อดีต..วิกฤตจะนําไปสู่การลดการใช้จ่ายของผู้คน
ประหยัด พร้อมกับเก็บของมีค่าไว้กับตัวเพื่อดูทิศทางสถานการณ์ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
แต่วิกฤตโควิด 19 กลับแตกต่างออกไปผู้คนใช้จ่ายปกติ
หากแต่ต้องการความปลอดภัยจากการติดเชื้อจึงทำให้ Contactless Economy (เศรษฐกิจแบบไร้สัมผัส) กลายเป็น Next Normal ที่เติบโตรวดเร็วอย่างมีนัยยะสำคัญ
โดย Contactless Payment (การใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัส) กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันในการซื้อขายออนไลน์ จ่ายบิล หรือสั่งอาหารของผู้คน ทำให้แพลตฟอร์ม Contactless Payment มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วพร้อมฟังก์ชันและการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไป หรือแม้แต่เดลิเวอรีที่บางคนก็เลือกจ่ายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือการโอนเงิน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจุบันแนวคิดเศรษฐกิจและสังคมแบบไร้สัมผัส
(Contactless
Economy and Society) ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงควบคู่ไปกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่
ที่ผู้คนพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิว สิ่งของสาธารณะ รวมถึงพื้นที่แออัด
ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ
การที่ผู้บริโภคทั่วโลกต่างหันมาใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จนปริมาณธุรกรรมเติบโต
และทำให้หลายประเทศสามารถก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างรวดเร็ว
สำหรับประเทศไทย Visa
ได้เปิดเผยว่า โควิด 19
กลายเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้จากเดิม
10 ปี แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้ผู้ใช้บริการชาวไทยคุ้นเคยกับ QR code และการแตะบัตรเพื่อชำระเงินจนทำให้ประมาณการระยะเวลาการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยลดลงเหลือเพียง
4-5 ปีเท่านั้น
มุมมองต่อจุดเด่นที่เปลี่ยนไปของ Cashless
Society
ตามปกติสังคมไร้เงินสด (Cashless
Society) เป็นที่รู้กันว่า ช่วยเรื่องความปลอดภัยในทรัพย์สิน อำนวยความสะดวกถือเป็นเรื่องหลัก
ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดของวีซ่า พบว่า
- 61%
มองว่าช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด 19
- 60%
มองว่าไม่ต้องต่อคิวในธนาคาร
- 59%
มองว่าตรวจสอบการใช้จ่ายต่างๆ ได้
- 55%
มองว่าลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมและอาชญากรรม
ด้วยข้อดีเหล่านี้ ทำให้คนไทยครึ่งหนึ่งหรือ
51%
พกเงินสดในกระเป๋าน้อยลง ไม่ใช่ว่ามีเงินน้อยลง
แต่เพราะไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมากแล้ว และเชื่อว่าในปี 2026 ประเทศไทยจะสามารถก้าวสู่ Cashless Society ได้เต็มรูปแบบ
จากเดิมที่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในปี 2030
ขณะที่ความนิยมวิถีการดำรงชีวิตแบบไร้สัมผัสก็ส่งผลต่อผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน
โดยในกลุ่ม Food Delivery ผู้ให้บริการ เช่น GrabFood,
Lineman, Robinhood ต่างหันมาโปรโมทบริการส่งอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless
Delivery) ทั้งมาตรการกำหนดจุดรับส่งอาหาร การเว้นระยะขั้นต่ำ 2
เมตร และการส่งเสริมวิธีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างลูกค้าและผู้ขับขี่
เป็นต้น
นอกจากนี้กลุ่มผู้ประกอบการโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต
ที่นอกจากจะมีการนำมาตรการ Bubble and Seal มาใช้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด
19 แล้ว ผู้ผลิตหลายรายยังได้มีการนำเทคโนโลยีไร้สัมผัส (Contactless
Technology) เช่น ระบบอัตโนมัติ ระบบตรวจจับและควบคุมทางไกล
เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เทคโนโลยีรู้จำเสียงพูด
เข้ามาใช้ประยุกต์ใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อภายในสถานประกอบการของตน
‘Contactless’ สัมพันธ์อย่างไรกับ
‘Cashless’
ด้วยความที่ปัจจุบันแทบทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคล้วนเกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอย
ดังนั้น Payment
(การชำระเงิน) จึงมีความสำคัญ
และยิ่งสำคัญมากขึ้นในช่วงที่มีการระบาดครั้งใหญ่
โดย ‘วีซ่า ประเทศไทย’ ได้ให้ข้อมูลระหว่างการนำเสนอผลวิจัยของประโยชน์จากการเป็น ‘เมืองไร้เงินสด’ ว่า
ด้วยจำนวนเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันรวมถึงเทคโนโลยีตัวเลือกใหม่ๆ
ที่เกิดขึ้นมากมายในแวดวงการชำระเงิน
จะผลักดันให้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แพร่หลายมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากรูปแบบบัตร
ซึ่งสิ่งที่ผู้บริโภคได้เห็นและสัมผัสได้ก็คือ
ความสัมพันธ์ของ Contactless กับ Cashless
เช่น รูปแบบการชำระเงินอย่าง QR Code มาตรฐานในร้านค้าต่างๆ
ที่ไม่ใช่แค่การโอนเงินระหว่างบัญชี การซื้อขายออนไลน์ที่มีมากขึ้นทุกวัน
ทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีตัวเลือกหลากหลายในการชำระเงิน
ลดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน (Contactless) และลดความเสี่ยงการปนปื้อนจากการจับธนบัตร
(Cashless)
ขณะที่ Deloitte บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกให้มุมมองว่า
ขอบเขตของ Contactless Economy ประกอบด้วย ‘At-home’ และ ‘Outside home Consumption’ มองเฉพาะ ‘ที่บ้าน’ ตลาดจะมีมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี
2025
นอกจากนี้ยังได้สรุปเทรนด์ Contactless ไว้ด้วยว่า เศรษฐกิจและสังคมแบบไร้สัมผัสนั้นเกิดขึ้นจากแรงหนุน 2
ประการ
1. อุปทานซึ่งได้แก่ ความก้าวหน้าของ Exponential
Technology ที่มาบรรจบกับ
2. อุปสงค์วิถีการดำรงชีวิตและการดำเนินธุรกิจที่ต้องการความสะดวก
ปลอดภัย และกระแสการรักสุขภาพ
ไม่ว่าการแพร่ระบาดของโควิด 19
จะยังคงอยู่หรือผ่านพ้นไปได้ในอีกไม่นานก็ตาม แต่เทคโนโลยีแบบแนวคิดเศรษฐกิจและสังคมแบบไร้สัมผัส
จะยังอยู่พร้อมกับเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามา Disrupt ทำให้การประกอบธุรกิจ
การใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แหล่งอ้างอิง :