เก็บภาษี ‘e-Service’ ดีเดย์ 1 ก.ย. นี้ มีผลอย่างไรกับภาคธุรกิจ?

SME Update
23/08/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 3236 คน
เก็บภาษี ‘e-Service’ ดีเดย์ 1 ก.ย. นี้ มีผลอย่างไรกับภาคธุรกิจ?
banner

หลังจากมีการประกาศใช้ กฎหมาย e-Service หรือภาษี e-Service ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายนนี้ โดยเป็นวิธีการจัดเก็บ VAT จากผู้ให้บริการต่างประเทศ และแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการทาง Online แก่ผู้ใช้บริการในประเทศไทย ที่มีรายได้จากการให้บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี โดยให้อำนาจกรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บในอัตรา 7% ต่อปี ซึ่งให้เสียภาษีจาก ‘ภาษีขาย’ โดยไม่ให้นำภาษีซื้อมาหัก

โดยที่ผ่านมาผู้ประกอบการในประเทศที่ให้บริการ e-Service ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่ยื่นแบบฯ และชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่ผู้ประกอบการต่างประเทศไม่ต้องดำเนินการดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเสียมูลค่าเพิ่ม เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบในการทำธุรกิจ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ส่งผลให้ต้องมี ‘ทางออก’ ตามมาตรฐานสากล

ดังนั้นนานาประเทศจึงได้ร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ปัญหานี้ ด้วยการทำตามคำแนะนำของ OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแก่หน่วยงานจัดเก็บภาษี ซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่ทำตามคำแนะนำนี้มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย เบลเยียม สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน สิงคโปร์ เป็นต้น

 

ภาษีนี้..มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจใดบ้าง?

ได้แก่ผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ อาทิเช่น บริการดาวน์โหลด หนัง/ภาพยนตร์ เพลง เกม สติกเกอร์ สื่อโฆษณา เป็นต้น และแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการในไทย เช่น Apple, Google, Facebook, Netflix, Line, YouTube, TikTok ซึ่งมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี

 

‘กรมสรรพากร’ มีหน้าที่อย่างไรบ้าง?

- ด้านกฎหมาย : กรมสรรพากรได้ดำเนินการแก้ไขประมวลรัษฎากรตามแนวทางของ OECD (ฉบับที่…) พ.ศ. (การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ e-Service) โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่มีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มยื่นแบบแสดงรายการ ภายใต้ระบบ pay-only (ห้ามหักภาษีซื้อ) ไม่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีและรายงานภาษีซื้อ

- ด้านระบบอำนวยความสะดวกและการให้บริการ : กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบ Simplified VAT System for e-Service (SVE) เป็นระบบการจดทะเบียน การยื่นแบบฯ และการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ Best Practice ของต่างประเทศ โดยสามารถดำเนินการได้ที่ www.rd.go.th เว็บไซต์ของกรมสรรพากร

- การตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย

O สามารถเรียกเชิญพบหรือออกหมายไปยังผู้ประกอบการเพื่อตรวจสอบและประเมินเรียกเก็บภาษี

O ออกหมายเรียกพยานผู้เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงินต่างๆ เพื่อขอข้อมูลการทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงิน

O การแสดงรายชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ทำให้ผู้บริการอื่นๆ สามารถตรวจสอบได้

นอกจากนี้กรมสรรพากรยังได้ร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างประเทศด้วย เช่น การเข้าภาคีความตกลง Multilateral convention on Mutual Administrative Assistance in Tax (MAC) ซึ่งมีบทบัญญัติครอบคลุมการแลกเปลี่ยนข้อมูลทุกรูปแบบ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติระหว่างประเทศด้วย

 

ข้อดี ภาษี ‘e-Service’

- สร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษีระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ

- ช่วยปิดช่องโหว่ของกฎหมาย โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service ต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ยื่นแบบฯ และนำส่งภาษี เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในประเทศ

- ยกระดับการบริหารจัดเก็บภาษีในไทย สอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกและรูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

- สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ ปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท

 

ทำไมทุกประเทศอยากเก็บ "ภาษีธุรกิจบริการดิจิทัล"

ธนาคารโลก (World Bank) ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา "เศรษฐกิจดิจิทัล" มีสัดส่วนกว่า 15.5% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทั่วโลก (GDP) และเติบโตรวดเร็วกว่าจีดีพีโลกถึง 2.5 เท่า จึงเป็นผลให้ในปี 2561 คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอพิจารณาการจัดเก็บภาษีธุรกิจบริการดิจิทัล (Digital Service Tax : DST) อัตรา 3% ของรายได้ที่มาจากการให้บริการโฆษณาออนไลน์ รายรับหรือรายได้ที่มาจากกิจกรรมการเป็นตัวกลางทางดิจิทัล และยอดขายของข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมของผู้ใช้ เพื่อสร้างความเท่าเทียมสำหรับผู้ประกอบการและนำรายได้จากภาษีไปพัฒนาประเทศต่อไป

 

Facebook และ Google เอาด้วย! ซื้อโฆษณาต้องจ่าย VAT 7%

ข่าวล่าสุดสำหรับคนทำธุรกิจที่ต้องยิงแอดโฆษณาเฟซบุ๊กและกูเกิล ต้องจ่ายเงินค่าภาษีเพิ่ม 7% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 64 เป็นต้นไป หมายความว่า ต้นทุนของธุรรกิจจะเพิ่มขึ้น 7% ทันที การบริการงบประมาณทำการตลาดจะต้องคิดให้มากขึ้น เช่น ยิงแอดโฆษณา 10,000 บาท แต่เดิมจ่าย 10,000 บาท แต่พอมี Vat 7% เพิ่มเข้ามา ธุรกิจต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 700 บาท เป็น 10,700 บาทนั่นเอง

หากธุรกิจจำเป็นต้องซื้อแอดโฆษณา Facebook หรือ Google ควรทำอย่างไร?

1. เพิ่มรายได้ด้วยการขายสินค้าเป็นแพ็กเกจ

โดยเวลาธุรกิจของคุณยิงแอดโฆษณา ไม่ควรขายของชิ้นเดียว ให้นำเสนอสินค้าแบบเป็นแพ็กเกจ เป็นโปรโมชั่นกระตุ้นลูกค้า เช่น 1 ชิ้น 500 บาท แต่ซื้อ 2 ชิ้นลดให้ 300 บาท กำไรอาจลดลง แต่รายได้ต่อครั้งเพิ่มขึ้น

2. คิดต้นทุนส่วนนี้เข้าไปด้วย

นำไปบวกกับต้นทุนการขายสินค้าเดิม เช่น ค่าสินค้า ค่าขนส่ง ค่ากล่อง ค่าแพ็ก ค่ายิงแอดโฆษณาต่างๆ แล้วรวมภาษี Vat 7% เข้าไปด้วย

3. ลดต้นทุนด้วยการโฆษณาแพลตฟอร์มอื่นๆ

เพราะลูกค้าของคุณยังกระจายอยู่ตัวในแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น LINE, TikTok, YouTube ดังนั้นลองหันมีโฆษณาในแพลตฟอร์มเหล่านี้ เพื่อลดต้นทุน หาลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม

4. รักษาลูกค้าเก่าไว้ให้ได้

โดยส่วนใหญ่ธุรกิจในบ้านเรามักมีรายได้หลักมาจากลูกค้าเก่า ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญ แม้การหาลูกค้าใหม่เป็นสิ่งที่ดี แต่การรักษาลูกค้าเก่าคือสิ่งที่จำเป็นมากกว่า ดังนั้นจึงควรหากลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเก่าให้ภักดีต่อแบรนด์ของเราให้ได้

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.bangkokbiznews.com/

https://www.prachachat.net/

https://www.khaosod.co.th/

https://www.rd.go.th/

https://www.thairath.co.th/

https://news.bloombergtax.com/

https://taxfoundation.org/

 


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ESG มีอะไรบ้าง? รู้จักแนวทางปฏิบัติเพื่ออนาคตของ SME ยุคใหม่

ESG มีอะไรบ้าง? รู้จักแนวทางปฏิบัติเพื่ออนาคตของ SME ยุคใหม่

Topic Summary:บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกหลักการ ESG ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมแนวทางการนำไปปรับใช้จริงที่เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้Content…
pin
2 | 12/03/2025
สรุป 5 จุดเด่นที่ควรรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ‘Deep Research’ ของ Perplexity

สรุป 5 จุดเด่นที่ควรรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ‘Deep Research’ ของ Perplexity

รู้จักกับ ‘Deep Research’ ฟีเจอร์ใหม่ของ Perplexity ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมืออาชีพ โดยฟีเจอร์ Deep Research…
pin
5 | 06/03/2025
30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Generative AI ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้.โดยผลสำรวจของ Gartner พบว่า 42% ในปี 2025 มากกว่า 60%…
pin
8 | 27/02/2025
เก็บภาษี ‘e-Service’ ดีเดย์ 1 ก.ย. นี้ มีผลอย่างไรกับภาคธุรกิจ?