“เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned
Aerial Vehicle-UAV) หรือ โดรน (Drone)”
ถือเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรงมากในขณะนี้ ด้วยประโยชน์ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น
ระดับราคาที่สัมผัสได้ ทำให้เทคโนโลยีโดรนถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านสื่อสาร ด้านการเกษตร ด้านการสำรวจ เป็นต้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

“เสินเจิ้น” เริ่มพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษครั้งแรกเมื่อปี
2523 หรือประมาณเกือบ 40 ปีมาแล้ว
ปัจจุบันเป็นเมืองชั้นนำด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์โทรคมนาคม เช่น Airbus,
Foxconn, Huawei, ZTE, Tencent, DJI เป็นต้น
สำหรับการลงทุนธุรกิจโดรนในเสินเจิ้นปัจจุบันมีจำนวนบริษัทโดรนประมาณ
2,000 บริษัท ทั้งที่เป็นบริษัทผู้ผลิต และบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ โดยมีเจ้าตลาดอย่าง DJI และผู้ผลิตอีคอมเมิร์ช
อย่าง JD Group และ บริษัท Cainiao โลจิสติกส์
ในกลุ่ม
Alibaba
ที่ลงมาเล่นในธุรกิจนี้ ทำให้เทคโนโลยีโดรนของเสินเจิ้นมีส่วนแบ่งทางการตลาด
70% จากมูลค่าตลาดทั่วโลก ในปี 2560 มีมูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรม 4,443 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
คาดว่ามูลค่าการผลิตจะเพิ่มเป็น 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันในตลาดโดรนเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เป็นผลจากจำนวนประชากรโลกเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับปริมาณการผลิตอาหารซึ่งไม่เพิ่มตาม
จนมีการคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรที่ได้รับอาหารไม่เพียงพอ จะเพิ่มขึ้นจาก 870
ล้านคนเป็น 2,000 ล้านคน ในปี 2593
ส่งผลให้จีนตื่นตัวพัฒนาโดรนสำหรับใช้ในงานด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปัจจุบันมีผู้ให้บริการโดรนเพื่อการเกษตร
16,000 ตัว ครอบคลุมพื้นที่เกษตรใช้งานแล้ว 37.5 ล้านไร่
โดยประสิทธิภาพของโดรนที่ถูกพัฒนาขึ้นในระดับโลก เช่น JD Group ได้พัฒนาโดรนขนส่งสินค้าจำนวน 40 ลำ ที่มีประสิทธิภาพสามารถบรรทุกสินค้าหนักตั้งแต่ 5-30 กิโลกรัม บินในรัศมีระยะทางกว่า 100 กิโลเมตรต่อการบิน 1 ครั้ง ช่วยให้ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งมากขึ้น
โดรน มิติใหม่ด้านเศรษฐกิจของไทย
สำหรับโอกาสธุรกิจโดรนในประเทศไทย น.ส.พิมพ์ชนก
วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุว่า เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยสนับสนุนธุรกิจด้านต่างๆ
ได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสร้างสรรค์ เช่น การถ่ายรูป วิดิทัศน์ ธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้า
รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ช ธุรกิจเกษตรซึ่งสามารถพัฒนาไปเป็นช่วยเป็นอุปกรณ์สำหรับฉีดพ่น
ปุ๋ย รวมถึงยากำจัดศัตรูพืช รวมทั้งใช้ในการสำรวจเก็บข้อมูล เพื่อการพยากรณ์อากาศและสภาพดิน
อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยได้วางกฎและมาตรการในการใช้โดรน
เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิส่วนบุคคลและการรักษาความปลอดภัย
เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่เข้าถึงพื้นที่ส่วนบุคคลได้โดยง่าย ดังนั้น
การใช้โดรนต้องขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ก่อนใช้งาน และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เช่น นักบินโดรนจะต้องได้รับอนุญาตเป็นผู้บังคับโดรน หรือมีใบขับขี่ ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่องหลักเกณฑ์การอนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินโดยสำนักงานการบิน
พลเรือนแห่งประเทศไทย
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)
เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินซึ่งเป็นการลงทะเบียนเครื่องโดรนและขอใช้ความถี่ที่กำหนด (ใบทะเบียนพาหนะ) ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนจนถึงประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
มีผู้ขึ้นทะเบียนกับ กสทช. จำนวน 4,703 ลำ
นอกจากโอกาสในธุรกิจโดรนแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ
ที่เกี่ยวข้องที่ เช่น ธุรกิจประกันภัย
ซึ่งในการบินโดรนก็จำต้องมีการทำประกันเหมือนกับประกันภัยรถยนต์ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่สำคัญที่ธุรกิจต้องตระหนัก คือเทคโนโลยีโดรนจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นเครื่องมือต่อภาคธุรกิจสามารถนำไปต่อยอดในเกิดการบริการหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เห็นได้ชัดมาแล้วอย่างเช่นการปฏิวัติการขนส่งโดรนใช้โดรน ที่ทั้งรวดเร็วและล้ำสมัย