จากข้อมูลสถานการณ์ขยะมูลฝอยในปี 2561
พบว่า ทั่วประเทศมีปริมาณถึง 27.8 ล้านตัน ได้รับการจัดการอย่างถูกต้องเพียง 10.88
ล้านตัน (คิดเป็นร้อยละ 39) ที่เหลือเป็นการกำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
7.36 ล้านตัน (ร้อยละ 27) โดยมีปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกดึงนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้เพียง 9.58 ล้านตัน (คิดเป็นร้อยละ 34)
ขณะเดียวกันจากข้อมูลปี 2561 ระบุว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะพลาสติกมีมากถึง 1.93 ล้านตันต่อปี มีการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อเป็นวัตถุดิบรอบสองคิดเป็น 0.39 ล้านตัน/ปี จึงมีปริมาณขยะพลาสติกบางส่วนที่ไม่ได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นขยะพลาสติกหรือบรรจุภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนกับขยะอินทรีย์ จึงทำให้มีขยะพลาสติกบางส่วนอยู่ที่บ่อขยะ และมีโอกาสลงสู่แหล่งน้ำ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาจึงเกิดแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทยต่อการบริหารจัดการขยะ
ที่สามารถขับเคลื่อนแนวทางได้ 4 ด้าน มีดังนี้
1. ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม
(Production) การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความทนทาน
มีอายุการใช้งานนาน และสามารถนำมาซ่อมแซมหรือรีไซเคิลใหม่ได้
โดยระบบการผลิตควรมีการวางแผนทั้งการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco design) ในการนำเศษวัสดุหรือสินค้าที่ผ่านการใช้งาน
นำมาผลิตหรือแปรสภาพเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงขึ้น
โดยการให้การสนับสนุนกับการผลิตสินค้าฉลากเบอร์ 5 ฉลากเขียว
โดยใช้หลักการ EPR (Extended Producer Responsibility) ในการจัดการซากผลิตภัณฑ์
เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
2. ด้านการใช้งานและบริโภค
(Consumption) กลไกด้านการขับเคลื่อนการใช้งานและบริโภคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
ควรเน้นให้มีการ จัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) โดยการพัฒนาการบ่งชี้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่แสดงการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(CO2) หรือที่เรียกว่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon
Footprint) หรือการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life-cycle
Assessment, LCA)
3. ด้านการจัดการขยะหรือของเสีย
(Waste Management) ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายในระยะยาว
ด้วยการส่งเสริมให้มีการลงทุนในด้านการจัดการขยะ
โดยปลดล็อคพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
การลดการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ (Landfill) เช่น กรุงเทพ
มีแผนกำจัดขยะมูลฝอยในระหว่างปี พ.ศ. 2558-2578 ให้ลดปริมาณขยะฝังกลบเหลือเพียงร้อยละ
38 ภายในปี พ.ศ. 2578 ส่งเสริมให้มีการรีไซเคิลทั้งขยะบ้านเรือนและบรรจุภัณฑ์
โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการขยะ ส่งเสริมให้มีการรีไซเคิล
โดยสร้างความตระหนักให้เกิดการคัดแยก โดยใช้หลักการ 3Rs ซึ่งระบบการบริหารจัดการขยะจึงเป็นการสร้างความตระหนักให้เกิดแรงจูงใจ
เพื่อลดการผลิตขยะ เลิกการใช้วัสดุชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง
และการใช้นวัตกรรมต่อการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี
4. ด้านการใช้วัตถุดิบรอบสอง
(Secondary Raw Materials) มาตรการด้านการจัดการขยะหรือของเสีย โดยการใช้นวัตกรรมเพื่อจัดการให้เกิดวัตถุดิบรอบสอง
พบว่า ควรมีการพัฒนากฎหมาย ข้อบังคับด้านการจัดการขยะ
โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำร่าง พระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
(Waste Electrical and Electronic Equipment, WEEE) มาตรา 19
กำหนดให้มีการปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ง่ายต่อการนำกลับมาใช้ใหม่
และเพิ่มสัดส่วนการใช้งานของวัสดุหรือชิ้นส่วนที่ได้จากการนำกลับมาใช้ใหม่
ด้วยกระบวนการรีไซเคิลโดยกำหนดเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิล
ที่ผ่านมาภาครัฐได้มีการส่งเสริมการใช้งาน
และพัฒนาวัตถุดิบทดแทนที่ได้จากการรีไซเคิลจากขยะหรือของเสีย
โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และควรจัดทำมาตรฐานการใช้วัตถุดิบรีไซเคิล
และควบคุมการปนเปื้อนของสินค้ารีไซเคิล ประกาศเรื่องการจัดการมูลฝอย พ.ศ. 2560 กำหนดให้มีการจัดภาชนะรองรับมูลฝอยเพื่อแยกประเภทมูลฝอย
(ทั่วไป/อินทรีย์/รีไซเคิล/ อันตราย) โดยกรมควบคุมมลพิษ
อย่างไรก็ดี ในการสร้างความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาและความจำเป็นในการดำเนินการ
จัดให้มีระบบหรือสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย มูลฝอยติดเชื้อ และของเสียอันตรายชุมชน
ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการจัดการขยะเหลือศูนย์ (zero waste management) ซึ่งหากมีแนวทางหรือนวัตกรรมการจัดการขยะพลาสติกส่วนนี้
จะสามารถเพิ่มสัดส่วนการนำขยะรีไซเคิลกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม
การจัดการขยะและการรีไซเคิลมักต้องพึ่งพาการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศ
ด้วยวิธีการเผาไหม้เพื่อให้เกิดพลังงาน (Waste to
Energy) ซึ่งเทคโนโลยีขั้นสูงมักต้องใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งเครื่องจักรและบุคลากร
ในขณะที่เทคโนโลยีต่อการจัดการขยะขนาดกลาง (ปริมาณขยะ 50-100 ตันต่อวัน) สามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการคัดแยก
เทคโนโลยีทางกลชีวภาพ และเทคโนโลยีผสมผสาน เพื่อจัดการชุมชนเหล่านี้ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม
และผลิตพลังงานได้
แต่เมื่อพิจารณาการจัดการ หากทำให้ชุมชนหรือบ้านเรือนที่ต้นทางสามารถตระหนักและรับรู้ให้เกิดการคัดแยกขยะรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เช่น ขยะพลาสติกแต่ละประเภทเพื่อก่อให้เกิดรายได้ เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เนื่องจากพลาสติกแต่ละประเภทหากไม่คัดแยกพลาสติกแต่ละประเภทออก จะไม่สามารถนำพลาสติกเหล่านี้กลับมาผลิตเป็นวัตถุดิบรอบสอง หรือพลาสติกรีไซเคิลที่มีมูลค่าสูงเทียบคุณภาพกับพลาสติกใหม่ได้ ดังนั้นในการจัดการที่ต้นทางของขยะเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากที่สุด
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อ Bualuang Green<<
7 ประเภทพลาสติกมีค่าแยกก่อนทิ้งนำไปรีไซเคิลต่อได้
‘พลังงานหมุนเวียน’ เทรนด์ธุรกิจกระแสแรงยุคนี้