เปิดแนวคิด ESG จุดเปลี่ยนสำคัญของ 'น้ำมันพืช' สู่อนาคตที่ยั่งยืนในตลาดโลก
อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในปัจจุบัน กำลังเผชิญความท้าทายในการปรับตัวสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงกระแสความต้องการผลิตภัณฑ์ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัว เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสร้างความแตกต่าง กลยุทธ์การรีแบรนด์ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ใหม่อยู่เสมอ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และขยายฐานลูกค้าใหม่
บทความนี้ Bangkok Bank SME ขอพาไปเจาะลึกแนวคิดธุรกิจของผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความรู้ในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน เพื่อแบ่งปันมุมมอง และแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน กับ คุณต่อพงศ์ ตริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันพืชบริโภคคุณภาพแบรนด์เกสร ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 49 ปี
บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ก่อตั้งเมื่อ 49 ปีที่แล้ว เริ่มต้นจากโรงงานขนาดเล็กบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ด้วยพื้นที่เพียง 275 ตารางวา โดยผลิตน้ำมันมะพร้าวเป็นผลิตภัณฑ์แรก ในยุคที่น้ำมันพืชยังไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำมันหมูในการประกอบอาหาร
จากเดิม เราเติบโตผ่านช่องทางการค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ทั้งขายปลีกและขายส่ง โดยขยายช่องทางสู่ห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเติบโตของธุรกิจ บริษัทจึงย้ายฐานการผลิตมาที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่ 40 ไร่ พร้อมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์สู่น้ำมันปาล์ม จำหน่ายให้กลุ่มอุตสาหกรรม กระทั่งปี 2524 บริษัทเริ่มบรรจุขวดภายใต้แบรนด์ "เกสร"
ในฐานะธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคามีความผันผวนสูง ช่วง 20 ปีแรกของการดำเนินธุรกิจ บริษัทประสบภาวะขาดทุนเนื่องจากยังไม่เข้าใจหลักการบริหารจัดการสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) อย่างลึกซึ้ง แต่ด้วยการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ปัจจุบันโรงงานขยายเป็น 130 ไร่ มีพนักงานกว่า 1,000 คน
ล่าสุด มีการรีแบรนด์ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้อย่างแท้จริง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภครุ่นใหม่ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ผลิตภัณฑ์ และกลุ่มเป้าหมายของ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด
คุณต่อพงศ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของเรา แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
1. น้ำมันเพื่อการบริโภค ได้แก่ น้ำมันปาล์ม น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะพร้าว และเนยเทียม
2. กลุ่มไบโอดีเซล (จากผลผลิตการเกษตร) และ
3. กลีเซอรีนบริสุทธิ์ โดยน้ำมันพืชบริโภคของเรามีจุดเด่นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยคุณสมบัติสีอ่อนใส ใช้ได้นาน และไม่มีกลิ่นรบกวนอาหารเนื่องจากเราเป็นผู้ซื้อน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจทั้งน้ำมันบริโภคและไบโอดีเซล บริษัทจึงสามารถคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูงมาเพื่อใช้ในการผลิตได้
ลูกค้าของเรามีทั้งพ่อบ้าน แม่บ้าน ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึง พ่อครัว แม่ครัว เชฟ ใน ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม ที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับการปรุงอาหาร รวมถึงกลุ่มร้านค้าปลีก-ส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง และ โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าประเภทต่าง ๆ เช่น นม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไปจนถึงสินค้าส่งออก
การรีแบรนด์ครั้งใหญ่
49 ปี ของธุรกิจ สู่การตัดสินใจปรับโฉมครั้งใหญ่ของบริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักการทำอาหาร มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเข้าครัว ผ่านการออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ และรูปแบบการสื่อสารที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายหลากหลายขึ้น ผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสาน ทั้งช่องทางออฟไลน์ (โทรทัศน์) และออนไลน์ (Facebook, YouTube) เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Y อายุ 25-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานที่มีกำลังซื้อ โดยปรับปรุงทั้งโลโก้ ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สวยงาม และจับถนัดมือ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
Key Success สู่ความสำเร็จ
ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ หรือผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการต่าง ๆ อีกหนึ่งปัจจัย คือการเน้นคุณภาพของสินค้า โดยคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีก่อนถึงมือลูกค้า น้ำมันพืชบริโภคของเรามีมาตรฐานสูง สามารถทอดได้กรอบนาน ไม่มีกลิ่นน้ำมันรบกวนกลิ่นอาหาร
ขณะเดียวกัน ด้านการจัดการบุคลากร ทีมงานของเราได้รับการปลูกฝังให้มีจิตใจรักการบริการ และให้คำแนะนำแก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันปาล์มมีความผันผวนสูง เราจะแนะนำลูกค้าว่า จังหวะไหนที่เหมาะสมในการซื้อสินค้าให้ได้ราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในการบริการ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จมาได้ถึง 49 ปี
แนวคิด ESG ของธุรกิจน้ำมันปาล์มที่มุ่งสู่ความยั่งยืน (Sustainability)
บริษัทมีความมุ่งมั่นในการผลักดันอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปที่ให้ความสำคัญกับการผลิตบนพื้นฐานความยั่งยืน โดยเราให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่
1. โครงการโซลาร์เซลล์
การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ 2.9 ล้านกิโลวัตต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1.7 ล้าน kgCO2eq ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1.2 แสนต้น ถือเป็นการลดต้นทุนการผลิตด้วย
2. โครงการ Biogas Generator
การผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพ จากการกระบวนการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 6 ล้าน kgCO2eq หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 4 แสนต้น
3. การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
การใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เครื่องปั๊มอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ในการผลิต และใช้หลอดไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน และมีประสิทธิภาพสูง
4. การแลกเปลี่ยนความร้อนนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดการใช้พลังงาน
เนื่องจากบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมปาล์มซึ่งต้องใช้พลังงานความร้อนสูง เช่น กระบวนการกลั่นในหอกลั่นซึ่งต้องใช้พลังงานความร้อนสูงถึงกว่า 200 องศาเซลเซียส โดยการการนำความร้อนส่วนเกินจากกระบวนการผลิตมาใช้ในระบบใหม่อีกครั้ง เป็นการแลกเปลี่ยนความร้อนเพื่อลดการใช้พลังงานลง
5. โครงการรีไซเคิลน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่เพื่อลด Water Footprint ขององค์กร
การบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิต เอาไปเวียนใช้ในกระบวนการผลิต
6. การใช้ขวดที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล (rPET)
น้ำมันพืช ตราเกสร เป็นน้ำมันพืชแบรนด์แรกของเมืองไทยที่ใช้ขวดบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) ในการบรรจุน้ำมันพืช ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดที่ผู้บริโภคไว้วางใจได้ ถือเป็นความภูมิใจของบริษัท ซึ่งเป็นการช่วยลดการใช้พลาสติกจากการผลิตขวดใหม่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มาตรฐาน RSPO และแนวทางสู่ความยั่งยืนด้วยแนวคิด ESG
บริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายแรกของไทย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน RSPO สำหรับมาตรฐาน RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ หลักการพื้นฐานของ RSPO มี 3 ประการ ได้แก่
• ไม่บุกรุกทำลายป่า การผลิตน้ำมันปาล์มต้องไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า หรือการเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นสวนปาล์ม
• อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การดำเนินงานต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ
• เคารพสิทธิของแรงงาน การปฏิบัติต่อแรงงาน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น การจ่ายค่าแรงที่เป็นธรรม การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และการเคารพสิทธิในการรวมกลุ่ม
เป้าหมาย คือ การส่งเสริมการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจในระยะยาว และเป็นการตอบรับกับข้อกำหนดเงื่อนไขของลูกค้าปลายทางโดยเฉพาะทางสหภาพยุโรป
คุณต่อพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมทุกมิติตามหลักการดำเนินธุรกิจแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) ทั้งด้านบุคลากร ชุมชน และธรรมาภิบาล โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืน มีจรรยาบรรณธุรกิจ (Code of Conduct) คือ การดูแลพนักงานอย่างดี สร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับชุมชน และส่งเสริมการปลูกปาล์มอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โดยมีการดำเนินงานที่โปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม สร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์ รวมถึงมีส่วนร่วมในการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และได้รับการรับรองมาตรฐานสากลในด้านต่าง ๆ เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน ตลาดโลกมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานความยั่งยืนสูงขึ้น ลูกค้าหลายรายกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดสำหรับซัพพลายเออร์ ซึ่งหากผู้ประกอบการ SME ไม่ปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานเหล่านี้ ก็อาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจได้ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับทุกองค์กร
บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainability) ไม่เพียงแค่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเติบโตในระยะยาว และสร้างความแตกต่างให้กับองค์กร ในอนาคตอันใกล้ การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค การปรับตัวและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจหลีกเลี่ยงไม่ได้
ติดตาม บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด เพิ่มเติมได้ที่