ตลาด"กัมพูชา"ถือเป็น 1 ใน
4 ชาติ ของกลุ่มประเทศ CLMV ที่ประกอบไปด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดตลอดระยะเวลาช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนทั้งต่างชาติและไทยแห่เข้าไปลงทุนต่อเนื่องเพราะทรัพยากรธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์และค่าจ้างแรงงานยังไม่สูงมากนัก
ตลอดทั้งได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษี มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553
การได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษี(GSP)จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญทำให้ ตลาดCLMV กลายเป็นสมรภูมิอันหวานหอมในหมู่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เช่นเดียวกับกลุ่มนักลงทุนไทย ได้เข้าไปขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV หรือ ส่งออกสินค้าจากไทยไปตีตลาดจนประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่ง เพราะนอกจากไทยมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วยังมีประเพณีวัฒนธรรมคล้ายกันทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
เช่นเดียวกับ ”ตลาดกัมพูชา”เพื่อนบ้านสำคัญที่มีพรมแดนติดต่อกับไทยทั้งทางด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
จึงกลายเป็นตลาดการค้าระหว่างประเทศที่มีศักยภาพสูง ประกอบกับการเมืองกัมพูชามีเสถียรภาพและเศรษฐกิจขยายตัวไม่หยุดจึงเป็นโอกาศของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุนหรือส่งออกสินค้าไปตีตลาดกัมพูชาได้ไม่อยาก
ประกอบกับหลายทศวรรษที่ผ่านมาแรงงานกัมพูชาทะลักเข้ามาทำงานในเมืองไทย ซึ่งกลุ่มแรงงานต่างด้าว100% ใช้สินค้าแบรนด์ของไทยทั้งนั้น
เมื่อกลับกัมพูชากลายเป็นสื่อโฆษณาแบบปากต่อปากว่าใช้สินค้าของไทยแล้วดี
มีคุณภาพมาตรฐานสากล จึงเป็นเหตุสำคัญที่สินค้าไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในตลาดกัมพูชา
กระทรวงพาณิชย์รายงานสถิติการค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา
สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี
2562 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่าการค้ารวม 42,039.73 ล้านบาท
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 37,379.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
12.47 แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า
34,845.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
20.68 และการนำเข้ามูลค่า 7,194.34 ล้านบาท
ลดลงร้อยละ15.41 ไทยได้ดุลการค้า27,651.04 ล้านบาท
ขณะที่ด่านการค้าสำคัญที่มีมูลค่าการค้าสูงสุด
5 อันดับแรกได้แก่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีมูลค่าการค้ารวม (ไตรมาสแรก)26,482.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.99
ของการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา รองลงมาได้แก่ ด่านศุลกากรคลองใหญ่ด่านศุลกากรจันทบุรีด่านศุลกากรช่องจอม
และด่านศุลกากรช่องสะงำ ในจังหวัดสุรินทร์
สำหรับสินค้าส่งออกที่สำคัญ 5
อันดับแรก ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์(+27.90%) รถยนต์ อุปกรณ์และ
ส่วนประกอบ (+23.42%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+12.80%) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ
(+20.87%) ผ้าผืนและด้าย(+18.74%)
ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าปี
2562 ยังคงเติบโตไม่หยุดเพราะกัมพูชายังคงมีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจไม่หยุด นักลงทุนไทยจะเข้าไปทำการค้าในกัมพูชายังมีโอกาสสูงเพราะกัมพูชาเป็นประเทศหนึ่งที่เปิดกว้างเสรีทางการค้า
โดยรัฐบาลไม่มีนโยบายกีดกันทางการค้าหรือไม่มีข้อจำกัดทางการค้าใด
ๆ
เพียงแต่ผู้ที่ประสงค์จะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาจะต้องชำระภาษีขาเข้าและภาษีผู้บริโภคเสียก่อน
และต้องผ่านการตรวจสอบและกำหนดพิกัดศุลกากรเสียก่อนจึงจะสามารถนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในกัมพูชาได้
ที่ผ่านมาสินค้าส่งออกจากไทยไปจำหน่ายตลาดกัมพูชาส่วนใหญ่ให้การยอมรับและเชื่อถือเป็นอย่างมากว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
ส่วนหนึ่งก็มาจากอิทธิพลจากแรงงานที่อพยพมาทำงานในไทยแบบบอกปากต่อปากและจากอิทธิพลโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ที่บ้านเขาก็สามารถรับชมรายการทีวีของไทยได้
แม้ว่าอุปสรรค “คู่แข่ง” สินค้าจากเวียดนามและจีนราคาถูกเข้ามาตีตลาด
แต่ความเชื่อมั่นสินค้าจากไทยและมีคุณภาพทำให้ชาวกัมพูชาเชื่อถือมากกกว่า
สินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าที่ตลาดกัมพูชามีความต้องการ
แต่ยังมีอีกหลากหลายกลุ่มสินค้าจากไทยที่สามารถเข้าเจาะตลาดกัมพูชาได้ เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคชาวกัมพูชาในยุคใหม่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
ซึ่งสอดคล้องกับ นายชายพงษ์ นิยมกิจ ท่านประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี เเละ
คณะกรรมการขับเคลื่อนหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ได้ให้ความคิดเห็นว่า
ผู้บริโภคชาวกัมพูชายุคใหม่มีพฤติกรรมสอดคล้องกับตลาดไทยเพราะได้รับอิทธิพลหลายอย่างจากไทย
ทำให้โอกาสที่นักลงทุนไทยสามารถเข้าไปเจาะตลาดกัมพูชาได้ไม่อยาก ซึ่งปี 2562
การค้าระหว่างไทยและกัมพูชายังคงมีอัตราการเติบโตไม่หยุดเพื่อทั้งสองประเทศมีชายแดนติดกันทำให้การค้าระหว่างกันเกิดความสะดวกสบายทำให้การค้ายิ่งเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมาเพราะปัจจุบันไทยและกัมพูชาเปิดจุดการค้าชายแดนถาวรตั้งแต่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือจนภาคตะวันออกยิ่งส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศคึกคักตามไปด้วย
ส่วนด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนก็ยิ่งคึกคักเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านทำให้ความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ส่วนนักลงทุนไทยอยากเข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชาหากต้องการข้อมูลช่องทางการลงทุนหรือปรึกษาด้านกฎหมายก่อนเข้าไปลงทุนกัมพูชาขอให้มาปรึกษากับทางหอการค้าจังหวัดจันทบุรี หรือหอการค้าจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดต่อจังหวัดที่ประสานงานด้านข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด
ด้านนายสมบัติ สมบูรณ์เทอดธนา
ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า บรรยากาศการค้าผ่านช่องจอม และช่องสง่ำ
จ.สุรินทร์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ค้าชาวไทยและผู้ค้าชาวกัมพูชา ส่งออก
นำเข้าสินค้าแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลาทำให้การค้าระหว่างทั้งสองประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า
1 พันล้านล้านบาทต่อเดือน สินค่าส่งออกที่สำคัญอุปกรณ์ก่อสร้างเพราะปัจจุบันกัมพูชาเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและเศรษฐกิจดีทำให้สินค้าจากไทยขายดีเป็นพิเศษ
ตลาดกัมพูชาไม่ใช่เรื่องยากในการเข้าไปลงทุนหรือส่งออกสินค้าจากไทยไปเจาะตลาดกัมพูชา แต่ต้องเตรียมพร้อมและทำการบ้านเป็นอย่างอย่างดี โอกาสประสบความสำเร็จในการค้าขายในตลาดกัมพูชาอยู่แค่เอื้อม