EEC ไปต่ออย่างไรเมื่อลงทุนทั่วโลกเจอพิษโควิด-19

SME Update
06/08/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 3672 คน
EEC ไปต่ออย่างไรเมื่อลงทุนทั่วโลกเจอพิษโควิด-19
banner

หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์จากมาตรการป้องกันโควิด-19 บรรยากาศการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของไทยปี 2563 เริ่มมีแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายใต้กฎหมายต่างด้าวที่ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกขับเคลื่อนอีอีซี ซึ่งในช่วงตลอดเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจรวมทั้งสิ้น 56 ราย

แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 34 ราย มีนักลงทุนต่างชาติลงทุนเพิ่มขึ้น 11 ราย หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 24% มีเม็ดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 11,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท คิดเป็น 0.77% โดยมีนักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนสูงสุดจำนวน 7 ราย คิดเป็นเงินลงทุนจำนวน 386 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 623 ล้านบาท และจีนจำนวน 2 ราย เงินลงทุน 330 ล้านบาท

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 กลุ่มนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 355 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้นรวม 58,407 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 พบว่ามีจำนวนนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจำนวน 22 ราย หรือเพิ่ม 7% เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 3,653 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7%

สาเหตุต่างชาติเข้ามาลงทุนลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่กระนั้นการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก โดยภาพรวมการลงทุนลดลงบ้างแต่ไม่ถึงกับมากนัก เพราะมีการลงทุนเดิมที่ขอบีโอไอไว้แต่ภาพทั้งปีก็อาจจะลงลึก ซึ่งประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ว่าการลงทุนจะขึ้นเกิดเมื่อไหร่ เพราะหากประเมินการวิจัยวัคซีนโควิด-19 จะสำเร็จอย่างราวต้นปี 2564 ดังนั้นในช่วงเวลา 6-9 เดือนนี้จะเป็นช่วงสำคัญที่ไทยต้องเชื่อมโยงให้ผู้ลงทุนต่างชาติเข้ามา เพื่อจะรักษาโมเมนตั้มการลงทุนภายในประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง

สอดคล้องกับความคิดเห็นของน.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ประเมินสถานการณ์การลงทุนหลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลายจะทำให้มูลค่าการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 2 แห่งในอีอีซี 1 แห่งและนอกเหนือโครงการอีอีซีอีก 1 แห่ง จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและมียอดขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจสหรัฐและจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนที่มีฐานในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน เตรียมย้ายฐานการผลิตเข้ามาที่ประเทศไทย รวมทั้งการเข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 2 แห่งยังคงได้รับความสนใจเป็นพิเศษในการเข้าจัดตั้งโรงงาน และส่วนใหญ่ได้ทำสัญญาจองเช่าและมัดจำไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

 

กนอ.มั่นใจต่างชาติหวนกลับมาลงทุนในไทย

แม้ว่าช่วงการระบาดของโควิด-19 จะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย แต่ยังนับว่าเป็นโอกาสดีที่มีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 2 แห่ง คือ

1. นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 6  ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 1,322.40 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการประมาณ 2,625.78 ล้านบาท

2. นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์  นอกเหนือโครงการอีอีซีตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง บนพื้นที่ 1,398.04 ไร่ มูลค่าการลงทุน 4,237.17 ล้านบาท

ขณะเดียวกันมีนิคมอุตสาหกรรมที่ได้ลงนามสัญญากับ กนอ.แล้ว และอยู่ระหว่างการประกาศเขตอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย

1. นิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง)  พื้นที่ 902.59 ไร่ มูลค่าการลงทุน 2,100 ล้านบาท

2.นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย คลีน อินดัสเตรียล ปาร์ค จ.ชลบุรี  พื้นที่ 1,319.89 ไร่ มูลค่าการลงทุน 2,447.75 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.ทั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานรวม 61 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่งใน 17 จังหวัด เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง 14 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน 47 แห่ง

ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.2562-พ.ค.2563) กนอ.มียอดขายหรือเช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 1,696.92 ไร่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.86% มีการแจ้งเริ่มกิจการใหม่ 114 โรงงาน เกิดการจ้างงานเพิ่ม 12,019 คน โดยยอดการขายหรือเช่าพื้นที่ที่ลดลงเพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้นักลงทุนที่ยังไม่จองที่ดินและมัดจำกับผู้พัฒนาที่ดินหรือจองเช่ากับ กนอ.ต้องยืดเวลาไปเพราะเดินทางมาไม่ได้

นักธุรกิจจีนเชื่อทุนมังกรแห่ซบไทยหนีสงครามการค้า

ประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และท่องเที่ยว ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ น.ส.หลุ่ย แซ่กั๊ว ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด และโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย มองว่า หลังไทยผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 มั่นใจว่ากลุ่มนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่จะพาเหรดย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีเป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้าระหว่างหรัฐอเมริกาและจีนที่ยังคงทวีความรุนแรงต่อเนื่อง

“ไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ที่นักลงทุนชาวจีนส่วนใหญ่มองว่าลงทุนแล้วสามารถลำเลียงส่งสินค้าไปได้ทุกเส้นทาง ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล ถือว่าเป็นจุดเด่นที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนด้วยกัน ที่สำคัญไทยและจีนถือว่าเป็นชาติพันธมิตรมานานนับร้อยปี ไม่เคยมีความขัดแย้งระหว่างกัน ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในประเทศไทย เมื่อเข้ามาลงทุนแล้วเกิดความสบายใจ”

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น.ส.หลุ่ย เชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวจะฟื้นตัวรวดเร็ว เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนจะหวนกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากกว่าเดิม จากที่เดินทางมาเยือนไทยปีละกว่า 10 ล้านคน อาจเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัว เนื่องจากชาวจีนเริ่มให้ความมั่นใจกับระบบสาธารณสุขของไทยที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการดูแลประชาชน ทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในวงจำกัดจนชาวจีนและทั่วโลกทึ่งกับประเทศไทย จึงกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นเดียวกับโครงการอีอีซีที่นักลงทุนจีนต่างสนใจเข้าไปลงทุนด้วยไม่ขาดสาย

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 โครงการอีอีซี คือหัวใจสำคัญในการดึงดูดกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนด้วย เนื่องจากรัฐบาลปลดล็อกหลากหลายเงื่อนไขเพื่อให้เอื้อกับนักลงทุนในการเข้ามาลงทุน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคักและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปแล้ว


สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 


เตรียมพร้อมแรงงานไทย สู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่

EEC ดัน SMEs 4.0 ด้วยอุตสาหกรรมหุ่นยนต์



Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ESG มีอะไรบ้าง? รู้จักแนวทางปฏิบัติเพื่ออนาคตของ SME ยุคใหม่

ESG มีอะไรบ้าง? รู้จักแนวทางปฏิบัติเพื่ออนาคตของ SME ยุคใหม่

Topic Summary:บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกหลักการ ESG ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมแนวทางการนำไปปรับใช้จริงที่เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้Content…
pin
2 | 12/03/2025
สรุป 5 จุดเด่นที่ควรรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ‘Deep Research’ ของ Perplexity

สรุป 5 จุดเด่นที่ควรรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ‘Deep Research’ ของ Perplexity

รู้จักกับ ‘Deep Research’ ฟีเจอร์ใหม่ของ Perplexity ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมืออาชีพ โดยฟีเจอร์ Deep Research…
pin
5 | 06/03/2025
30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Generative AI ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้.โดยผลสำรวจของ Gartner พบว่า 42% ในปี 2025 มากกว่า 60%…
pin
8 | 27/02/2025
EEC ไปต่ออย่างไรเมื่อลงทุนทั่วโลกเจอพิษโควิด-19