หลายคนคงคุ้นเคยกับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(อีอีซี) หนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลไทยที่ต้องการพัฒนาต่อยอดพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกครอบคลุม
3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ
ในระยะเวลา 5 ปี เม็ดเงินลงทุนเบื้องต้น 1.5 ล้านล้านบาท
แต่ทราบหรือไม่ว่า ในอาเซียนการลงทุนเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ลักษณะนี้ไม่ได้มีแค่ที่ อีอีซี เท่านั้น เพราะยังมี "โครงการดาราสาคร" หรือ Dara Sakor หนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นจากการตั้งต้นของจีน โดยการลงทุนของบริษัท Union Development Group บริษัทลูกในเครือบริษัท Tianjin Wanlong Group หรือ UDG ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ก้าวไปผนึกกำลังกับรัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี 2551
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงพนมเปญ ให้รายละเอียดว่า UDG ได้รับสัมปทานที่ดินเพื่อเศรษฐกิจจากรัฐบาลกัมพูชาบริเวณ
อำเภอ Kin Sakor และอำเภอ Botum Sakor ซึ่งอยู่บนเกาะกง
เป็นระยะเวลายาวนานถึง 99 ปี และที่ดินดังกล่าวมีพื้นที่ 20% มีแนวติดทะเล ตามสัญญาบริษัทจะใช้เวลาในการพัฒนาที่ดินผืนนี้
25-30 ปี โดยวางแผนจะใช้งบลงทุน 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับจากปี 2551
ถึงปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เป้าหมายการลงทุนของโครงการนี้จะมีทั้งระบบสาธารณูปโภคพร้อม
ทั้งโครงข่ายถนน สนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ ท่าเรือน้ำลึกสำหรับจอดเรือสำราญ
คอนโดมิเนียม โรงแรม โรงพยาบาล หมู่บ้านจัดสรร สนามกอล์ฟ 2 สนาม รวมถึงคาสิโน
ขณะเดียวกันจะมีการลงทุนสวนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
(Intelligent
Industrial Park) และพื้นที่เชิงพาณิชย์
ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ดาราสาครเป็นทั้งศูนย์กลางการลงทุน การค้า การขนส่ง
และการท่องเที่ยว คล้ายฮ่องกงแห่งที่ 2 เป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล
เป็นศูนย์กลางสถานที่พักผ่อนครบวงจร ศูนย์เมดิคอลเซ็นเตอร์
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
หากวิเคราะห์ถึงศักยภาพการลงทุนในแต่ละส่วนจะพบว่า
โครงการจะแยกการพัฒนาเป็น 3 ส่วน คือ
1. International
(Tourism) District พื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตร
มีท่าอากาศยานนานาชาติซึ่งแบ่งการลงทุนเป็น 3 เฟส หากแล้วเสร็จจะสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่อย่าง
A380 โบอิ้ง 747 และโบอิ้ง
777 นอกจากนี้จะมีโรงแรม รีสอร์ท คาสิโน สนามกอล์ฟ 18 หลุม 2 สนาม
และท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 1 สามารถรองรับเรือน้ำหนักบรรทุก 20,000 ตัน ได้ 4 ลำ
คาดว่าจะเสร็จเต็มรูปแบบในอีก 5 ปีข้างหน้า
2. International
Trade District คลอบคลุมพื้นที่ 60
ตารางเมตร มีแผนจะสร้างนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 2 ที่มีแผนจะก่อสร้างต่อเนื่องคาดว่าจะรองรับเรือน้ำหนักบรรทุกได้ถึง
1 แสนตัน
3. Future District มีพื้นที่ 200 ตารางกิโลเมตร จะพัฒนาเป็นเมืองใหม่เชิงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และนวัตกรรม คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในอีก 20-30 ปี ข้างหน้า
ทั้งนี้ การพัฒนาเมกะโปรเจ็คนี้เป็นผลจากการดำเนินนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้น
หรือ One
Belt One Road ของรัฐบาลจีน เพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนไปสู่ยุโรปตะวันตกและเอเชียทั้งภูมิภาค
ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วเป้าหมายจะไม่ต่างจากการลงทุนอีอีซีของไทย
ที่สำคัญพื้นที่การลงทุนของโครงการทั้งสองยังอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนัก เกาะกงมีชายแดนติดกับไทย การเดินทางจากกรุงเทพใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น หากมองเป็นคู่แข่งก็ถือว่าน่ากลัว แต่หากมองในโอกาสของการพัฒนาร่วมกันเพื่อใช้ประโยชน์และจุดเด่นซึ่งกันและกัน ดึงดูดการลงทุนสู่ภูมิภาคก็น่าจะเป็นโอกาสร่วมกันทุกฝ่าย
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<