โควิดเร่งเศรษฐกิจไร้เงินสด อนาคตการใช้จ่ายโลก

SME Update
29/08/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 4126 คน
โควิดเร่งเศรษฐกิจไร้เงินสด อนาคตการใช้จ่ายโลก
banner

อดีต..วิกฤตจะนําไปสู่การลดการใช้จ่ายของผู้คน ประหยัด พร้อมกับเก็บของมีค่าไว้กับตัวเพื่อดูทิศทางสถานการณ์ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่วิกฤตโควิด 19 กลับแตกต่างออกไปผู้คนใช้จ่ายปกติ หากแต่ต้องการความปลอดภัยจากการติดเชื้อจึงทำให้ Contactless Economy (เศรษฐกิจแบบไร้สัมผัส) กลายเป็น Next Normal ที่เติบโตรวดเร็วอย่างมีนัยยะสำคัญ

โดย Contactless Payment (การใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัส) กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันในการซื้อขายออนไลน์ จ่ายบิล หรือสั่งอาหารของผู้คน ทำให้แพลตฟอร์ม Contactless Payment มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วพร้อมฟังก์ชันและการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไป หรือแม้แต่เดลิเวอรีที่บางคนก็เลือกจ่ายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือการโอนเงิน

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ปัจจุบันแนวคิดเศรษฐกิจและสังคมแบบไร้สัมผัส (Contactless Economy and Society) ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงควบคู่ไปกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ ที่ผู้คนพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิว สิ่งของสาธารณะ รวมถึงพื้นที่แออัด ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ การที่ผู้บริโภคทั่วโลกต่างหันมาใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จนปริมาณธุรกรรมเติบโต และทำให้หลายประเทศสามารถก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างรวดเร็ว

สำหรับประเทศไทย Visa ได้เปิดเผยว่า โควิด 19 กลายเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้จากเดิม 10 ปี แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้ผู้ใช้บริการชาวไทยคุ้นเคยกับ QR code และการแตะบัตรเพื่อชำระเงินจนทำให้ประมาณการระยะเวลาการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยลดลงเหลือเพียง 4-5 ปีเท่านั้น

 

มุมมองต่อจุดเด่นที่เปลี่ยนไปของ Cashless Society

ตามปกติสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เป็นที่รู้กันว่า ช่วยเรื่องความปลอดภัยในทรัพย์สิน อำนวยความสะดวกถือเป็นเรื่องหลัก ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดของวีซ่า พบว่า

- 61% มองว่าช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด 19

- 60% มองว่าไม่ต้องต่อคิวในธนาคาร

- 59% มองว่าตรวจสอบการใช้จ่ายต่างๆ ได้

- 55% มองว่าลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมและอาชญากรรม

ด้วยข้อดีเหล่านี้ ทำให้คนไทยครึ่งหนึ่งหรือ 51% พกเงินสดในกระเป๋าน้อยลง ไม่ใช่ว่ามีเงินน้อยลง แต่เพราะไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมากแล้ว และเชื่อว่าในปี 2026 ประเทศไทยจะสามารถก้าวสู่ Cashless Society ได้เต็มรูปแบบ จากเดิมที่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในปี 2030

ขณะที่ความนิยมวิถีการดำรงชีวิตแบบไร้สัมผัสก็ส่งผลต่อผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน โดยในกลุ่ม Food Delivery ผู้ให้บริการ เช่น GrabFood, Lineman, Robinhood ต่างหันมาโปรโมทบริการส่งอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless Delivery) ทั้งมาตรการกำหนดจุดรับส่งอาหาร การเว้นระยะขั้นต่ำ 2 เมตร และการส่งเสริมวิธีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างลูกค้าและผู้ขับขี่ เป็นต้น

นอกจากนี้กลุ่มผู้ประกอบการโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่นอกจากจะมีการนำมาตรการ Bubble and Seal มาใช้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 แล้ว ผู้ผลิตหลายรายยังได้มีการนำเทคโนโลยีไร้สัมผัส (Contactless Technology) เช่น ระบบอัตโนมัติ ระบบตรวจจับและควบคุมทางไกล เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เทคโนโลยีรู้จำเสียงพูด เข้ามาใช้ประยุกต์ใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อภายในสถานประกอบการของตน

 

‘Contactless’ สัมพันธ์อย่างไรกับ ‘Cashless’

ด้วยความที่ปัจจุบันแทบทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคล้วนเกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น Payment (การชำระเงิน) จึงมีความสำคัญ และยิ่งสำคัญมากขึ้นในช่วงที่มีการระบาดครั้งใหญ่

โดย วีซ่า ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลระหว่างการนำเสนอผลวิจัยของประโยชน์จากการเป็น เมืองไร้เงินสด ว่า ด้วยจำนวนเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันรวมถึงเทคโนโลยีตัวเลือกใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในแวดวงการชำระเงิน จะผลักดันให้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แพร่หลายมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากรูปแบบบัตร

ซึ่งสิ่งที่ผู้บริโภคได้เห็นและสัมผัสได้ก็คือ ความสัมพันธ์ของ Contactless กับ Cashless เช่น รูปแบบการชำระเงินอย่าง QR Code มาตรฐานในร้านค้าต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่การโอนเงินระหว่างบัญชี การซื้อขายออนไลน์ที่มีมากขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีตัวเลือกหลากหลายในการชำระเงิน ลดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน (Contactless) และลดความเสี่ยงการปนปื้อนจากการจับธนบัตร (Cashless)

ขณะที่ Deloitte บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกให้มุมมองว่า ขอบเขตของ Contactless Economy ประกอบด้วย ‘At-home’ และ ‘Outside home Consumption’ มองเฉพาะ ที่บ้าน ตลาดจะมีมูลค่า  3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025

นอกจากนี้ยังได้สรุปเทรนด์ Contactless ไว้ด้วยว่า เศรษฐกิจและสังคมแบบไร้สัมผัสนั้นเกิดขึ้นจากแรงหนุน 2 ประการ

1. อุปทานซึ่งได้แก่ ความก้าวหน้าของ Exponential Technology ที่มาบรรจบกับ

2. อุปสงค์วิถีการดำรงชีวิตและการดำเนินธุรกิจที่ต้องการความสะดวก ปลอดภัย และกระแสการรักสุขภาพ

ไม่ว่าการแพร่ระบาดของโควิด 19 จะยังคงอยู่หรือผ่านพ้นไปได้ในอีกไม่นานก็ตาม แต่เทคโนโลยีแบบแนวคิดเศรษฐกิจและสังคมแบบไร้สัมผัส จะยังอยู่พร้อมกับเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามา Disrupt ทำให้การประกอบธุรกิจ การใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

           

แหล่งอ้างอิง :

https://www.bot.or.th/

https://mgronline.com/

https://www.brandage.com/

https://brandinside.asia/


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ESG มีอะไรบ้าง? รู้จักแนวทางปฏิบัติเพื่ออนาคตของ SME ยุคใหม่

ESG มีอะไรบ้าง? รู้จักแนวทางปฏิบัติเพื่ออนาคตของ SME ยุคใหม่

Topic Summary:บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกหลักการ ESG ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมแนวทางการนำไปปรับใช้จริงที่เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้Content…
pin
2 | 12/03/2025
สรุป 5 จุดเด่นที่ควรรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ‘Deep Research’ ของ Perplexity

สรุป 5 จุดเด่นที่ควรรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ‘Deep Research’ ของ Perplexity

รู้จักกับ ‘Deep Research’ ฟีเจอร์ใหม่ของ Perplexity ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมืออาชีพ โดยฟีเจอร์ Deep Research…
pin
5 | 06/03/2025
30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Generative AI ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้.โดยผลสำรวจของ Gartner พบว่า 42% ในปี 2025 มากกว่า 60%…
pin
8 | 27/02/2025
โควิดเร่งเศรษฐกิจไร้เงินสด อนาคตการใช้จ่ายโลก