ในวันที่กระแสการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เน้นเพื่อการค้าอาจไม่ตอบโจทย์ผู้คนสมัยใหม่อีกต่อไป เนื่องจากกระแสภัยพิบัติ และภาวะโลกร้อนได้ขยับเข้ามาอยู่ใกล้ตัวผู้คนมากกว่าที่คิด ทำให้หลากหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้เริ่มหันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หนึ่งในเรื่องที่กำลังมาแรงและควรเริ่มทำความรู้จักก็คือ แนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์แนว Eco-design เพื่อให้การพัฒนาสิ่งแวดล้อมสามารถก้าวควบคู่ไปได้พร้อมกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์แนว Eco-design
แนวคิด Eco-design มาจากคำว่า Economic & Ecological Design หรือแนวคิดการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ
เป็นแนวทางหนึ่งของการจัดการเชิงรุก เพื่อมุ่งเน้นการลดขยะของเสีย
ยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการนำกลับมาใช้ใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภายหลังตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
การผลิต การนำไปใช้ ไปจนถึงการทำลายหลังเสร็จสิ้นการใช้งานหรือหมดอายุ
โดยควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยด้านอื่นๆ เช่น ต้นทุน กระบวนการผลิต
การควบคุมคุณภาพ และการตลาด เป็นต้น ดังนั้น Eco-design จึงไม่ใช่ทางแก้ แต่ยังช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาที่สาเหตุ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
จุดเริ่มต้นของแนวคิด Eco-design
ความจริงแล้ว Eco-design ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
เพราะแนวคิดนี้เคยได้ถูกหยิบมาพิจารณาครั้งแรกในการประชุม World
Conversation Strategy เมื่อปี 1980 จนกระทั่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศพัฒนาแล้ว
เช่น สหภาพยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ฯลฯ กลุ่มประเทศเหล่านี้จึงมีข้อกำหนดและกฎระเบียบทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เริ่มจากการเน้นไปที่เรื่องการจัดการขยะ เช่น ระเบียบการจัดการเศษเหลือทิ้งจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
(WEEE), ระเบียบห้ามใช้สารอันตรายบางชนิดในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
(RoHS), ระเบียบการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่างๆ (REACH),
ระเบียบการจัดการซากยานยนต์ (ELV) ฯลฯ
ผลที่ตามมาคือ
ทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการทั้งหลายที่ทำการค้ากับประเทศเหล่านี้ จำเป็นต้องศึกษาระเบียบและปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้
เพื่อไม่ให้ถูกปิดกั้นจำกัดการค้า
หนึ่งในแนวทางที่ผู้ประกอบการและชาวอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างเลือกใช้เป็นแนวทางคือ Eco-design โดยยึดหลักสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม
และจริยธรรม เพื่อความยั่งยืน เพิ่มจากเดิมที่มักจะคำนึงเพียงต้นทุน ความสวยงาม
การใช้งาน และความปลอดภัยเท่านั้น
หลักการพื้นฐานในการทำ Eco-design
หลักการพื้นฐานของการทำ Eco-Design คือ การประยุกต์หลักการของ 4Rs อย่าง การลด (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse)
การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการซ่อมบำรุง
(Repair) มาปรับใช้ในทุกช่วงวงจรของผลิตภัณฑ์ ร่วมกับกลไก
Eco-Design Strategy ทั้ง 7 ด้านให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
ดังนี้
1. ลดการใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
(Reduction of low-impact materials)
2. ลดปริมาณและชนิดของวัสดุที่ใช้ (Reduction of materials used)
3. ปรับปรุงกระบวนการผลิต (Optimization of production techniques)
4. ปรับปรุงระบบการขนส่งผลิตภัณฑ์ (Optimization of distribution system)
5. ปรับปรุงขั้นตอนการใช้ผลิตภัณฑ์ (Optimization of impact during use)
6. ปรับปรุงอายุผลิตภัณฑ์ (Optimization of initial lifetime)
7. ปรับปรุงขั้นตอนการทิ้งและทำลายผลิตภัณฑ์
(Optimization of end-of-life)
ตัวอย่าง Eco-design ในไทย
ในประเทศไทยได้มีกลุ่มนักดีไซน์รวมตัวเพื่อสร้างโปรเจ็กต์รักษ์โลกหัวใจสีเขียวในชื่อ
ECO DESIGN THAI มาซักพักใหญ่ โดยรวมตัวกันกว่า 26
แบรนด์ มีการดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ตั้งแต่การหาวัตถุดิบ
การผลิต การขนส่ง การใช้งาน การกำจัด ไปจนถึงการโฆษณาและการขาย เช่น นำเศษวัสดุเหลือใช้มาเป็นเฟอร์นิเจอร์
หรือเครื่องประดับดีไซน์ใหม่โดยที่ผู้บริโภคมองข้ามเรื่องการเป็นวัสดุเหลือใช้ไป
ฯลฯ หรือ GC ที่ได้มีโครงการผลักดันผลงาน ECO-Design จากวัสดุพลาสติกของ GC รวมไปถึงการนำพลาสติกมา Upcycle
เป็นผลงานใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้นในโครงการ Upcycling
Upstyling เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชน-ผู้ประกอบการ
และเตรียมวางแผนจัดจำหน่ายต่อไป
แม้ในปัจจุบันจะยังไม่เห็นการนำแนวคิด
Eco-design มาใช้ในประเทศไทยอย่างแพร่หลายเท่าไหร่นัก
แต่ผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งหลายเริ่มมองเห็นโอกาสและคาดการณ์เบื้องต้นแล้วว่า
การบริโภคจากกระแสรักษ์โลกและ Eco-design
จะเติบโตในตลอดประเทศไทยสูงขึ้น โดยอิงจากตลาดสหภาพยุโรปที่มีอัตราการขยายตัวเริ่มตั้งแต่ก่อนปี
2554 จนถึงเมื่อช่วงประมาณปีที่แล้ว มีการเติบโตในตลาดสูงมากกว่า 400
เท่าเลยทีเดียว
ดังนั้น หากคิดจะเริ่มต้นทำผลิตภัณฑ์แนวรักษ์โลก อย่าลืมที่จะนำแนวคิดการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ หรือ Eco-design ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือการบริการในกิจการของคุณอยู่เสมอ