ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีการพูดถึงเครื่องมือใหม่ๆ ที่ใช้ในการทำตลาด อะโดบี ได้รวบรวมเทรนด์ปี 2562 ที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้คาดการณ์กันไว้ พร้อมวิเคราะห์แง่มุมด้านการตลาดถึงสิ่งที่คาดว่าจะส่งผลกระทบมากที่สุดต่อแบรนด์ต่างๆ จะเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญคาดหวังมากน้อยเพียงใด มาลองดูกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เทรนด์ #1: การตลาดสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Creativity) ปัจจัยหลักที่สร้างความแตกต่าง
อาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เลย นักการตลาดมักเน้นย้ำเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า
นักการตลาดดำเนินการในลักษณะที่หลงทางตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เนื่องจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโฆษณาออนไลน์ มีโฆษณาจำนวนมากถาโถมเข้าใส่ผู้บริโภค
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นหนุ่มสาว จนทำให้ผู้บริโภครู้สึกเอือมระอาและไม่สนใจโฆษณาใดๆ
อีกต่อไป
จากผลการศึกษาของ Kantar Millward Brown เมื่อปี 2560 ชี้ว่าคนกลุ่ม Gen
Z มีแนวโน้มที่จะรังเกียจโฆษณามากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ
และมักจะเพิกเฉยต่อโฆษณาทุกประเภท ในทางกลับกันผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า
แนวทางที่สร้างสรรค์ เช่น โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเพลง เรื่องตลกขบขัน คนดัง หรือการสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย
จะช่วยดึงดูดให้คน Gen Z สนใจแบรนด์ต่างๆ มากขึ้น
“การใช้ข้อมูล” บวกกับ “ความคิดสร้างสรรค์”
คือสูตรสำเร็จที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ประสบความสำเร็จ
คาดการณ์ว่าแนวโน้มการเติบโตของงานสร้างสรรค์จะยังคงดำเนินต่อไปตลอดปี 2563
และในอนาคตข้างหน้า
เทรนด์ #2:
ผู้ค้าปลีกจะเดิมพันหนักขึ้นเพื่อเข้าถึงรูปแบบธุรกิจที่เน้นประสบการณ์ของผู้บริโภค
ผลการศึกษามากมายชี้ว่า ทุกวันนี้ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการเพียงแค่สินค้าและบริการ
แต่ยังต้องการประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจอีกด้วย
สำหรับผู้ค้าปลีกการมุ่งเน้นประสบการณ์มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โดยแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหลายๆ แบรนด์ต้องปิดกิจการลง (เช่น Toys R Us) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สถานการณ์เช่นนี้สร้างแรงกดดันรูปแบบใหม่ ให้แก่ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่
ที่จำเป็นต้องรักษาฐานลูกค้าตัวเองไว้อย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีการต่างๆ
และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อให้อยู่รอดได้ในยุคดิจิทัล
ผลการศึกษาของทีมงาน Adobe Digital Insights ชี้ว่าผู้ค้าปลีกใช้โชว์รูมแสดงสินค้าตัวอย่างและ
Augmented Reality-AR เพื่อดึงดูดผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด
โดยจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ค้าปลีก 403 รายในสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
พบว่า 56% มีแผนที่จะนำเสนอประสบการณ์เพิ่มเติมเพื่อดึงดูดลูกค้า
และนอกจากนี้ผู้ค้าปลีก 66%
เชื่อว่าโครงการสมาชิกจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นยอดซื้อในช่วงเทศกาลสิ้นปี
เทรนด์ #3: การปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล
(Personalization) แบรนด์ต่างๆ จะพยายามเชื่อมคอนเทนต์และข้อมูลอย่างถูกต้องเหมาะสม
เพื่อสังคมยอมรับได้
การปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ได้รับความสนใจอย่างมาก และมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
กุญแจสำคัญสำหรับการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล ที่ครอบคลุมขอบเขตกว้างขวางก็คือ
คลังข้อมูลภายในองค์กร สำหรับการตรวจสอบมุมมองอย่างสมบูรณ์และรอบด้านเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละราย
ปกติแล้วการเชื่อมโยงข้อมูลมักจะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
กล่าวคือเป็นการเชื่อมโยงระบบต่างๆ ในองค์กรเข้าด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีข้อกังวลใจเพิ่มมากขึ้น
เกี่ยวกับกฎระเบียบว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัว กลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการดำเนินการของบริษัท
ซึ่งในความเป็นจริงการเชื่อมโยงคอนเทนต์และข้อมูลอย่างถูกต้อง ตามหลักจริยธรรมสำหรับการนำเสนอประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล
ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่สุดสำหรับบริษัทต่างๆ ในช่วงปี 2562 และกระแสเพอร์ซันนอลไลเซชั่นยังคงเป็นเทรนด์ที่ในปี
2563 และปีต่อๆ ไป
เทรนด์ #4: การตลาดแบบ Account-Based
Marketing (ABM) สำหรับลูกค้าองค์กรจะเติบโตสูงสุด
แนวทางการตลาด Account-Based Marketing (ABM) หมายถึงการออกแบบและดำเนินโครงการด้านการตลาดแบบเฉพาะบุคคล
สำหรับลูกค้าที่เฉพาะเจาะจง ยังคงอยู่ในช่วงระยะเริ่มแรกเมื่อต้นปี 2562
บริษัทวิจัย Altera Group พบว่า 97% ของโครงการ ABM ในช่วงปี 2562 ให้ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ค่อนข้างสูงหรือสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับโครงการด้านการตลาดอื่นๆ นอกจากนั้น ABM ยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันระหว่างฝ่ายการตลาด
และฝ่ายขาย สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของธุรกิจ
และการปฏิรูปส่วนงานด้านการตลาดในท้ายที่สุด
ABM จะยังเป็นกลยุทธ์ที่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับองค์กรจำนวนมากที่ทำธุรกิจแบบ B2B ในปี 2563 เพื่อดึงดูดลูกค้าองค์กรอย่างเจาะลึกและกว้างขวางมากขึ้น
เทรนด์ #5:
การทรานส์ฟอร์มแนวทางการทำการตลาดสู่รูปแบบดิจิทัลจะสร้างมูลค่าและพลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า
ประเด็นหลักของเทรนด์นี้ก็คือ
องค์กรต่างๆ พยายามนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเพื่อสร้างความแตกต่าง
จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว
โดยจะต้องสร้างข้อมูลลูกค้าที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้รอยต่อ
และทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดายและไร้รอยต่อ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับพฤติกรรม
ธุรกรรม การเงิน การดำเนินงาน สำหรับแคมเปญต่างๆ
ประสบการณ์ลูกค้าจะยังคงเป็นภารกิจสำคัญในช่วงปี 2563 และองค์กรต่างๆ จะลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับ Digital Transformation โดยครอบคลุมทุกแง่มุมของธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่การตลาด
เทรนด์ทั้งห้าข้อยังคงมีเกี่ยวข้องและมีความต่อเนื่องกับสถานการณ์การตลาดในปีนี้ ข้อมูลคาดการณ์ในปี 2562 มุ่งเน้นเรื่องประสบการณ์ลูกค้า เทรนด์นี้จะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้ ขณะที่แบรนด์ต่างๆ พยายามปรับใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องเหมาะสมตามหลักจริยธรรม เพื่อนำเสนอประสบการณ์แบรนด์แบบเฉพาะบุคคลที่แตกต่างให้แก่ลูกค้าทุกที่ ทุกเวลายังคงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ