SME ใช้เทคโนโลยี AI ลด ‘ก๊าซเรือนกระจก’ เพิ่มโอกาสสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างไร?

ESG
03/10/2024
รับชมแล้วทั้งหมด 109 คน
SME ใช้เทคโนโลยี AI ลด ‘ก๊าซเรือนกระจก’ เพิ่มโอกาสสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างไร?
banner
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลกระทบที่สำคัญต่อสภาพภูมิอากาศ จนเกิดภาวะปัญหาโลกร้อน และ Climate Change ที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบนี้อย่างมาก ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีผลในการกระตุ้นการกระจายความร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล หรือภัยแล้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสุขภาพมนุษย์ได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ อย่างปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร จนถึงปัญหาทางเศรษฐกิจร่วมอีกด้วย
 
จึงทำให้ภาคธุรกิจทั่วโลกต่างมาตรการต่าง ๆ มารับมือโลกเดือด โดยกำหนดเป้าหมายในการลดคาร์บอนเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยการนำ ‘เทคโนโลยี AI’ มาประยุกต์ใช้เพื่อจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในหลายแง่มุมเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในอนาคตได้อย่างยั่งยืน


 
AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญ และกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดย AI เป็นการพัฒนาโปรแกรมหรือระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานหรือจำลองศักยภาพความคิดของมนุษย์ได้ โดยใช้การเรียนรู้และประมวลผลข้อมูล ส่วนของ AI ประกอบไปด้วย Machine Learning (การเรียนรู้ของเครื่อง) Neural Networks (เครือข่ายประสาทเทียม) Natural Language Processing (การประมวลผลภาษาธรรมชาติ) และอื่น ๆ ซึ่งมีการใช้งานหลากหลายในสาขาต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การรับรู้และจดจำรูปภาพ และสามารถคำนวณวิเคราะห์ข้อมูล และทำเลือกตัดสินใจได้เหมือนมนุษย์

โดยสามารถนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการใช้ AI ช่วยใน 5 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้

1. AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสภาพภูมิอากาศ   สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อพยากรณ์แนวโน้มสภาพภูมิอากาศและเตือนภัยด้านสิ่งแวดล้อม
2. AI ช่วยการจัดการพลังงาน   สามารถช่วยจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทางอุตสาหกรรม
3. AI ช่วยตรวจจับและควบคุมการปล่อยมลพิษ  สามารถใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อตรวจจับและลดการปล่อยสารมลพิษได้
4. AI ช่วยคาดการณ์และจัดการน้ำ  โดยช่วยคาดการณ์ภัยน้ำท่วมและบริหารการใช้น้ำในระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
5. AI ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว  ช่วยวิเคราะห์และพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


ตัวอย่าง SME ที่ใช้ AI ช่วยลดโลกร้อน

บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด (Coral Life) ผู้เชี่ยวชาญด้าน อาคารเขียว (Green Building) อาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นอาคารที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED ด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังใส่ใจเรื่องคุณภาพอากาศเป็นพิเศษ 

ใช้เทคโนโลยีระบบ HVAC ซึ่งเป็นการรวม 4 ฟังก์ชั่นการทำงาน ได้แก่ ระบบแอร์คอนดิชั่น หรือระบบทำความเย็น, ระบบระบายอากาศ, ระบบการฟอกอากาศ และระบบการควบคุมความชื้น ร่วมกับระบบ IOT หรือระบบแสดงผลและควบคุมคุณภาพอัจฉริยะ จนได้ระบบเฉพาะที่เรียกว่า “คอรัล โซลูชั่น” ซึ่งถือเป็นระบบเฉพาะของบริษัท คอรัล ไลฟ์ ที่ใช้ในการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งนอกจากจะประหยัดพลังงานกว่า 70% แล้ว ยังสามารถทำให้อากาศภายในอาคารมีคุณภาพที่ดีตลอด 24 ชั่วโมงได้อีกด้วย

สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 



AI ช่วย SME ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร?


สำหรับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้

AI ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกภาคอุตสาหกรรม


ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี AI และ IoT เข้ามาพัฒนาระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ทำงานคล่องตัว ทุ่นแรง ตรวจจับข้อบกพร่อง คาดการณ์การซ่อมบำรุง มีความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้มีความถูกต้องแม่นยำในกระบวนการผลิต สามารถลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้ทรัพยากร ลดการใช้พลังงาน ลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยกตัวอย่าง AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้บริษัทในอุตสาหกรรมโลหะและเหมืองแร่ น้ำมันและก๊าซลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงานของตน โดย Eugenie.ai ซึ่งตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาแพลตฟอร์มติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่รวมภาพถ่ายดาวเทียมเข้ากับข้อมูลจากเครื่องจักรและกระบวนการต่างๆจากนั้น AI จะวิเคราะห์ข้อมูลนี้เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถติดตามและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 20-30% ภาคอุตสาหกรรมสร้างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 30% ทั่วโลก

 

AI ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกภาคการเกษตร


ปัจจุบันเกษตรยุคใหม่ มีการพัฒนาจากแบบดั่งเดิม เป็นระบบเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farm โดยนำอุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ อาทิ ระบบควบคุมการให้น้ำอัตโนมัติ ที่มีเซนเซอร์ตรวจวัดความชื้น เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ และใช้เทคโนโลยี AI ทำการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ตัดสินใจในการปรับปริมาณการให้น้ำอย่างเหมาะสม ตลอดจนการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้กับเครื่องจักรทางการเกษตร เพื่อให้มีความสามารถละเอียด แม่นยำ มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต ลดของเสียที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 

ยกตัวอย่าง ‘ไทเกอร์โดรน’ โดรนการเกษตร ที่ออกแบบจาก Pain Point ของเกษตรกรไทยและอาเซียน ที่สามารถระบุพื้นที่แบบไร่ งาน หรือตารางวาได้ จึงทำให้เกษตรกรทำงานง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการฟาร์มเกษตร ช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย แต่ได้คุณภาพและปริมาณผลผลิตที่สูงขึ้น


สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

 

AI ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจากการคมนาคม และขนส่ง


การจราจรที่คับคั่ง ก่อให้เกิดมลพิษ ส่งผลกระทบต่อการสูญเสียพลังงาน และส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นความท้าทายสำหรับปัญหาการคมนาคม ดังนั้นจึงมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาวิเคราะห์เส้นทางการจราจร ซึ่งสามารถวางแผนการเดินทาง การขนส่งให้มีระยะทางที่เหมาะสมที่สุดกับช่วงเวลาต่าง ๆ มีการนำเทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ให้มีความเหมาะสมกับผู้ขับขี่ ทำให้สามารถลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ลดการปล่อยมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

AI ทำแผนที่การตัดไม้ทำลายป่า และคำนวณคาร์บอนที่สะสมในป่า


AI ถูกนำมาใช้ ภาพถ่ายดาวเทียม และระบบนิเวศ เพื่อจัดทำแผนที่ผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่าต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ Space Intelligence บริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศสกอตแลนด์ กล่าวว่าบริษัทดำเนินงานในกว่า 30 ประเทศ และได้ทำแผนที่พื้นที่มากกว่า 1 ล้านเฮกตาร์จากอวกาศโดยใช้ข้อมูลดาวเทียม เทคโนโลยีของบริษัทวัดการวัดจากระยะไกล อย่าง อัตราการตัดไม้ทำลายป่า และคำนวณปริมาณคาร์บอนที่สะสมอยู่ในป่าได้ด้วย

 

ยกตัวอย่าง บริษัทในไทยที่นำ AI มาใช้บริหารพื้นที่สีเขียว คือ บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ VARUNA ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนคาร์บอนอย่างยั่งยืน ให้ไทยก้าวเข้าสู่สังคม Net Zero ผ่านการนำเทคโนโลยี AI ช่วยบริหารโครงการคาร์บอนเครดิต และพร้อมส่งมอบคาร์บอนเครดิตมาตรฐานสากลเพื่อตอบโจทย์นโยบายหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ อุปสรรคในการปลูกป่าและสร้างพื้นที่สีเขียวจำเป็นต้องใช้แรงงานคนในการปลูกต้นไม้ รวมถึงการประเมิน การวัดพื้นที่ และการคำนวณปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง วรุณา จึงพัฒนา Drone Plantation หรือ โดรนปลูกป่า เพื่อให้การดำเนินงานปลูกป่าทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

นอกจากนี้ วรุณา ยังพัฒนา Smart Forest Platform เพื่อให้ผู้พัฒนาโครงการ รวมถึงผู้ซื้อคาร์บอนเครดิต เกิดความมั่นใจในการบริหารจัดการพื้นที่สีเขียวเพื่อให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิต 

 

โดย Smart Forest Platform มีการนำ 3 เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ได้แก่ 

ส่วนที่ 1 เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม ช่วยในการวางแผนฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว รวมถึงการช่วยตรวจจับพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดไฟป่าหรือพื้นที่เผาไหม้ได้
ส่วนที่ 2 เทคโนโลยีโดรนมัลติสเปกตรัม เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่ โดยภาพถ่ายจากโดรนจะช่วยลดเวลาการสำรวจพื้นที่ได้มากกว่าการใช้คนถึง 10 เท่า และช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงในการใช้คนลงพื้นที่
ส่วนที่ 3 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อวิเคราะห์และประเมินศักยภาพในการดูดซับคาร์บอน โดยนำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการโครงการป่าไม้แบบ End-to-End Solution ซึ่งช่วยวางแผนฟื้นฟูเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้อย่างแม่นยำและส่งมอบคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพได้
 

สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

AI ช่วยตรวจจับภูเขาน้ำแข็งกำลังละลายที่ไหน และเร็วแค่ไหน

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลีดส์ในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า AI สามารถทำแผนที่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ในแอนตาร์กติกด้วยภาพถ่ายดาวเทียมได้ในเวลาเพียงหนึ่งในร้อยวินาที องค์การอวกาศยุโรป รายงานว่า สำหรับมนุษย์ ใช้เวลานาน และเป็นการยากที่จะระบุภูเขาน้ำแข็งกลางเมฆสีขาวและน้ำแข็งในทะเล ซึ่ง AI สามารถวัดการเปลี่ยนแปลงในภูเขาน้ำแข็งได้เร็วกว่ามนุษย์ถึง 10,000 เท่า 

โดยการประมวลผลที่ว่องไวจาก AI จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบ และคำนวณการไหลเข้าของน้ำจืด การเพิ่มหรือลดปริมาณน้ำในมหาสมุทร ที่มีผลทำให้ภูเขาน้ำแข็งหดตัวหรือขยายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล



          Cr.The Ocean Cleanup

AI ทำความสะอาดมหาสมุทร


ในประเทศเนเธอร์แลนด์ องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมชื่อ The Ocean Cleanup กำลังใช้ AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อช่วยกำจัดมลพิษพลาสติกจากมหาสมุทร ซึ่ง AI จะตรวจจับวัตถุช่วยให้องค์กรสร้างแผนที่รายละเอียดของขยะในมหาสมุทรในสถานที่ห่างไกล ขยะในมหาสมุทรสามารถรวบรวมและกำจัดออกได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการทำความสะอาดแบบเดิม ที่ใช้เรือลากอวนในการเก็บขยะ

สำหรับสมรรถนะของเรือดักเก็บขยะอัตโนมัติ Interceptor สามารถดักเก็บขยะอัตโนมัติโดยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และช่วยลดปริมาณขยะในแม่น้ำที่จะไหลลงสู่ทะเลได้ถึง 60%


 ไม่เพียงเท่านั้นขยะที่เก็บได้จะถูกนำมาคัดแยกอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามแนวทางของเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวของการแก้ปัญหาขยะทะเล ที่จะช่วยลดมลภาวะในแม่น้ำที่จะเกิดปัญหาต่อสัตว์ทะเลได้

ทั้งนี้ เรื่อ Interceptor สามารถดักเก็บขยะจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้มากที่สุดถึง 100,000 ชิ้นต่อวัน ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง อาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ถูกจัดเก็บสำรองพลังงานไว้ที่แบตเตอรี่ จึงปราศจากเสียงและกลิ่นรบกวน เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการมีระบบตรวจสอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพผ่านทางออนไลน์ พร้อมทั้งคาดประเมินว่าจะสามารถสกัดขยะพลาสติกได้ประมาณ 1 ล้านกิโลกรัมต่อปี
 
 

                              Cr. Greyparrot    เครื่องแสกนขยะ

การใช้ AI เพื่อรีไซเคิลขยะให้มากขึ้น


จากรายงานของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา ของเสียจากผู้ผลิตก๊าซมีเทนรายใหญ่และมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ถึง 16% ทั่วโลก ระบบ AI จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

โดยบริษัท Greyparrot สตาร์ทอัพซอฟต์แวร์ในลอนดอน สหราชอาณาจักร ได้พัฒนาระบบ AI ที่สามารถวิเคราะห์ขยะต่าง ๆ โรงงานแปรรูปและรีไซเคิลของเสีย ได้เกือบ 100% เพื่อช่วยกู้คืนและรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้มากขึ้น โดยติดตั้งกล้องไว้เหนือสายพานลำเลียงขยะกว่า 50 แห่งในยุโรป และซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพที่ซับซ้อน มันสามารถวิเคราะห์ของเสียได้แบบเรียลไทม์ช่วยให้สามารถระบุและคัดแยกวัสดุเหลือใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
 


                       Cr. Greyparrot

ปัจจุบัน เทคโนโลยี AI ของเขา สามารถติดตามขยะได้ปีละกว่า 32,000 ล้านชิ้น และยังพัฒนาแผนที่ขยะแบบดิจิทัลด้วย ทำให้นักจัดการขยะสามารถนำไปใช้ปรับปรุงระบบที่ตัวเองดูแลอยู่ได้ด้วย ซึ่งเขาระบุว่า สามารถแยกวัสดุโดยเฉลี่ย 86 ตัน ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แทนที่จะถูกส่งไปฝังกลบอย่างเปล่าประโยชน์


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดอุณหภูมิโลกที่กำลังทวีความร้อนแรงขึ้นทุกวัน ให้บรรเทาเบาลง และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี พ.ศ. 2608 ทั้งนี้ ต้องอาศัยทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจและ SME ที่มีจำนวนมาก ช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รักษาสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ต่อธุรกิจและโลกนี้ไปพร้อม ๆ กัน

อ้างอิง
World economic forum 

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Supply Chain ปรับตัวอย่างไร? กับนโยบายจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) สู่ Net Zero (Part 2)

Supply Chain ปรับตัวอย่างไร? กับนโยบายจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) สู่ Net Zero (Part 2)

บทความก่อนหน้านี้ เราได้กล่าวถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำทั่วโลกและในประเทศ มีการกำหนดนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว หรือ Green Procurement…
pin
52 | 27/12/2024
ส่อง! บริษัทใหญ่ ใช้ 4 แนวทาง สร้าง Green Supply Chain ชวนคู่ค้า สร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน (Part 1)

ส่อง! บริษัทใหญ่ ใช้ 4 แนวทาง สร้าง Green Supply Chain ชวนคู่ค้า สร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน (Part 1)

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ธุรกิจจะยั่งยืนไม่ได้ หากขาดการจัดหาวัตถุดิบ สินค้า บริการ และกระบวนการผลิตที่ดี ดังนั้นการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับแนวโน้ม…
pin
58 | 21/12/2024
โลกร้อนรุนแรงขึ้น อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย จะเปลี่ยนผ่าน (Transition) สู่ความยั่งยืนได้อย่างไร

โลกร้อนรุนแรงขึ้น อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย จะเปลี่ยนผ่าน (Transition) สู่ความยั่งยืนได้อย่างไร

อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังจะได้รับผลกระทบจากภาษีคาร์บอนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นอันดับต้น ๆ นั่นคือ อุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง…
pin
65 | 11/12/2024
SME ใช้เทคโนโลยี AI ลด ‘ก๊าซเรือนกระจก’ เพิ่มโอกาสสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างไร?