โค้ด
อีกทั้งผู้ใช้บริการยังสามารถโอนเงินระหว่างบุคคลโดยไม่มีค่าธรรมเนียม
นอกจากการใช้ QR code ในการใช้จ่ายและโอนเงินไม่เสียค่าบริการ
ไม่กำหนดยอดโอนขั้นต่ำในแต่ละครั้งแล้ว จึงเป็นแรงผลักดันนำไปสู่การใช้ระหว่างผู้ค้าและผู้บริโภคในประเทศจีนอย่างแพร่หลาย
และกำลังขยายฐานภาคการบริการครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ส่วนที่ประเทศไทย Alipay ได้เปิดให้บริการแล้วที่ร้านสะดวกซื้อ
7-11
ผู้ประกอบการท่องเที่ยว-ผู้ค้าปลีกไทยเร่งปรับตัว
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนยังคงมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นตลาดอันดับหนึ่ง
และมีแนวโน้มจะเดินทางมาท่องเที่ยวไทยคึกคักมากขึ้นในปีนี้ โดย Alipay แพลตฟอร์มการชำระเงินหลักของ Alibaba คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจะสูงถึง
178.4 ล้านคน ขณะที่ยอดใช้จ่ายต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท ซึ่งประเทศไทยยังคงได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของตลาดส่งออกนักท่องเที่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอย่างจีนเช่นเดียวกัน
สอดคล้องกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) รายงานข้อมูลเมื่อเดือนสิงหาคม
2562 ระบุว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น 19%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ยอดนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่จำนวน 1.03
ล้านคน นับเป็นครั้งแรกที่ยอดนักท่องเที่ยวจีนแตะระดับ 1 ล้านคน
ยอดใช้จ่ายนักท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ความบันเทิง ช้อปปิง
การรับประทานอาหารในไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ 20% มียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 54,887.89
ล้านบาท
อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงมีอิทธิพลต่ออนาคตธุรกิจท่องเที่ยว
และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศต่างๆทั่วโลกแล้ว องค์กรธุรกิจภาคเอกชนก็มีบทบาทสำคัญในการขยายการให้บริการเพื่อรองรับความต้องการครบวงจร
และพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการและค้าปลีกชั้นนำของไทยต้องเร่งปรับตัวให้สอดรับกับนักท่องเที่ยวจีนที่ออกนอกประเทศส่วนใหญ่จะไม่พกเงินสดติดตัว
ดังนั้นหากต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายต้องรีบลงทุนด้านแอปพลิเคชันรองการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน
4 แนวทางช่วยองค์กรธุรกิจสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน
คุณเชอร์รี่ หวง
ผู้จัดการทั่วไป
ฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอาลีเพย์
ในฐานะแพลตฟอร์มการชำระเงินหลักของชาวจีน บอกว่า การที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถสร้างรายได้จากการดึงดูดเม็ดเงินนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น
มี 4 แนวทางสำคัญสามารถดำเนินการได้ทันที ประกอบด้วย
1. พลิกโฉมค้าปลีกรูปแบบเดิมให้ทันสมัยพร้อมเปิดรับความท้าทายกับโอกาสใหม่
เน้นขายแบรนด์แนมชื่อดัง เจาะจงนักท่องเที่ยวจีนที่มีฐานะร่ำรวย ซึ่งเศรษฐีชาวจีนราว
35% ชอบซื้อสินค้าแบรนด์ชื่อดัง และอีกราว 62%
ชอบซื้อสินค้าที่หาไม่ได้ในประเทศจีน
2. ปรับใช้ระบบชำระเงินผ่านมือถือ
ชาวจีนจำนวนมากปรับเปลี่ยนชีวิตสู่สมาร์ทไลฟ์สไตล์ โดยใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือเป็นช่องทางหลักเนื่องจากสะดวกสบาย
3. ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งภายในแอพโมบายวอลเล็ทของจีน
ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์การตลาดที่อยู่ในแอพดังกล่าว เพื่อการเข้าถึงและดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวจีนต้องเกาะติดตลอดเวลา
4. เกาะกระแสนักท่องเที่ยวกลุ่ม
“ผู้สูงวัย” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดและมักเดินทางอย่างน้อย
4 ครั้งต่อปีผู้ค้าปลีกในภูมิภาคนี้จึงมีโอกาสได้ประโยชน์จากกลุ่มนี้ที่จะหันมาใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มมากขึ้น
ผู้ประกอบการและค้าปลีกไทยรายไหนปรับตัวได้เร็วกว่า ไวกว่า ยอมได้เปรียบคู่แข่ง ในการบริการที่สามารถรองรับสมาร์ทไลฟ์สไตล์ชาวจีนยุคสมัยใหม่ที่ฮิตจับจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน