กระแสการบริโภคอาหารที่ทำมาจากโปรตีนจากพืช (Plant-based
alternative) ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากผู้บริโภคมีความตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ
และการผลิตอาหารอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากโปรตีนจากพืชมีการขยายตัวจากกลุ่มผู้บริโภคมังสวิรัติ
(vegetarians) ไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์และนม
โดยเน้นโปรตีนจากพืชแทนหรือที่เรียกว่ากลุ่ม “flexitarian"
ปัจจุบันสหภาพยุโรป (EU) เป็นตลาดที่บริโภคอาหารดังกล่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 40% เมื่อเทียบกับมูลค่าการจำหน่ายทั่วโลก โดย EU ยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 1,500 ล้าน ยูโรในปี 2561 เป็น 2,400 ล้านยูโรภายในปี 2568 แนวโน้มดังกล่าวเป็นโอกาสสำหรับภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยอาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากโปรตีนจากพืช นอกจากจะต้องมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังต้องคำนึงถึงรสชาติ เนื้อสัมผัส สารอาหาร และการพัฒนาสินค้าให้หลากหลาย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของตลาด
การขยายตัวของกลุ่ม vegetarians กลุ่ม
vegans และกลุ่ม
flexitarians จากรายงาน
EU Agricultural Outlook
for 2018-2030 ระบุว่าในปี 2561
ชาวยุโรปบริโภคเนื้อสัตว์เฉลี่ย 69.3 กก./คน โดยภายในปี 2573
อัตราการบริโภคเนื้อสัตว์มีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 68.6 กก./คน
เนื่องจากสัดส่วนผู้บริโภคมังสวิรัติใน EU มีเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะทางตอนเหนือและทางตะวันตกของยุโรป เช่น สวีเดน เยอรมนี สหราชอาณาจักร
และฝรั่งเศส รวมทั้งการขยายตัวของกลุ่ม flexitarian ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สุขภาพ และจริยธรรม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสัตว์
ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง จากการบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป
และการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์
ปัจจุบันอาหารและเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายในตลาด
EU มีการใช้โปรตีนจากพืชทดแทนส่วนประกอบที่เป็นเนื้อสัตว์หรือนมเพิ่มขึ้น
เช่น สเต็ก แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด และไส้กรอก ที่ใช้โปรตีนจากพืช รวมทั้งไอศกรีม
เนย เนยแข็ง และโยเกิร์ตที่ใช้นมหรือไขมันจากพืช
เทคโนโลยีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร
ช่วยพัฒนาคุณภาพของโปรตีนจากพืชให้ดียิ่งขึ้น เช่น มีความยืดหยุ่น มีเนื้อเยื่อ และความชุ่มชื้นเสมือนเนื้อสัตว์
อีกทั้งการแปรรูป ปรุงแต่งรส สี หรือกลิ่นช่วยให้อาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชมีรูปร่าง
เนื้อสัมผัส และ รสชาติตรงกับความต้องการผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
นโยบายด้านอาหารที่ยั่งยืน
EU มุ่งพัฒนาภาคเกษตรไปสู่ทิศทางที่ยั่งยืน
และส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดี โดยบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เช่น การอุดหนุนการเพาะปลูกพืชโปรตีน
เพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และลดการพึ่งพาการนำเข้า
การมีส่วนร่วมของผู้ผลิตอาหารรายใหญ่
และผู้ประกอบการรายใหม่ บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ เช่น Nestlé Danone
Unilever และ Bonduelle ใน EU
มีการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าที่ใช้โปรตีนจากพืชหรือ
ควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเกิดใหม่ที่นำเสนอนวัตกรรมอาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชในตลาด
EU เพิ่มขึ้นทุกปี
ทั้งนี้ มาตรการสนับสนนุการผลิตและบริโภคโปรตีนจากพืชของ
EU ในแต่ละปี EU มีความต้องการใช้พืชโปรตีนราว
27 ล้านตัน
แต่ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่และสภาพอากาศ ทำให้การผลิตพืชโปรตีนใน EU ไม่เพียงพอกับความต้องการ
และต้องพึ่งพาการนำเข้ามากถึง 17 ล้านตัน/ปี โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่ง 93%
ของการนำเข้าถูกใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร สัตว์ และส่วนที่เหลือ (ราว 3
ล้านตัน) ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อย่างไรก็ตามความต้องการโปรตีนจากพืชสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยความต้องการใช้โปรตีนจากพืชเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์และ ผลิตภัณฑ์นมเพิ่มขึ้นปีละ 14%
และ 11% ตามลำดับ
โดยที่ผ่านมา EU ได้มีมาตรการในการสนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนการผลิตและบริโภคโปรตีนจากพืช อาทิ นโยบายเกษตรร่วม
การสนับสนุนเงินอุดหนุนให้แก่เกษตรกรที่ปฏิบัติ
ตามเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ โครงการพัฒนาชนบท
การอุดหนุนการเพาะปลูกพืชโปรตีนเป็นพืชหมุนเวียน
การสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของ EU เช่น กองทุน Horizon 2020 - พัฒนาการวิเคราะห์และความโปร่งใสในตลาด EU จัดทำระบบติดตามสถานการณ์ตลาดสินค้าเกษตร หรือ EU Crops Market Observatory รวมถึงพืชโปรตีน ทำให้ทราบความเคลื่อนไหวในตลาด ราคา ผลผลิต การบริโภค การค้า และการวิเคราะห์ตลาดในระยะสั้นได้อย่างทันท่วงที เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของเกษตรกรหรือผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ FAO
คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของโลกเพิ่มขึ้นอีก
30% ภายใน 15 ปีข้างหน้า
โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคม
หากการผลิตอาหารยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิมการสนับสนุนการบริโภคโปรตีนจากพืชจึงเป็นหนึ่งในแนวทางในการแก้ไขปัญหาและความท้าทายต่าง
ๆ
นอกจากนี้
การบริโภคโปรตีนจากพืชยังขจัดความกังวลเรื่องการใช้ฮอร์โมนหรือยาปฏิชีวนะในสัตว์ โปรตีนจากพืชมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์น้อยกว่าเนื้อสัตว์
ประกอบกับเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อและบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น ทำให้โปรตีนจากพืชมีความปลอดภัยทางด้านอาหาร
ประเด็นเหล่านี้ผู้ผลิตอาหารและอาหารแปรรูปล้วนต้องพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง
เพราะนับวันตลาดอาหารและผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรในEU จะเริ่มให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนด้านอาหารเพิ่มขึ้นในทุกๆ
ปี
อ้างอิง : ข้อมูลจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
Novel Food โอกาสอุตสาหกรรมอาหาร (food industry)
เมกะเทรนด์ “อาหารเพื่อความยั่งยืนของโลก”