อีคอมเมิร์ซได้เติบโตพุ่งสวนกระแสแบบทะลุเกินเป้าแม้จะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังทั้งทางด้านสาธารณะสุขและเรื่องของเศรษฐกิจการเงิน
ด้วยเป็นสิ่งที่โยงใยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้การมาของโควิด-19 ในครั้งนี้จะทำให้ธุุรกรรมการค้าขายในระบบออฟไลน์ซบเซาไปจนถึงหยุดชะงัก
แต่กลับเอื้ออานิสงค์ให้แก่ฝั่งอีคอมเมิร์ซได้เติบโตพุ่งสวนกระแสแบบทะลุเกินเป้า
จากการที่ผู้คนหันเข้ามาใช้บริการในระบบออนไลน์มากขึ้น
โดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีการเติบโตในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็น 100% ห้างค้าปลีกออนไลน์มียอดเติบโตพุ่งเป็น
110% การขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดียโต 100% ด้านฟู้ดเดลิเวอรีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นถึง
31% และ Omni Channel โตขึ้น 20%
จัดเป็นสัญญาณบวกของผู้ประกอบการที่ปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ หรือลุยทำอย่างเต็มรูปแบบในช่วงเวลานี้ เพราะนาทีนี้คือช่วงที่เหล็กกำลังร้อน ตามสำนวนไทยที่ว่า “ตีเหล็กต้องตีในขณะที่ยังร้อน”
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ตลาดห้างค้าปลีกออนไลน์โต 110%
นายอนุชิต
สรรพอาษา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือเซ็นทรัล
รีเทล กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วงวิกฤต Covid-19
นั่นคือ พฤติกรรมการช้อปของลูกค้าที่เกิดจากกระแสการเว้นระยะห่างทางสังคม
(Social Distancing) ที่รณรงค์ไม่ให้คนไปในแหล่งชุมชน
หรือที่ที่คนพลุกพล่าน
ส่งผลให้รูปแบบการช้อปสินค้าในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่
หันมาใช้บริการช้อปออนไลน์มากขึ้น และห้างสรรพสินค้าคือหนึ่งในตัวเลือกที่นักช้อปออนไลน์มั่นใจในการใช้บริการ
เพราะการันตีได้ว่าสินค้าที่ได้เป็นสินค้าของแท้และคุณภาพดี
โดยในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจออนไลน์ของโรบินสันได้รับการตอบรับที่ดีจากนักช้อปอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ส่งผลให้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น
เราพบว่าจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยกว่า
30% หนึ่งในนั้นคือ ช่องทาง Chat & Shop ที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงถึง 110% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกช่องทาง
แพลตฟอร์มโชเชียลมีเดียและตลาดออนไลน์โต
100%
เฟซบุ๊ก
ลาซาด้า ช้อปปี้ ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมที่ผู้คนแห่ใช้บริการสูง
แบบไม่มีทีทาว่าจะลดลง โดยตัวสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ได้ดันให้เกิดยอดการซื้อขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
โดยลาซาด้ามียอดขายเพิ่มเป็น 100% จากสถานการณ์นี้
และการแข่งขันกันผ่านแคมเปญต่างๆ
ทำให้เกิดการกระตุ้นการซื้อขายออนไลน์อย่างดุเดือด
ซึ่งการจัดแคมเปญแข่งขันกันระหว่าง 2 ค่ายยักษ์
อย่างลาซาด้าและช้อปปี้ เป็นส่วนสำคัญที่ดันให้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเติบโตและเอื้อต่อธุรกิจขนส่งให้เติบโตขึ้นตามไปด้วย
กลุ่มฟู้ดเดลิเวอรีเติบโต
แบบก้าวกระโดด
นายวีรศักดิ์
หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไทยออกมาตรการคุมเข้มการระบาด
มีการคัดกรอง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
โดยขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้านเป็นหลัก
ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมกันของคนจำนวนมาก
เพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดขยายไปในวงกว้าง
จากมาตรการดังกล่าว
ทำให้ธุรกิจร้านอาหารที่มีการให้บริการส่งอาหารแบบฟู้ดเดลิเวอรี่ มียอดสั่งอาหารเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดประมาณ
2-3 เท่าตัว ขณะเดียวกันมีผู้บริโภคซื้ออาหารกลับไปทานที่บ้านเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
รวมทั้งพบว่าช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
มีลูกค้าใช้บริการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว
ปกติจะวิ่งรถช่วงเวลาประมาณ 10.00 - 17.00 น. รายได้ประมาณ 250 - 300 บาท
แต่พอเข้าสู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ขยายเวลาวิ่งรถตั้งแต่
07.00 - 21.00 น. ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ
500 - 700 บาท ต่อวัน
ซึ่งดันให้เกิดการสั่งซื้ออาหารผ่านแอพพลิเคชันยอดนิยมเพิ่มขึ้นด้วย นายภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอพพลิเคชั่นเก็ท (GET) แอพพลิเคชั่นออนดีมานด์ ได้กล่าวว่า เก็ทมียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 2.2 ล้านครั้ง และมีคนขับในระบบกว่า 40,000 คน ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงสถานการณ์ฝุ่น รวมถึงความกังวลเรื่องไวรัส พบว่ายอดออเดอร์สั่งอาหารมีเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นช่วงที่เก็ททำโปรโมชั่นอยู่ด้วย ขณะเดียวกันได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในเรื่องสุขอนามัยอาหารที่ส่งให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยปีนี้ที่อาจมีแนวโน้มเติบโตขึ้นถึง 31% และมีมูลค่าสูงถึง 1.8 พันล้านบาท ในระยะเวลา 1 ปี
Omni Chanel ปรับกลยุทธ์ทำตลาดจับกระแส
นายธนะบุล
มัทธุรนนท์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ
TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน
Omni Channel กล่าวว่า
พบว่าผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นและลดระยะเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้านลง บริษัทฯ
จึงวางกลยุทธ์การขายสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะผลักดันยอดขายสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นผ่าน
3 แพลตฟอร์มหลัก ทั้งเว็บไซต์ www.tvdirect.tv
โมบายแอพพลิเคชั่น
และโซเซียลมีเดีย เช่น Line, Facebook เพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์ในปีนี้ให้มีอัตราเติบโตอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า
10%
โดยเพิ่มกลุ่มสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
อาทิ เจลล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อ เครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ
และเพิ่มเติมสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคอีกกว่า 100 รายการ จึงส่งผลให้ยอดขายสินค้าทางออนไลน์และรายการทีวีโฮมช้อปปิ้งเพิ่มขึ้นกว่า
10-20% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
กลุ่มสินค้าที่มาแรงช่วงกักตัวสู้โควิด-19
กลุ่มสินค้าที่มาแรงในช่วงกักตัวสู้โควิด-19 ยังคงหนีไม่พ้นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ
เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อ ที่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงนี้
นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทจัดแต่งและทำความสะอาดบ้าน สินค้ากลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามรวมไปถึงสินค้ากลุ่ม
แม่ เด็ก ของเล่น และอาหารสำเร็จรูปไปจนถึงอาหารแปรรูป
เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจและมียอดการขายเติบโตขึ้นจากการปรับตัวรับมือกับการใช้ชีวิตอยู่บ้านในช่วงที่ออกไปไหนไม่ได้
ไทยยังครองแชมป์นักช้อปในอาเซียน
จากสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก
ทำให้ผู้คนปรับตัวไม่ออกจากบ้านไปสุ่มเสี่ยงกับการติดเชื้อภายนอก
จึงช่วยดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโตทั่วโลก แม้แต่ Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซต้องประกาศจ้างพนักงาน
100,000 คน สำหรับทำงานในคลังสินค้า
และรับส่งสิ่งของในสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่หลายห้างในสหรัฐอเมริกาประกาศจ้างพนักงานกลุ่มใหม่ขึ้นมา
เพื่อรองรับการทำงานรับออเดอร์ออนไลน์ นอกจากนี้ผู้ให้บริการขนส่งอย่าง UPS ก็มีสินค้าต้องขนส่งมากขึ้นออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
นี่คือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้คนนับจากนี้
แม้แต่ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุสินค้าในไทย
ยังประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มเติมหลาอัตรา
เพื่อรองรับการทำงานจากปัญหาแรงงานไหลออกไปสู่ภาคบริการฟู้ดเดลิเวอรีซึ่งมีรายได้ดีกว่ากันมาก
ท่ามกลางพัสดุที่เพิ่มจำนวนมากจากการที่ผู้คนแห่สั่งสินค้าออนไลน์ช่วงกักตัวอยู่บ้าน
ทั้งนี้ จากผลสำรวจที่เฟซบุ๊ค บริษัท เบน แอนด์ คอมพานี จำกัด ศึกษาพฤติกรรมด้านดิจิทัลของผู้บริโภค ระบุว่า กลุ่มผู้บริโภคดิจิทัลในไทยที่กำลังเติบโตนี้ ช่วยสร้างสมรภูมิการแข่งขันเชิงธุรกิจแห่งใหม่ให้บรรดาบริษัทต่างๆ ที่กำลังมองหาช่องทางเติบโตธุรกิจออนไลน์ และอยู่บนโซเชียล คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ซึ่งพฤติกรรมการการซื้อสินค้าที่พุ่งทะยานเห็นได้ชัดกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทยถือเป็นผู้นำด้านการรับรู้ และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พร้อมกับตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น จากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุม ทำให้มีการซื้อสินค้าหรือบริการบนช่องทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงปีผ่านมา
นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการควรลุกขึ้นมาตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่
ตามสำนวนคำพังเพยคนโบราณที่เปรียบเปรยไว้สอนใจลูกหลานอันเป็นคำสอนที่ถูกถ่ายทอดและกลั่นกรองออกมาได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งสอดคล้องกับการตลาดที่ว่า
“หากคุณต้องการจะขายสินค้า จงเสนอขายในสิ่งที่ผู้คนต้องการ ไม่ใช่ในสิ่งที่คุณต้องการขาย แล้วจะทำกำไรได้อย่างงดงาม จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ก็ตาม”