Kantar World panel รายงานถึงผู้บริโภคในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ เคอร์ฟิวเพื่อให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น มีผลให้การใช้บริการในช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้น โดยสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชีย 6 ประเทศรวมถึงไทย พบว่าขณะที่มีการระบาดเป็นวงกว้างการซื้อสินค้าออนไลน์และบริการสั่งอาหารได้เพิ่มขึ้น 30% ดิจิทัลแพลต์ฟอร์มจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะมีความสอดคล้องกับภาวะและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ทำให้“รายใหญ่”ต่างยกระดับดิจิทัลแพลต์ฟอร์มเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
CRC ชู Multi-Category
และ Multi-Format
สำหรับบริษัท เซ็นทรัล รีเทล
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC มียุทธศาสตร์ชัดเจนที่จะก้าวสู่การเป็น "ออมนิชาแนลแพลตฟอร์ม"
ที่แข็งแกร่งและครบวงจรซึ่งสถานการณ์ขณะนี้เป็นจังหวะสำคัญที่จะโชว์ขีดความสามารถของแพลตแฟอร์มออนไลน์
ด้วยโมเดล Multi-Category และ Multi-Format ที่จะทำให้การซื้อและการชำระค่าสินค้าจบได้บนออนไลน์
เริ่มจากการเลือกซื้อ ซึ่ง CRC พัฒนาออกมาหลายแพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ของแบรนด์ต่างๆ ในเครือ ซึ่งมี 9 เว็บไซต์ เช่น www.central.co.th, www.supersports.co.th, www.tops.co.th เป็นต้น ทั้งยังมีแอพลิเคชั่นที่เลือกซื้อสินค้าได้ครบทุกแบรนด์ในเครือด้วยแอพเดียว รวมถึงในช่องทางไลน์ แชท&ช้อป ครอบคลุม 7 แบรนด์ในเครือ เช่น เซ็นทรัล ซีเอ็มจี พาวเวอร์บาย ฯลฯ และช่องทาง คอล&ช้อป ผ่านโทรศัพท์ของเซ็นทรัล ไทวัสดุ และบ้านแอนด์บียอนด์
จับมือแกร็บ ตอบโจทย์ Social Distancing
นอกจากนี้ซีอาร์ซียังมีบริการที่สามารถรองรองมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
(Social Distancing) และเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ปิดและมีคนจำนวนมาก
ด้วยรูปแบบการจัดส่งซึ่งมีทั้งรูปแบบ ไดร์ฟ ทรู,คลิก แอนด์ คอลเล็ค ซึ่งเลือกรับสินค้าได้ที่
ท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา
ในสถานการณ์โควิด-19 ซีอาร์ซีถือว่าเป็นต่ออยู่มาก จากการเข้าลงทุนในแกร็บด้วยมูลค่าถึง
6,000 ล้านบาท ทำให้มีระบบการจัดส่งที่พร้อมทันทีและใช้เวลาน้อยที่สุด
เช่น ท็อปส์สามารถส่งสินค้าถึงบ้านได้ 1-2 ชั่วโมงในกรุงเทพฯ และภายใน 1 วันทั่วไทย
รวมถึงห้างเซ็นทรัลที่มีบริการส่งสินค้าด่วนภายใน 99 นาที
สำหรับลูกค้าที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ล่าสุดซีอาร์ซียังได้เพิ่มช่องทางซื้อสินค้าบนแอพพลิเคชั่นแกร็บ ให้กับท็อปส์และแฟมิลี่มาร์ท ด้วยบริการใหม่ ๆ เช่น แกร็บมาร์ท รับฝากซื้อสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อส่งตรงถึงบ้าน ซึ่งให้บริการครอบคลุม 17 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงบริการสั่งอาหารจาก TOPS SELECT ที่สามารถสั่งและส่งอาหารปรุงสดใหม่ ผลไม้สด แซนด์วิช คอฟฟี่อาริกาโตะในแฟมิลี่มาร์ท ฯลฯ บริการ Central Eatery สำหรับสั่งเมนูระดับพิเศษที่ปรุงโดยเชฟประจำเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์และส่งถึงบ้าน นอกจากนั้นยังมีบริการแกร็บเอ็กซ์เพรส บริการจัดส่งสินค้าภายใน 2 ชั่วโมง ค่าบริการจัดส่ง 80 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าผ่าน www.tops.co.th
โควิด-19 ทำ “ร้านสะดวกซื้อ” ซึม
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการสกัดการแพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับร้านสะดวกซื้ออย่างชัดเจน
แม้ว่าจะมีสาขาอยู่จำนวนมากและกระจายอยู่ในทุกพื้นที่ก็ตาม โดยเฉพาะเซเว่นอีเลฟเว่นที่มีสาขากระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลจำนวนมาก
แต่ขณะนี้ได้กลายเป็นพื้นที่หลัก ซึ่งภาคเอกชนขานรับแนวคิด Work from Home บวกกับการสั่งปิดสถานที่สำคัญต่างๆ มาตรการเหล่านี้ทำให้ปริมาณการเดินทางลดลงเป็นอย่างมาก
โดยปกติรายได้ของร้านสะดวกซื้อเกิดขึ้นจากการสัญจรไปมาของประชาชน
สะท้อนจากทำเลที่กระจายอยู่ในย่านธุรกิจ โรงเรียนหรือใกล้ตลาด ในสถานีบริการน้ำมัน
แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ และหลายจังหวัดมีคำสั่งงดให้ร้านสะดวกซื้อเปิดบริการแบบ 24 ชม. โดยที่เวลาในการจำหน่ายสินค้าหายไป 5-6 ชม.ต่อสาขา
ขณะเดียวกันผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการซื้อข้าวของและอาหารจำนวนมากเพื่อสำรองใช้ในบ้าน
ดังนั้นไฮเปอร์มาร์เก็ตหรือซูเปอร์มาร์เก็ตจึงตอบโจทย์ได้ดีกว่าร้านสะดวกซื้อ
เพราะสามารถซื้อสินค้าได้ครบในที่เดียว
และการที่ต้องอยู่กับบ้านผู้บริโภคมีแนวโน้มที่ใช้เวลาว่างทำอาหารกินเอง หรือใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่จะเพิ่มขึ้น
7-11 อัพสปีค “Delivery” อีกกว่า 1,000 สาขา
สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด
(มหาชน) ที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับการขยายสาขามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยจะเพิ่มราว 700 สาขาต่อปี
จำนวนสาขาจึงเป็นยุทธศาสตร์เดียวที่ทำให้เซเว่น อีเลฟเว่นทรงอิทธิพลอย่างมาก
แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ ทำให้เกิดภาพขึ้นว่าสาขาอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการเสมอไป
จะเห็นจากการที่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาซีพี
ออลล์ เปิดรับสมัครงานเจ้าหน้าที่จัดส่งสินค้าถึง 20,000
อัตรา เพื่อเตรียมให้บริการส่งถึงบ้าน โดยให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน 7-Eleven
Delivery ซึ่งที่ผ่านมาเซเว่นอีเลฟเว่นเริ่มที่ให้บริการเดลิเวอรี่ด้วยการทดลองให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม
2562 และจำกัดเพียงไม่กี่แห่ง
โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าและเลือกรับได้ ทั้งแบบส่งในสถานที่ที่ต้องการหรือส่งที่บ้านและสำนักงาน ให้บริการจัดส่งตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. โดยสามารถสะสมคะแนน ออล เมมเบอร์ ชำระเงินทันทีผ่านทรู มันนี่ วอลเลต หรือชำระปลายทางด้วยเงินสด พร้อมโปรโมชันส่งฟรีเมื่อสั่งสินค้าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป จากค่าส่งปกติ 20 บาท ซึ่งถือเป็นการเพิ่มอัตราเร่งในเวลาที่กระชั้นชิดกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยตั้งเป้าที่จะขยายบริการดีลิเวอรีให้ได้ 1,500 สาขา และจะเพิ่มเป็นทุกสาขาในอนาคต
สยามพิวรรธน์ ขยับทุกแพลตฟอร์มรับวิกฤตโควิด-19 ยืดเยื้อ
ในสถานการณ์ที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องอยู่กับบ้านให้มากที่สุดทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีความต้องการสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับการใช้ชีวิต ทำให้ศูนย์การค้าระดับสูงเลือกนำโมเดลใหม่เข้ามาตอบโจทย์
โดยกลุ่มสยามพิวรรธน์ หรือวันสยาม ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์
สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นพันธมิตรของไอคอนสยาม เลือกที่ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มดิจิทัลในหลายมิติ
เพื่อนำเสนอประสบการณ์ Extraordinary เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์
“The Icon of Innovative Lifestyle" ให้ชัดยิ่งขึ้น
เริ่มจากการพัฒนาช่องทางสื่อสารใหม่เข้ามาให้บริการเพิ่ม
โดยเมื่อลูกค้าสนใจสินค้าใดที่โพสต์ในโซเชียลมีเดียของศูนย์การค้าในวันสยาม
จะสามารถเข้ามาสั่งซื้อพูดคุยในบริการกับพนักงานได้ทันทีที่ “OneSiam Chat & Shop”
รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มสำคัญอย่าง “Call & Pick Up Service” ซึ่งจะเข้ามารองรับความต้องการในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากกูร์เมต์มาร์เก็ต
หรือพารากอนฟู้ดฮอลล์ และจากซูเปอร์มาร์เก็ตเดียร์ทัมมี่ หรือทาคามาเช่
ที่ไอคอนสยาม โดยจะมีบริการผู้ช่วยส่วนตัวจะนำสินค้าและจัดส่ง ณ จุดพิคอัพ
นอกจากนี้ยังมีบริการ “Eat at Home” ที่ให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นฟู้ดดีลิเวอรีต่างๆ
หรือร้านอาหารโดยตรง มีให้บริการมากกว่า 50 ร้านอาหารในสยามพารากอนโซน กูร์เมต์
การ์เด้น และพารากอน ฟู้ดฮอลล์
รวมทั้งร้านอาหารที่ไอคอนสยาม เปิดให้บริการสั่งกลับบ้าน และกระตุ้นการใช้บริการผ่านโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด
50%
อย่างไรก็ตามปัจจุบันเฟซบุ๊กเพจต่างๆ ของศูนย์การค้ากลุ่มวันสยามทั้ง
3 ศูนย์ในชุมชนคอมมูนิตี้ผู้ติดตามรวมกว่า 1.2 ล้านคน ส่วน One Siam Application มียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 2 แสนคน
และ LINE OA@OneSiam สมาชิกกว่า 7.2 แสนคน
จะเห็นว่าลูกค้าในคอมมูนิตี้บนโลกดิจิทัลมีกว่า 2.1 ล้านคน โดยทุกช่องทางจะทำหน้าที่สื่อสารตามกลยุทธ์ Social
Commerce
เห็นชัดว่าแม้แต่รายใหญ่ก็รับผลกระทบอย่างหนัก จนต้องดิ้นรนนำพาธุรกิจให้รอดจากวิกฤตในครั้งด้วยสารพัดวิธีราวสำนวน 8 เซียนข้ามทะเล ใครมีความสามารถ มีอะไรดีก็ต้องงัดมาใช้แล้ว เพื่อนำพาธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้