การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น
กระทั่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศแถลงการณ์ให้เข้าสู่ภาวะระบาดหนักหลังจากมีผู้ได้รับเชื้อกว่า
120,000 คน จาก 100 กว่าประเทศทั่วโลก
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับการจัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
(AEM Retreat) ครั้งที่ 26
ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 11 มีนาคม ณ เมืองดานัง
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
การประชุมครั้งนี้ฝ่ายไทยนำโดย นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้
สมาชิกอาเซียนต่างแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลกและอาเซียน
จึงได้ร่วมกันกันออกแถลงการณ์เรื่อง
“การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของอาเซียน ในการรับมือต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา”
สาระสำคัญของแถลงการณ์ ระบุว่า
สมาชิกต่างเห็นพ้องจะเร่งดำเนินการช่วยบรรเทาผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น
รักษาตลาดอาเซียนที่ยังคงเปิดกว้างสำหรับการค้าและการลงทุน
และส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการประสานงาน และความร่วมมือระหว่างกันที่ช่วยให้อาเซียนสามารถตอบสนองกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาด
โดยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจ
โดยเฉพาะกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี (MSMEs) สามารถดำเนินต่อไปได้
และการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียนเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิตในอาเซียน
รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่จะส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร
เป็นต้น
กำหนดหลักการ 3 ด้านพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียน
นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
ยังให้ความเห็นชอบแผนงานด้านเศรษฐกิจ (AEC Blueprint) ตามที่เวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้
ได้ผลักดันให้ดำเนินการให้สำเร็จในปี 2563
แนวคิดของเวียดนามในการประชุมครั้งนี้
ต้องการให้อาเซียนที่เป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัว (Cohesive
and Responsive ASEAN) 3
ด้านหลักได้แก่
1. เน้นการส่งเสริมการบูรณาการและความเชื่อมโยงภายในอาเซียน
เช่น การส่งเสริมอาเซียนให้เป็นภูมิภาคที่ใช้ดิจิทัลร่วมกัน การส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะในประเทศอาเซียน
การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคให้เป็นระบบเดียวกัน
2. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของอาเซียนกับประชาคมโลก
เช่น การลงนามความตกลงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในภูมิภาค (RCEP)
ระหว่างสมาชิกอาเซียน และพันธมิตร 5 ประเทศ
ยกเว้นอินเดียซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในปีนี้
3. การเสริมสร้างอาเซียนให้พร้อมปรับตัวและมีศักยภาพมากขึ้น เช่น การสร้างเครือข่ายศูนย์นวัตกรรมของประเทศในอาเซียน และการจัดทำแผนงานด้านความมั่นคงอาหาร โดยหลายประเด็นสานต่อจากไทยที่ริเริ่มไว้ในฐานะประธานอาเซียนปีที่แล้ว เช่น การส่งเสริมอาเซียนให้เป็นภูมิภาคที่ใช้ดิจิทัลร่วมกัน การจัดทำแผนงานต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และการลงนามความตกลง RCEP ในปีนี้
เร่งลงนามความตกลง RCEP ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง
ประเด็นที่ประชุมได้ให้ความสำคัญ คือ
การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกทางการค้าแก่ภาคธุรกิจในด้านต่างๆ อาทิ
การเริ่มใช้ระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตัวเอง เพื่อลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการทำการค้าระหว่างกัน
และการลงนามข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ด้านรถยนต์ของอาเซียน
ซึ่งเวียดนามเป็นประเทศสุดท้ายตอบรับจะเร่งรัดกระบวนการในประเทศ ให้สามารถดำเนินการประเด็นดังกล่าวทั้งหมดภายในปีนี้
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยก็ยังคงต้องให้ความสำคัญต่อความเคลื่อนไหวต่างๆ
ของอาเซียนอย่างเนื่องเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันอาเซียนถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย
โดยตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
แต่การประชุมอาเซียนครั้งนี้ยังคงมุ่งให้ความสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค โดยเฉพาะการลงนามความตกลง
RCEP
ตามกำหนดภายในปีนี้ ถือเป็นภารกิจลำดับแรก
และยังมีแผนขยายเปิดตลาดการค้าสินค้าอ่อนไหวต่างๆ เพิ่มเติมกับเกาหลีใต้โดยเร็ว
ในส่วนภาคเอกชนอาเซียน ในนามสภาธุรกิจอาเซียน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้อาเซียนดำเนินการข้อเสนอต่างๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (Ecosystem) เพื่อเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการในภูมิภาคอาเซียน อำนวยความสะดวกการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลของ MSMEs ให้สามารถเริ่มต้น ขยาย และรักษาธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งทางที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจฯ ได้ขอให้ภาคเอกชนดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของอาเซียน เพื่อให้มีความสอดคล้องและเดินหน้าไปด้วยกัน