ตลาดยาสีฟันโดยภาพรวมยังคงมีการขับเคี่ยวกันอย่างรุนแรง แม้ว่าจะเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวโดยสะท้อนจากอัตราการเข้าถึงครัวเรือน
(Penetration) เต็มเกือบ 100% แล้วก็ตาม
โดยปัจจุบันตลาดยาสีฟันมีมูลค่ากว่า 10,800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเชิงมูลค่าเฉลี่ย
2-3% ต่อปี นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มยาสีฟันสมุนไพรเป็นตลาดที่มีการแข่งขันมากที่สุด
จึงเป็นการปลุกกระแสตลาดให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งตราสินค้าของไทยที่สามารถก้าวขึ้นมาท้าทายกับตราสินค้าระดับสากลได้ในตลาดนี้ต้องเป็น
“ดอกบัวคู่” และที่กำลังมาแรงอย่าง “เทพไทย”
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เทพไทย สะท้อนภาพ “ไทยโมเดิร์น”
จากการสำรวจของ Kantar บริษัทด้านวิจัยข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาการตลาดระดับโลก ซึ่งมีการจัดอันดับ “Thailand Brand Footprint 2020” อันดับแบรนด์ที่ผู้บริโภค “เลือกซื้อมากที่สุด” และ “เติบโตสูงที่สุด” ในกลุ่มสินค้า FMCG สุขภาพและความงาม พบว่าเทพไทยเป็นแบรนด์ที่มีการซื้อสูงถึง 10 ล้านครั้งเป็นครั้งแรก โดยสูงขึ้นจาก 4.3 ล้านครั้งในปี 2562 สอดคล้องกับรายได้ของเทพไทยที่ทะยานเฉียด 300 ล้านเป็นการเติบโตถึง 60% จากปี2561
การจะก้าวมาถึงจุดนี้ต้องยอมรับในความ “กล้าหาญ” เพราะการจะผลักดันให้แบรนด์ท้องถิ่น ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นสินค้าโอทอป มาสู่การเป็นแบรนด์ที่มีการซื้อจากทั่วประเทศถึง 10 ล้านครั้งไม่ง่าย
สำหรับยาสีฟันเทพไทยเริ่มออกสู่น่านน้ำสีแดง หรือ Red
Ocean ในปี 2556 ด้วยการจัดตั้งบริษัท เทพไทย
โปรดัคท์ จำกัด และเลือกสร้างแบรนด์ผ่านการใช้สื่อภาพยนตร์โฆษณาและเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์
ซึ่งสะท้อนคาแรคเตอร์ของการเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย และมีชื่อเสียง เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์พร้อมๆ
กับสะท้อนถึงการเป็นยาสีฟันสมุนไพรในแบบ “ไทยโมเดิร์น” ในเวลาเดียวกัน เริ่มจาก
เมญ่า นนธวรรณ มิสไทยแลนด์เวิลด์ในปี 2558
โดยแนวคิดการตลาดดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการเลือกเบลล่า ราณี แคมเปน นางเอกละครดังแห่งปีอย่างบุพเพสันนิวาสมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จากคาแรคเตอร์ในละครซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตในวิถีแบบไทยดั้งเดิม ซึ่งเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ได้ลงตัว และต้องยอมรับในความกล้าหาญของการเป็นแบรนด์เล็กแต่ใจใหญ่ในการทุ่มงบโฆษณาอย่างมหาศาล เพื่อแสดงถึงจุดยืนของแบรนด์ ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อการผลักดันแบรนด์ในเข้าถึงคนรุ่นใหม่
จากนั้นได้ยังได้เพิ่มความร้อนแรงให้กับโฆษณามากยิ่งขึ้นไป ด้วยการใช้พรีเซ็นเตอร์คู่ โดยนำเวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ซึ่งทำให้กระแสของโฆษณามีมากยิ่งขึ้นในฐานะที่เป็นคู่รักในชีวิตจริง โดยโฆษณาของยาสีฟันเทพไทยถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องจากปี 2561 และมีความถี่สูง
ล่าสุดตัวเลขการใช้งบสื่อโฆษณาเฉพาะเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ของยาสีฟันเทพไทยสูงถึง
76.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของที่ก่อนที่ใช้
57.12 ล้านบาท จุดนี้ต้องยอมรับว่าแม้แบรนด์ใหญ่ในตลาดยังไม่กล้าท้าทายตลาดถึงเพียงนี้
เร่งเกมรุกเปิดฉากสู้ในตลาดแมส
อย่างไรก็ตามการใช้งบโฆษณาจะไม่มีผลแต่อย่างใด หากผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ยาก ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกัน บริษัท เทพไทย เลือกบริษัท แมส มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าในฐานะมืออาชีพ ที่มีพาร์ตเนอร์ช่องทางจัดจำหน่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแมสเสจในภาพยนตร์โฆษณา ด้วยการแสดงโลโก้ของช่องทางต่างๆ ซึ่งนอกจากจะสร้างการรับรู้แล้ว ยังช่วยให้แบรนด์ได้รับความน่าเชื่อถือและมีภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้น
แผนการขับเคลื่อนที่น่าสนใจ คือช่วงเวลานี้ยาสีฟันเทพไทยเร่งจังหวะสร้างการรับรู้ด้วยการสื่อสารถึงความหลากหลายให้กับสินค้าจาก 2 สูตรเพิ่มเป็น 5 สูตร และมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 70 กรัมและ 30 กรัมเพื่อขยายโอกาสในการซื้อ เช่น ซื้อเพื่อทดลองใช้หรือในโอกาสที่ต้องพกพา
อย่างไรก็ตามจุดเปราะบางของยาสีฟันเทพไทย คือราคาที่สูง ด้วยขนาดหลอดที่เล็กและในราคาเฉลี่ย 100 บาท ขณะที่ยาสีฟันแบรนด์อื่นๆ ราคาใกล้เคียงแต่หลอดยาสีฟันใหญ่กว่า ในจุดนี้ยาสีฟันของเทพไทย พยายามเก๋าเกม ด้วยการชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่า เพราะใช้สีฟันเท่าเม็ดถั่วเขียวปากสะอาด ดูแลได้ทั้งช่องปาก และ 1 หลอดสามารถใช้ได้ถึง 350 ครั้ง
การวางกลยุทธ์ทางการตลาด ทำให้ยาสีฟันแบรนด์ไทยแบรนด์ทำรายได้ในปี 2562
ได้ 298 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจคือผลกำไรที่ทะยานสูงขึ้นจากปี
2561 ที่มี 16 ล้านบาท เป็น 71 ล้านบาทในปี 2562
ดอกบัวคู่ รีเฟรชแบรนด์ หวังท้าชิงแบรนด์ใหญ่
สำหรับยาสีฟันสมุนไพรดอกบัวคู่ ถือเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่อยู่ในตลาดมากว่า 40 ปี ปัจจุบันแบรนด์มีความเข้มแข็ง กระทั่งสามารถนำไปต่อยอดสู่การขยายฐานสินค้าในตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด-ดูแลผิวกาย,แชมพู และเครื่องดื่มรังนก โดยยาสีฟันยังคงเป็นสินค้าเรือธงสำคัญ
ความได้เปรียบของดอกบัวคู่ในเวลานี้ คือการอยู่ในตลาดมาก่อน จึงมีทั้งเรื่องความน่าเชื่อถือ และด้วยสรรพคุณที่สามารถบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดในช่องปากได้จริง การบอกปากต่อปากของผู้ใช้จริง หรือแม้แต่จุดขายหลักที่เคยเป็นเพนพอยต์ของสินค้าอย่างสีของเนื้อยาสีฟัน ซึ่งเป็นสีน้ำตาลเข้มต่างจากสีของยาสีฟันทั่วไปในตลาด ขณะนี้ได้แปรเป็นจุดแข็งที่ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในความเป็นสมุนไพรแท้แบบ 100% และกล้าลองใช้มากขึ้น สะท้อนได้จากส่วนแบ่งตลาดที่สามารถครอบครองได้ประมาณ 19%
แต่ขณะนี้บริบทของยาสีฟันดอกบัวคู่ คือการเผชิญกับการแข่งขันทางตรงที่เข้มข้นมากขึ้น จากการคุกคามของแบรนด์ต่างๆ ที่แห่กันเข้ามาแข่งขันในตลาดยาสีฟันสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นคอลเกตปัญจเวท, ยาสีฟันซอลส์ ตรีผลา, ยาสีฟันเทพไทย, ยาสีฟันออรัลเฮิร์บ ฯลฯ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากของยาสีฟันดอกบัวคู่
ในสถานการณ์นี้ยาสีฟันดอกบัวคู่เลือกที่ใช้กลยุทธ์รีเฟรช แบรนด์ให้ทันสมัยและมีความน่าสนใจมากขึ้น ผ่านการปรับบรรจุภัณฑ์โดยออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัยสดใสมากขึ้น บวกกับการกลับมาสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผ่านพรีเซ็นเตอร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้นักแสดงรุ่นใหม่ที่ถือว่ายืนอยู่ระดับแถวหน้าอย่าง “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” และมีฐานแฟนคลับในประเทศอาเซียนจำนวนมากเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่ในการสร้างการรับรู้ในยาสีฟันดอกบัวคู่สูตรเอเวอร์เฟรช ซึ่งเป็นสูตรที่ยกระดับการพัฒนาให้แข่งขันได้ในตลาดยาสีฟันในตลาดทั่วไป (Mass Market) อย่างคลอเกต, ซอลส์ ทั้งการเป็นสูตรที่มีฟลูออไรด์ ให้ความเย็นสดชื่น มีความลมหายใจที่หอมยาวนาน
เห็นชัดว่าทั้งสองธุรกิจต่างเปิดหน้าสู้เพื่อการก้าวสู่เส้นทางการเป็นเจ้าตลาดยาสีฟันแบรนด์ไทย
ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจมาก และที่สำคัญมีการอัดงบมาร์เก็ตติ้งกันชนิดที่แบรนด์ต่างประเทศเองก็อดหนาวๆ
ร้อนๆ ไม่ได้