Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]

SME Update
27/10/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 1 คน
Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]
banner

รายงานล่าสุดจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เผยสถิติที่น่าตกใจว่าปี 2024 เป็นปีที่โลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยมีการบันทึกมา อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในบางช่วงเวลาได้สูงเกินขีดจำกัด 1.5 °C ที่นักวิทยาศาสตร์มองว่าเป็นเส้นแบ่งเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราเคยคาดไว้มาก

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอกย้ำว่า Net Zero ไม่ใช่แค่คำศัพท์สวยหรูในวงการธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นภารกิจเร่งด่วนของทุกภาคส่วน บทความนี้จะพาคุณไปไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Net Zero และเป็นแผนที่นำทางให้ธุรกิจของคุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้ได้อย่างยั่งยืน

Net Zero คือสถานะที่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ มีค่าเท่ากับปริมาณที่ถูกดูดซับหรือนำออกจากชั้นบรรยากาศ

Net Zero คืออะไร? เจาะลึกนิยามที่แท้จริง

Net Zero คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยปริมาณก๊าซที่ถูกปล่อยออกมาจะถูกดูดซับหรือกำจัดออกไปจากบรรยากาศในปริมาณที่เท่ากัน ทำให้ไม่มีการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสุทธิในชั้นบรรยากาศอีกต่อไป 

การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไม่ได้หมายถึงการหยุดปล่อยก๊าซโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการลดการปล่อยก๊าซให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการเพิ่มการกำจัดก๊าซที่ยังหลงเหลืออยู่ออกไปอย่างถาวรผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน

ความแตกต่างของ  Carbon Neutral กับ Net Zero มีอะไรบ้าง


ประเด็นเปรียบเทียบ

Carbon Neutral 

Net Zero

ขอบเขตของก๊าซ

เน้นเฉพาะ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2​) เท่านั้น

ครอบคลุม ก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (GHG) ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น CO2 มีเทน (CH4​) และไนตรัสออกไซด์ (N2​O) เป็นต้น

วิธีการชดเชย

เน้นการ ชดเชย (Offsetting) เป็นหลัก เช่น การซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการต่าง ๆ เพื่อหักลบปริมาณการปล่อยก๊าซ

เน้นการ ลดการปล่อย (Reduction) ให้เหลือน้อยที่สุดก่อน และใช้การชดเชยเป็นวิธีสุดท้ายสำหรับก๊าซที่ลดไม่ได้จริง ๆ

ระดับของเป้าหมาย

เป้าหมายที่องค์กรหรือหน่วยงานสามารถตั้งได้เพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อย CO2​ ในขอบเขตที่จำกัด

เป้าหมายระดับที่สูงและกว้างกว่า มักใช้เป็นเป้าหมายระดับประเทศ หรือองค์กรขนาดใหญ่ ที่มุ่งลดก๊าซเรือนกระจกทั้งระบบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์


เป้าหมาย Net Zero ของโลกและประเทศไทย อยู่ตรงไหนในปี 2025?

เป้าหมายระดับโลก (Global Goal)

เป้าหมาย Net Zero ในระดับโลกเริ่มต้นจากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการประชุม COP21 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2015 ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2 °C และตั้งเป้าสูงสุดไม่ให้อุณหภูมิโลกเกิน 1.5 °C เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรง และมีข้อตกลงกำหนดให้แต่ละประเทศต้องส่งแผนปฏิบัติการด้านสภาพอากาศของตัวเอง หรือที่เรียกว่า NDC (Nationally Determined Contributions) ทุก ๆ 5 ปี โดยแผนที่ส่งในแต่ละครั้งต้องมีความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อย ๆ

ต่อมาเมื่อมีการจัดการประชุม COP26 ในปี 2021 นานาประเทศต่างพร้อมใจกันประกาศเป้าหมายมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดยั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ทำให้เป้าหมาย Net Zero 2050 กลายเป็นพันธกิจสำคัญที่หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างเป็นทางการว่าจะมุ่งไปสู่เป้าหมายนี้





เป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย (Thailand's Goal)

 เป้าหมายสำคัญของประเทศไทยเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือ การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065 อ้างอิงจากยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ ฉบับปรับปรุง (Thailand's Long-Term Low Greenhouse Gas Emissions Development Strategy) (Thailand's LT-LEDS) ประเทศไทยมีแผน Net Zero Emissions ผ่านขั้นตอนดังนี้

การเปลี่ยนผ่านภาคพลังงาน

  • พลังงานหมุนเวียนจะคิดเป็น 74% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2050

  • ทยอยยุติการใช้ถ่านหิน และนำเทคโนโลยีกระบวนการปล่อยก๊าซเป็นลบมาใช้ เช่น พลังงานชีวภาพร่วมกับการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS)

การลดคาร์บอนในภาคคมนาคมและอุตสาหกรรม

  • ยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) จะมีสัดส่วนการผลิตใหม่ 30% ภายในปี พ.ศ. 2030 ภายใต้นโยบาย 30@30

  • ภาคอุตสาหกรรมจะนำเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) มาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซได้สูงสุดถึง 90% ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การผลิตปูนซีเมนต์

ภาคป่าไม้และการใช้ที่ดิน

  • คาดว่าการมีส่วนร่วมจากภาคการใช้ที่ดิน, การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และป่าไม้ (LULUCF) จะคงที่อยู่ที่ 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2580 (ค.ศ. 2037) เป็นต้นไป

  • มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวให้ครอบคลุม 55% ของพื้นที่รวมทั้งหมดของประเทศไทย



Roadmap สู่การเป็นองค์กร Net Zero: 4 ขั้นตอนสำหรับธุรกิจไทย

การทำ Net Zero ไม่ใช่เรื่องของการลงทุนที่แพงเสมอไป แต่คือการวางแผนให้มากขึ้นและลงมือปรับเปลี่ยนจากสิ่งเล็ก ๆ ใกล้ตัวจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยรวมอีกด้วย


ขั้นที่ 1: วัดและประเมิน (Measure)


ขั้นตอนสู่การเป็นองค์กร Net Zero เริ่มต้นที่การตั้งค่าเป้าหมายและรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบขั้นตอนแรกคือการเริ่มทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเบื้องต้น (Carbon Accounting) ด้วยตัวเอง

  • รวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซ: รวบรวมข้อมูลและแบ่งประเภทการปล่อยก๊าซออกเป็นกลุ่มง่าย ๆ คือ การปล่อยก๊าซทางตรง เช่น เชื้อเพลิงในรถยนต์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้า และการปล่อยก๊าซทางอ้อม เช่น การขนส่งสินค้า หรือการเดินทางของพนักงาน

  • สร้างแบบฟอร์มการเก็บข้อมูล: ทำตารางใน Microsoft Excel หรือ Google Sheets เพื่อบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือน ปริมาณการเติมน้ำมันของรถบริษัท ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า

  • คำนวณเบื้องต้นด้วยเครื่องมือออนไลน์: ใช้เครื่องมือคำนวณคาร์บอนฟุตพรินต์ฟรีที่มีอยู่แล้วบนเว็บไซต์ขององค์กรต่าง ๆ เพื่อแปลงข้อมูลที่รวบรวมได้ให้เป็นค่าคาร์บอนที่เข้าใจง่าย

ขั้นที่ 2: ลด (Reduce): การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน การปรับกระบวนการผลิต และการจัดการของเสีย

ขั้นนี้เน้นการลดการปล่อยก๊าซจากกิจกรรมหลักของธุรกิจ เพื่อมุ่งไปสู่ธุรกิจ Net Zero

  • วิเคราะห์จุดที่สิ้นเปลืองพลังงาน: ตรวจสอบกระบวนการทำงานในโรงงานหรือออฟฟิศเพื่อหาจุดที่สิ้นเปลืองพลังงานและปรับปรุง เช่น ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศและเครื่องจักร หรือติดตั้งอุปกรณ์ตั้งเวลา (Timer) เพื่อควบคุมการใช้ไฟ

  • ปรับปรุงการขนส่งและโลจิสติกส์: วางแผนเส้นทางการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดระยะทางและประหยัดน้ำมัน หรือรวมการขนส่งสินค้าหลายรายการเข้าด้วยกัน

  • การจัดการของเสียแบบยกระดับ: ทำสัญญาหรือร่วมมือกับบริษัทที่รับซื้อของเสียที่คัดแยกแล้ว เช่น เศษกระดาษ พลาสติก หรือโลหะ เพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง


ขั้นที่ 3: เปลี่ยน (Switch): การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) 

ในขั้นนี้ธุรกิจจึงสามารถเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่สอดคล้องกับธุรกิจได้ เพราะการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน นอกจากจะช่วยส่งเสริม Net Zero แล้วยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวด้วยเช่นกัน

  • ติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อลดต้นทุนค่าไฟ: พิจารณาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานหรือสำนักงาน เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมากในระยะยาว

  • ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับงานในองค์กร: เปลี่ยนรถยนต์ของบริษัท เช่น รถส่งของ ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษในพื้นที่และสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัย

  • เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เปลี่ยนจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้มาเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิลหรือพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic)


ขั้นที่ 4: รายงานและสื่อสาร (Report & Communicate): การจัดทำรายงานความยั่งยืน

ขั้นนี้คือการสร้างความน่าเชื่อถือ และดึงดูดลูกค้าหรือคู่ค้าใหม่ ๆ ที่เห็นประโยชน์ของการก้าวเข้าสู่ Net Zero

  • จัดทำรายงานความยั่งยืนฉบับย่อ: สรุปข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงาน และการจัดการของเสียในแต่ละปีอย่างสั้น ๆ และเข้าใจง่าย เพื่อนำเสนอต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

  • สื่อสารผ่านช่องทางที่เข้าถึงง่าย: ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการเผยแพร่ความคืบหน้าของธุรกิจในเส้นทางสู่ Net Zero และอธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าอย่างไร

  • ติดโลโก้หรือข้อความบนผลิตภัณฑ์: ใช้สัญลักษณ์ที่เข้าใจง่าย เช่น โลโก้ "รีไซเคิล" หรือข้อความ "เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเห็นได้ทันที

การทำ Net Zero ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการลงทุนมหาศาล แต่เป็นการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนจากภายในสู่ภายนอก หากทำอย่างต่อเนื่องและมีระบบก็จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้แน่นอน

เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนสู่ Net Zero (Net Zero Technologies)

พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)

พลังงานหมุนเวียนคือการใช้พลังงานจากแหล่งธรรมชาติที่เกิดขึ้นใหม่และไม่มีวันหมด เพื่อทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักและขับเคลื่อนสังคมให้เข้าสู่ Net Zero โดยมีตัวอย่างที่สำคัญ เช่น

  • พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy): ใช้แผงโซลาร์เซลล์ในการเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์มาเป็นไฟฟ้า

  • พลังงานลม (Wind Energy): ใช้กังหันลมเพื่อเปลี่ยนพลังงานลมมาเป็นพลังงานไฟฟ้า

  • พลังงานชีวภาพ (Bioenergy): ใช้เศษวัสดุจากพืชหรือขยะอินทรีย์มาผลิตเป็นไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิง


เทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน (Energy Storage)

อีกหนึ่งเทคโนโลยี Net Zero คือเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานโดยใช้แบตเตอรี่เพื่อสำรองไฟฟ้าส่วนเกินไว้ใช้ในภายหลัง ช่วยให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอต่อความต้องการแม้ในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์หรือลม เช่น ระบบแบตเตอรี่สำรอง (Battery Energy Storage System: BESS) ที่สามารถกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ในตอนกลางวันไว้ใช้ในตอนกลางคืนได้


เทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS)

เทคโนโลยีนี้ช่วยจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2​) ที่ปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมหรือการเผาไหม้เชื้อเพลิง โดยไม่ได้แค่กำจัดทิ้ง แต่ยังนำ CO2​ ที่ดักจับได้ไปใช้ประโยชน์ต่อได้หลายอย่างในภาคอุตสาหกรรมและช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจเข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero ได้มากขึ้น เช่น การนำไปช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในแหล่งเก่า (EOR) การเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเคมีภัณฑ์อย่างปุ๋ยยูเรียและเมทานอล รวมถึงการแปลงเป็นเชื้อเพลิงอย่างก๊าซมีเทน


เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy หมายถึง แนวคิดเกี่ยวกับการนำทรัพยากรที่ถูกนำไปใช้แล้ว กลับมาแปรรูปและนำกลับมาใช้อีกในอนาคต เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรเกินขนาดจากการขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นของประชากรโลก และปัญหาการจัดการขยะ

การจะไปสู่ Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยแนวทางของ Circular Economy เพื่อจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่ได้มาจากภาคพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่มาจากระบบการผลิตและบริโภคทั้งหมดของเราด้วย


<H2>บทสรุป: Net Zero ไม่ใช่ภาระ แต่คือโอกาสทางธุรกิจแห่งอนาคต

วิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือกัน ภาคธุรกิจจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ด้วยพลังแห่งนวัตกรรมและศักยภาพในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว และยังสอดคล้องกับหลักสากล และแผนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065 ของประเทศอีกด้วย ซึ่งการทำ Net Zero ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการลงทุนมหาศาล แต่เป็นการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนจากภายในสู่ภายนอก หากมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีระบบก็จะช่วยสร้างความยั่งยืน และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ SME ในอนาคตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


ข้อมูลอ้างอิง


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025

Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025

รู้หรือไม่ว่า ทุก ๆ 1 วินาที โลกของเรามีข้อมูลเกิดขึ้นใหม่มากกว่า 1.7 MB ต่อคน? ไม่ว่าจะเป็นการไถดูฟีดบน Facebook การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์…
pin
0 | 27/10/2025
Sustainability (ความยั่งยืน) คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่ออนาคตของโลกและธุรกิจ [อัปเดต 2025]

Sustainability (ความยั่งยืน) คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่ออนาคตของโลกและธุรกิจ [อัปเดต 2025]

ในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งวิกฤตสิ่งแวดล้อม วิกฤตภูมิอากาศ และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเติบโตที่แท้จริงจึงไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว…
pin
0 | 27/10/2025
Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]

Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]

รายงานล่าสุดจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เผยสถิติที่น่าตกใจว่าปี 2024 เป็นปีที่โลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยมีการบันทึกมา อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในบางช่วงเวลาได้สูงเกินขีดจำกัด…
pin
1 | 27/10/2025
Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]