ศึก Delivery ชิงเค้ก 3.5 หมื่นล้านบาท

กรุงเทพมหานคร นับเป็นอีกหนึ่งเมืองหลวงของโลกที่มีการจรจรอัมพาตในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนอันดับต้นๆ ผู้คนไม่อยากนอกบ้านหรือที่อยู่อาศัยเพราะเบื่อหน่ายการจราจรเมืองกรุงติดขัดขยับไปไหนมาไหนแสนลำบาก จึงกลายเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการ “ธุรกิจ ฟู้ด เดลิเวอร์รี่” ทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวกรุงแค่สมัครเป็นสมาชิกและคลิกผ่านแอปพลิเคชั่น เมนูโปรดอยากรับประทานก็เสิร์ฟถึงหน้าบ้านหรือหน้าห้อง ไม่กี่อึดใจ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme 

ปัจจุบันสงครามธุรกิจส่งอาหาร “ฟู้ด เดลิเวอร์” ในเมืองหลวงกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพราะบริษัทต่างชาติและทั้งไทยต่างเปิดแอปพลิเคชั่นจัดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการหวังแย่งส่วนแบ่งตลาดที่บรรดานักวิเคราะห์จากสำนักงานต่างๆประเมินว่ามูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทเนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยฮิตสั่งอาหารเมนูจานโปรดมารับประทานที่บ้านพักหรือที่ออฟฟิศโดนไม่ต้องออกนอกสถานที่เผชิญกับความวุ่นวายจราจรติดขัดในเมืองหลวง

ด้วยพฤติกรรมของกลุ่มบริโภคเปลี่ยนไปสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นสามารถตอบโจทย์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงทำให้ธุรกิจส่งอาหารจานด่วนเกิดขึ้นมากมาย และถือว่าเป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนี้ นอกจากสร้างรายให้กับผู้ประกอบการแอปพลิเคชั่นแล้วร้านอาหารทั่วยังสามารถเพิ่มยอดขายมากกว่า 80%ตลอดทั้งสร้างอาชีพให้กลุ่มขับรถจักรยานยนต์ทั้งยึดเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมตกเดือนละไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับความขยันแต่ละบุคคล

ปัจจุบันแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร เดลิเวอร์รี่ กำลังฮิตครองใจชาวกรุงมีอยู่ 5 แอปพลิเคชั่น ประกอบด้วย Foodpanda,GrabFood , LINE MAN, HappyFresh และGobike  ซึ่งแต่ละแอปพลิเคชั่นต่างอัดแคมเปญในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์ไม่เหมือนกันเพื่อดึงดูดลูกค้าหันมาใช้บริการ

โดยสาเหตุหลักที่ผู้ประกอบการเปิดศึกสงครามแข่งอย่างรุนแรงเนื่องจากต้องการรวบรวมฐานข้อมูลลูกค้า ผู้ประกอบการร้านอาหาร ให้ได้มากที่สุด เมื่อมีฐานลูกค้าได้จำนวนมากนับแสนนับล้านแล้ว เป้าหมายต่อไป คือ การต่อยอดธุรกิจได้หลากหลายแขนงผ่านแอปพลิเคชั่น ตลอดทั้งสามารถเรียกค่าบริการจากผู้ประกอบการร้านอาหารได้อีกทางหนึ่ง โดยช่วงแรกบรรดาผู้ประกอบการแอปพลิเคชั่นยอมขาดทุนไปก่อน

Big 5 Delivery ใครดีก็รอด

มาดูแอพพลิเคชั่น Foodpanda  ก่อกำเนิดที่ประเทศเยอรมนี ซึ่ง บริษัท Delivery Hero เข้าซื้อ Foodpanda ทำให้ทั้งสองบริษัทกลายเป็น Startup ด้าน Food delivery ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ทุกวันนี้ขยายสาขาไปทั่วโลก โดย Foodpanda  เข้ามาเปิดในประเทศไทยเมื่อปี 2555 ถือเป็นเบอร์ 1 ที่มีร้านอาหารอยู่ในฐานข้อมูลมากกว่า 7,000 ปี 2561 และในปี 2562 ตั้งเป้าขยายไม่ต่ำกว่า 1 แสนร้านค้าของมูลค่าการสั่งออร์เดอร์ของลูกค้า เมนูที่ลูกค้าไทยนิยมคือ พิซซ่า เบอร์เกอร์ แล้วก็เมนูไก่ อย่างบอนชอน ทั้งแบบจ่ายเงินสดเก็บปลายทาง

สัดส่วนของพื้นที่ ที่ใช้บริการ Foodpanda  อันดับ 1 คือ ย่านสุขุมวิท มากถึง 15%  อันดับ 2 อโศก อยู่ที่ 8%  อันดับ 3 สาทร อันดับ 4 ทองหล่อ และ อันดับ 5 พระโขนง

จะเห็นว่าย่านที่ใช้บริการเป็นหลักคือสุขุมวิท ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ มีสำนักงาน บริษัท คอนโด รวมถึงแหล่งชุมชนอยู่มากเลยเป็นที่นิยม เพราะไม่อยากออกไปรถติดบนท้องถนนและเบื่อที่จะต้องไปรอคิวนานๆตามร้านอาหาร

Foodpanda ถือว่าต้นตำหรับบริการส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นรายแรกของไทย หลังจากนั้นคู่แข่งมีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมายแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด เช่น GrabFood ในเครือของแกร็บ (Grab) เป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ ผู้ให้บริการเรียกรถ ปัจจุบันขยายสาขา 4 ประเทศ ประกอบด้วยเวียดนาม, เมียนมา, กัมพูชา และ ไทย

สำหรับไทย GrabFood  เข้ามาเปิดให้บริการในปี 2561 ทุกวันนี้มีฐานข้อมูลร้านอาหารในกทม.มากกว่า 4,000 ร้าน  ขณะที่ LINE MAN ถือกำเนินเกิดขึ้นภายใต้ทีมงานของ LINE ประเทศไทย ไม่ได้เป็นบริการที่มาจากบริษัทแม่ ถือเป็นการบริการที่คนไทยคิดเพื่อคนไทยขนานแท้เปิดบริการในไทยเมื่อปี 2561 มีร้านอาหารในเครือ Wongnai กว่า 40,000 แต่มีร้านค้าเข้ามาใช้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นแล้วกว่า 1,000 ราย

ส่วน HappyFresh ยักษ์ใหญ่ผู้ให้แพลตฟอร์มซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ประเทศอินโดนีเซีย ที่สาขา 3 แห่งในอาเซียน คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย โดยเข้ามาเปิดบริการในไทยเมื่อปี 2559 ทุกวันนี้มีรายการสินค้ามากกว่า 300,000 รายการ เช่นเดียวกับ goBIKE สัญชาติไทยที่ให้บริการทั้งส่งอาหารและพัสดุเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2559

ว่ากันว่าช่วงที่ผ่านมาจัดโปรฯ ทำแคมเปญและทุ่มโฆษณากันเดือด และเป็นไปได้มากว่างานนี้ ใครเงินหมดก่อนแพ้แน่นอน 

ชาญวุฒิ ลือชัยสิทธิ์ ผู้อำนวยการการตลาดและสื่อสารองค์กร LINE ประเทศไทย  กล่าววา ปีนี้ในภาพรวมทุกบริการเพิ่มขึ้นของยอดการใช้บริการ 300% และมีผู้ใช้บริการ 1.5 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งบริการที่เติบโตดี จนถือเป็น Growth Engine คือ LINE MAN Food โต 250% และ LINE MAN Taxi โต 330% เนื่องจากบริการจัดส่งอาหาร ได้เพิ่มความหลากหลายของร้านอาหาร บวกกับความสะดวก

การทำธุรกิจ LINE MAN ไม่สามารถเติบโตคนเดียวได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีพันธมิตรแต่ละกลุ่มบริการเข้าร่วม อย่างบริการสั่งอาหาร ปัจจุบัน LINE MAN มีกว่า 40,000 ร้านค้า มากกว่า 80% เป็นร้านสตรีทฟู้ด และจับมือกับ “วงใน” ซึ่งเป็นออนไลน์รีวิว อาหารรายใหญ่ในไทย ที่โดดเด่นด้านอาหารการกิน เพื่อแนะนำว่าวันนี้ มื้อนี้ จะรับประทานอะไรดีจากร้านอาหารมากมายที่อยู่บนแพลตฟอร์ม LINE MAN 

เจรกอร์ช ซากาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้เฟรช ประเทศไทย  บอกว่า HappyFresh มีรายการสินค้ามากกว่า 300,000 รายการ รวมถึงร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าชั้นนำมากกว่า 278 แห่ง และมีการให้บริการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าไปแล้วรวมมากกว่า6,339,650 กิโลเมตร พร้อมบริการถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมงถัดไป หรือตามเวลาที่ลูกค้าสะดวก อีกทั้งยังมีพาร์ตเนอร์ถึง 92 ราย อาทิเช่น กูร์เมต์ มาร์เก็ต, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี และอื่นๆ และจำนวนพนักงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการช่วยคัดสรรสินค้าคุณภาพดีกว่า 1,000 คน

อัฏฐพล  สิทธิชัยอารีกิจ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งแอปพลิเคชั่น goBIKE บอกว่า ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่จับมือกับพันธมิตร้านสะดวกแฟมิลี่ มาร์ท ยังได้ร่วมกับผู้ประกอบการร้านอาหารหลาย 100 แห่งบริการส่งสินค้าทั่วกรุงเทพฯมีค่าบริการเริ่มต้น 50 บาท และยังได้ร่วมสมาคมฯ วินมอเตอร์ไซค์บริการรับส่งผู้โดยสารทั่ว กทมฯ ผ่านแอปพลิเคชั่น goBIKE  ทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดไม่ทิ้งผู้โดยสารกลางทาง และมีการเพิ่มรายได้ให้กับวินมอเตอร์ไซค์

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเมื่อดูที่ราคาเริ่มต้นแล้ว GrabFood  ให้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มีค่าบริการเริ่มต้นที่ต่ำที่สุดเมือบกับ Foodpanda  และ LINEMAN  โดย GrabFood ชูบริการเน้นทำได้ดีกว่าคู่แข่ง ทั้งในด้านความเร็วและค่าบริการที่เร็วกว่าถูกกว่า

แต่ในอนาคต ธรินทร์ ธนียวัน  กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เชื่อว่าการบริการส่งอาหารจะสร้างรายได้หลักให้กับบริษัทต่อจากบริการเรียกรถส่งคน เพราะธุรกิจส่งอาหารตลาดเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดมูลค่าธุรกิจ "ฟู้ด เดลิเวรี" ปี262 พุ่งแตะ 35,000 ล้านบาท ผลจากการแข่งขันของแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเพิ่มขีดสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่คาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าทางการตลาดเติบโตต่อเนื่องราว 14% จากปีก่อน และคิดเป็น 8% ของมูลค่าธุรกิจร้านอาหารของประเทศไทยในปี 2562 ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนจากการแข่งขันของแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร

ธุรกิจเดลิเวอรี่กลายเป็นธุรกิจดาวเด่นที่กล้าเผชิญหน้าในโลกยุค Disruption แม้ว่าเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่หากทำได้ก็หมายถึงสามารถเข้าแย่งส่วนแบ่งตลาดที่มีมูลค่า 35,000 ล้านบาทได้เลยทีเดียว         

จบศึก Food Delivery ชัยชนะของ Uber

‘Food Delivery’...จะสำเร็จต้องมีกลยุทธ์