เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนจากแดนมังกร บริษัทหย่าไถ้ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป( YATAI INTERNATIONAL HOLDING GROUP) เป็นกลุ่มทุนใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์โครงการเมกะโปรเจ็กต์ คิดมูลค่ากว่า 1,500 ล้านล้านบาท ด้วยการสร้างอาณาจักรคนจีนแผ่นดินใหญ่ หรือไชน่าทาวน์( Chinatown ) ที่เมืองโก๊กโก่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เมียนมา ตรงข้ามบ้านวังผา หมู่ 4 ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด-บ้านใหม่ริมเมย หมู่ 10 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด และบ้านวังแก้ว หมู่ 4 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก รวมเนื้อทั้งหมด 30,000 เอเคอร์
นับว่าเป็นอภิมหาโครงการเมกะโปร์เจ็กต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินโดจีนก็ว่าได้ !!!
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
เรียกได้ว่าโจษขานไปทั่วเพราะเป็นการลงทุนด้วยเม็ดเงินทุนมหาศาล ที่กลุ่มหย่าไถ้ฯได้ทำสัญญากับรัฐบาลเมียนมา ผ่านกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของเมียนมา( BGF) ในเบื้องต้นระยะเวลาในการสัญญาเช่าจำนวน 70 และจะขยายไปจนถึง 99 ปี หากข้อตกลงในสัญญาของทั้ง 2 ฝ่าย 3 กลุ่ม เป็นไปด้วยดีในระยะแรก และเมื่อ หย่าไถ้ฯ สร้างอาณาจักรเมืองใหม่ไชนาทาวน์โก๊กโก่ แล้วเสร็จจะสามารถยึดเป็นหัวมังกรใหญ่ริมชายแดนเมียนมา-ไทย ตรงข้ามเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก(แม่สอด) ย่อมสร้างผลกระทบกับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ไม่น้อย
อย่างไรก็ตามกลุ่มนักลงทุนไทยมีคำถามว่าเหตุใด “มังกรหย่าไถ้” ไม่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝั่งไทย ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งๆที่น่าจะมีความมั่นคงมากกว่า ประกอบกับการพัฒนาในพื้นที่ด้วยระบบสาธารณูปโภค ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา การสื่อสาร การคมนาคม และระบบเทคโนโลยี ที่มีศักยภาพมากกว่าเมียนมาหลายเท่าตัว
สาเหตุเพราะฝั่งไทยมีเงื่อนไข กฎระเบียบ การเข้ามาลงทุนเคร่งครัด
ทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องผังเมือง เรื่องสิทธิประโยชน์และข้อกฎหมาย
ที่ยังไม่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ในลักษณะที่เงื่อนไขดังกล่าวทำให้กลุ่มทุนจีน ไม่สามารถปฏิบัติได้ ทำให้มังกรหย่าไถ้ได้ตัดสินใจประสานกับกลุ่ม BGF ไปยังรัฐบาลเมียนมาร์จนการเจรจาทำข้อตกลงลุล่วงและได้เริ่มโครงการในทันที
อย่างรวดเร็ว เหตุเพราะในฝั่งเมียนมา เงื่อนไขมีไม่มาก ทำให้ หย่าไถ้ตัดสินใจเนรมิต
อาณาจักรเมืองใหม่โก๊กโก่
ของ หย่าไถ้ฯได้ทันที
โดยโครงการนี้ จะสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย หลังละ 70-80 ล้านต่อหลังคาเรือน
สถานบันเทิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าครบวงจร สถานีตำรวจเป็นของตัวเอง สนามบิน
โกดังสินค้า ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ( One
stop service)-อินเตอร์เทนเมนท์
อัครสถานครบวงจร โรงแรมที่พักขนาด 1,200 ห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย รวมทั้งกาสิโนขนาดใหญ่
ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งพื้นที่บางส่วนตั้งเขตอุตสาหกรรมขึ้นมา ซึ่งได้มีการดำเนินการก่อสร้างต่อเนื่องมาได้ระยะหนึ่งแล้ว บ้านโก๊กโก่ จึงเปรียบเสมือนเขตปกครองพิเศษโก๊กโก่ มีความเจริญและสร้างสิ่งต่างๆในอาณาจักรแห่งนี้ น้องๆ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นการลงทุนมากกว่าแห่งอื่นๆที่กลุ่มทุนมังกรจีน เคยไปลงทุนในต่างแดน ซึ่งอาณาจักรเมืองใหม่โก๊กโก่ จะยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่ทุนจีนเคยสร้างมา
บูมไชน่าทาวน์เชื่อม ศก.แม่สอด
ก่อนหน้านี้ นายหม่า ดงลี่ ประธานกรรมการบริหารหย่าไถ้ฯพร้อมคณะกว่า 20 คน ได้เข้าพบ นายเจริญฤทธิ์
สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด
และคณะผู้บริหาร-สมาชิกสภาเทศบาลนครแม่สอด เพื่อหารือแนวทางการเชื่อมโยงการค้า
การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนตาก(แม่สอด-อาณาจักรเมืองใหม่โก๊กโก่ เพื่อแสดงหาความร่วม
ในการพัฒนาพื้นที่แนวชายแดนรอยต่อระหว่างเมียนมากับไทย
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากกับเมืองใหม่โก๊กโก่ สามารถเชื่อมโยงธุรกิจการท่องเที่ยว ด้วยกันได้ทันที และสร้างความสัมพันธ์ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล จากนั้นธุรกิจอื่นๆก็จะตามมา การที่กลุ่มทุนหย่าไท้ มาลงทุนที่ชายแดนฝั่งเมียนมา ติด อ.แม่สอด ย่อมได้รับผลประโยชน์ไม่มากก็น้อย ซึ่งหน่วยงานรัฐและเอกชนไทยให้การสนับสนุนเต็มที่เพราะจะส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในอนาคต
ขณะที่นายเทอดเกียรติ
ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด
กล่าวว่า การที่กลุ่มหย่าไถ้ฯเข้าไปลงทุนใน ฝั่งเมียนมา นั้น
เป็นการดีที่จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ชายแดน แม่สอด-เมียวดี ซึ่งในอนาคตอันใกล้ทางไทยจะชวนเชิญนายหม่า ประธานกรรมการบริหารหย่าไถ้ฯ
และกลุ่มนักธุรกิจจีน ให้เข้ามาลงทุนเชื่อมโยงกับฝั่งไทย
ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเช่นกัน โดยจะเริ่มจากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
และตามด้วยการลงทุนในด้านอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก(แม่สอด)
กับเขตเศรษฐกิจเมืองใหม่โก๊กโก่จะเจริญเติบโตในการพัฒนาเดินไปด้วยกัน
ขอให้รัฐบาลได้มองและเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย
ซึ่งหากมีโอกาสตนเองจะนำกลุ่มนักลงทุนชาวจีนกลุ่มหย่าไถ้ เข้าพบแกนนำรัฐบาล
เพื่อสานความสัมพันธ์และเชื่อมโยงทางธุรกิจด้วยกัน
สอดคล้องกับความคิดเห็น
นายสุชาติ ตรีรัตน์วัฒนา ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก
ประธานแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล นักธุรกิจรายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์
กล่าวว่า ในช่วงที่มีการบูมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนตาก ที่ดินมีราคาสูง
มีคนขายที่ดินร่ำรวยจำนวนมาก จากนั้นก็เงียบไปหมด อยากเสนอให้รัฐบาล ให้มีผู้มีอำนาจ
มีความรู้ในการตัดสินใจในเรื่องเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากอย่างแท้จริง
พร้อมด้วยคณะกรรมการอีก 1 ชุด ที่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องเขตเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่รัฐของบไปดูงานกันหลายประเทศ แต่หลังจากไปดูงาน
ก็เงียบหายกันหมด อีกเรื่องคือ เรื่องผังเมือง ปัญหาพื้นที่รอบนอกแม่สอด คือ ต.แม่ปะ
แม่กุ และ อ. แม่ระมาด ยังไม่ได้รับการแก้ไข
นายสุชาติ
กล่าวอีกว่า พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจตาก ซึ่งที่ผ่านมานการลงทุนของกลุ่มทุนจีนน่ากลัวมาก
มีการลงทุนมหาศาลในการพัฒนาเมืองใหม่เศรษฐกิจพิเศษเมืองโก๊ะโก่ ซึ่งเท่าที่ทราบจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร
ระบบสาธารณูปโภค ระบบไฟฟ้าสายไฟหรือเคเบิ้ลใต้ดิน มีสนามบินขนาดใหญ่
ถนนสายหลักกว้าง 16 เมตร สายรองลงไป 14 เมตร และ 12 เมตร
ดังนั้นเอกชนไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะจะมีผลกับเศรษฐกิจในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างมาก และเราต้องตามให้ทัน คาดว่าเมืองใหม่โก๊กโก่จะมีชาวจีนเข้าไปอยู่อาศัยมากกว่า พลเมืองใน อ.แม่สอด 4เท่า หากแม่สอดมีประชากรอยู่ 70,000- 80,000 คน ก็จะมีชาวจีนในเมืองโก๊กโก่ นับ 400,000 คน
น.ส.ภคพร
ลิขิตปราชญ์กุล
ผู้จัดการบริษัทจงซิงไท่พัฒนาจำกัด กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาแม่สอด
เสียโอกาสไปมากแล้ว
กับการที่มีนักธุรกิจและนักลงทุนจากจีนมาลงทุนในเขตฝั่งสหภาพเมียนมา
ทั้งๆที่นักธุรกิจเหล่านั้นอยากจะลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก(แม่สอด) มากกว่า
แต่ติดเงื่อนไขข้อกำหนดกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการลงทุน
ทั้งๆที่แม่สอดมีความพร้อมมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย แต่ไทยก็สามารถสร้างแม่สอดให้มีรายได้ที่ต่อเนื่องได้
ด้วยการดึงนักธุรกิจชาวจีนให้นำเงินมาใช้จ่ายในพื้นที่แม่สอด ทั้งการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ การช้อปปิ้ง ฯลฯ
และในอนาคตหากนโยบายชัดเจน
ในข้อกฎหมายก็จะทำให้เกิดการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นมากมาย
เช่นคอนโดมีเนียมหรือโครงการหมู่บ้าน ฯลฯ
เมืองใหม่
เขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองโก๊ะโก่และเขตนิคมอุตสาหกรรม อยู่ติดริมแม่น้ำเมย ห่างจาก
จังหวัดเมียวดี ทางรถยนต์ ประมาณ 14 ไมล์ กลุ่มนักธุรกิจจีน
ทำสัญญาเรียบร้อยแล้วกับรัฐบาลเมียนมาร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นเมืองไชน่าทาวน์( Chinatown)เมียนมา ติดชายแดนไทย
โดยจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างเมืองใหม่แห่งนี้ประมาณ7-10 ปี แบบเสร็จสมบรูณ์ และในอนาคตจะมีการขยายเมืองด้วยการลงทุนหลายหมื่นล้านบาท
โครงการเมกะโปรเจ็กต์ ที่กลุ่มหย่าไถ้ฯ ได้เข้ามาดำเนินการร่วมกับฝ่าย BGF จะเป็นเมืองใหม่ที่สมบรูณ์แบบและทันสมัยที่สุด ของฝั่งเมียนมา
คาดกระทบเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก
ถึงกระนั้น โครงการเมกะโปรเจ็กต์ดังกล่าวเชื่อได้เลยว่าจะกระทบกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สาเหตุเพราะ
1.เมียนมาเปิดพื้นที่ให้ทุนจีนอย่างเต็มที่ในการลงทุน
อย่างมีขีดข้อจำกัดน้อยมาก ต่างกับฝั่งไทยที่มีข้อจำกัดมากมาย
2.จะมีการสั่งซื้อสินค้าโดยตรงเข้าเมียนมาร์จากกลุ่มทุนจีน โดยไม่ผ่านทางไทย
3.นักลงทุนจะมองไปที่การลงทุนในเมียนมา เพราะเห็นว่า มีข้อจำกัดน้อยกว่าฝั่งไทย ทั้งเรื่องที่ดิน ข้อกฎหมาย และแรงงานชาวเมียนมา
4.การค้าชายแดนนั้นกลุ่มทุนจีน ต้องเข้าไปตีตลาดแย่งชิงพื้นที่การค้ากับชาวเมียนมาร์ แย่งกับพ่อค้าไทย ด้วยราคาและต้นทุนของจีนที่กล้าได้กล้าเสีย เช่นของถูกหน่อย แต่ขายได้จำนวนมาก ฯลฯ เป็นต้น
ประเด็นข้างต้น ล้วนส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน กับฝ่ายไทย ค่อนข้างแน่นอน ยกเว้นด้านการท่องเที่ยวเท่านั้นที่จะเดินไปด้วยกันได้ ทำให้ภาคท้องถิ่นและภาคเอกชนในพื้นที่ จะร่วมกันเดินหน้าเสนอรัฐบาลไทยให้เร่งพัฒนาและทำให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากเกิดอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
เอกชนแม่สอดขอ 5 พันไร่สร้างเมืองใหม่เชื่อมไชน่าทาวน์โก๊กไก่
นายเทอดเกียรติ
ชินสรนันท์
นายกเทศมนตรีนครแม่สอด กล่าวว่า ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
สถาบันภาคเอกชนในพื้นที่ทั้งสภาอุตสาหกรรมฯ หอการค้า
ชมรมนักธุรกิจเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และผู้ประกอบการรายใหญ่ มีเตรียมเสนอขอใช้พื้นที่
5,000 ไร่ บริเวณข้างมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แม่สอด ตั้งอยู่ในท้องที่ต.แม่ปะ
และต.พระธาตุผาแดง อ0แม่สอด ซึ่งเป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เพื่อใช้เป็น
"หัวมังกร" หรือพื้นที่ศูนย์กลางใหม่ของเมืองแม่สอด
ในการพัฒนาสู่นครหลวงเศรษฐกิจตะวันตก
ผ่านทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)
หรือสภาพัฒน์ ที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนอ.แม่สอด
สำหรับพื้นที่ ‘หัวมังกร’ ดังกล่าวจะเป็นศูนย์รวมของโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่กำลังเข้าสู่แม่สอด ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ระหว่างนครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตากแม่สอด โครงการขุดเจาะอุโมงค์สร้างเส้นทางพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ สายตาก-แม่สอด โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาในพื้นที่นครแม่สอด และโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อาทิ
โครงการปรับปรุงศูนย์กลางแสดงสินค้า ศูนย์ประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว, โครงการปรับปรุงเส้นทางการขนส่งสินค้า การลงทุนท่องเที่ยว และระบายน้ำ ชายแดนไทย-เมียนมา ถนนอินทรคีรี และถนนประสาทวิถี, โครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก
รวมทั้งจะพัฒนาพื้นที่โดยใช้จตุจักรโมเดล ในการแบ่งโซนสินค้าต่างๆ เช่น โซนพืชผัก ผลไม้ โซนสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน โซนอัญมณีและเครื่องประดับ โซนอาหารสำเร็จรูปของฝาก และโซน Outlet สินค้าที่ผลิตจากโรงงานในแม่สอด เป็นต้น เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่คาดว่าจะเดิมทางมาเที่ยวและอาศัยอยู่ในเมืองไชน่า ทาวน์ โก๊ะไก่ เป็นจำนวนมากซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเมียนมาและไทยเติบโตแข็งแกร็งในอนาคต
น่าจับตาอย่างยิ่งว่าภายใต้การการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นในไม่ช้านี้ จะมีแนวทางในการจัดการเรื่องนี้อย่างไร ทั้งสามารถเชื่อมเศรษฐกิจสองเทศจากอภิมหาโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร