ธุรกิจการจัดส่งอาหาร
หรือ ฟู้ด เดลิเวอรี่ (Food Delivery) มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องประมาณ
10% ต่อปี
ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมความสะดวกสบาย
และยิ่งสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไปรับประทานอาหารนอกบ้าน
ทั้งนี้ ประมาณการณ์ว่าธุรกิจฟู้ด เดลิเวอรี่ในประเทศไทยจะมีมูลค่าประมาณ 33,000 – 35,000 ล้านบาท ในปี 2562 นี้ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% ที่สำคัญมีจำนวนผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ทั้ง Line Man, Food Panda ,Grab Food และ Get เพื่อเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทในประเทศไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
กลุ่มผู้ใช้บริการฟู้ด เดลิเวอรี่ มีตั้งแต่
Gen x ไปจนถึงกลุ่ม Millennial และส่วนมากเป็นผู้หญิง
ซึ่งมีแนวโน้มในการจับจ่ายในเรื่องของอาหารมากกว่าผู้ชาย จากรายงานของ McKinsey & Company เปิดเผยว่า
จากตัวเลขการสั่งอาหารทั้งหมด มีจำนวนถึง 84% เป็นการสั่งอาหารไปส่งที่บ้าน
อีก 16% ส่งไปที่ทำงาน ด้านกลุ่มลูกค้าก็มีหลากหลายทั้งคนที่มีครอบครัวแล้วและคนโสด
ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากกลุ่มลูกค้าของธุรกิจประเภทอื่นๆ
ที่มีการกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จากฐานข้อมูลของ LINE MAN พบว่า
ภาพรวมของออร์เดอร์เดลิเวอรีในปี
พ.ศ. 2561โตขึ้น 3 เท่า มีร้านอาหารและสตรีทฟู้ดจากทั่วกรุงเทพฯ เข้าร่วมกว่า
40,000 ร้าน ซึ่งเข้ามาช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรี
รวมถึงเป็นประโยชน์แก่เจ้าของร้านอาหารที่ประสบปัญหาในเรื่องของสถานที่และทุนทรัพย์ในการเปิดร้านอาหาร
ช่องทางเดลิเวอรีเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี
เห็นได้จากความสำเร็จของร้าน KINZA GYOZA ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 100 เท่า
ที่ผ่านมา
มีผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร (Food Delivery Application) เกิดขึ้นหลายราย
ซึ่งเป็นพัฒนาการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป
และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่ของธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะบริการจัดส่งอาหาร
หรือ ฟู้ด ดิลิเวอรี่ ได้เติบโตสูงมาก และเป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก
ร้านค้าริมทางให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
รายงานมาตรฐานอุตสาหกรรมฉบับล่าสุดของ CleverTap เปิดเผยว่าผู้ใช้ถึง 86% หยุดใช้แอปสั่งอาหารเดลิเวอรีภายในสองสัปดาห์แรก
CleverTap
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารวงจรชีวิตลูกค้าที่เป็นบริษัทกว่า
8,000 แห่งทั่วโลก ได้ทำการวิเคราะห์ข้อความกว่า 3 พันล้านข้อความผ่านแอปสั่งอาหารเดลิเวอรีทั่วโลก
พบว่า นักการตลาดต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการชิงส่วนแบ่งตลาดมูลค่า 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากผลสำรวจ
พบว่า ปัจจุบัน 6
ใน 10 ของการสั่งอาหารผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นการสั่งทางแอปมือถือ
แอปสั่งอาหารเดลิเวอรีต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการดึงดูดและรักษาฐานผู้ใช้งานใหม่
ในด้านต่าง ๆ ดังนี้
-
การลงทะเบียนใช้งาน: มีผู้ใช้งานเพียง 25% ที่ลงทะเบียนใช้งานเสร็จสมบูรณ์หลังเปิดใช้แอปครั้งแรก
-
การรักษาฐานผู้ใช้งาน:
มีผู้ใช้งานใหม่เพียง 22%
ที่ยังใช้งานอยู่หลังผ่านสัปดาห์แรกไปแล้ว
-
การเลิกใช้งาน:
ผู้ใช้งานใหม่มากถึง 86%
หยุดใช้งานแอปภายใน
2 สัปดาห์หลังใช้งานครั้งแรก
-
การถอนการติดตั้ง:
ผู้ใช้งานใหม่ 54% ถอนการติดตั้งแอปภายใน 1 เดือน
จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า
แม้ตลาดการสั่งอาหารเดลิเวอรีกำลังเฟื่องฟู
เพราะสะดวกสบายสำหรับชีวิตที่วุ่นวายในทุกวันนี้ แต่ออย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
แอปสั่งอาหารเดลิเวอรีมีผู้เข้าใช้งานต่ำมาก
การลดอัตราการเลิกใช้งานและการรักษาฐานผู้ใช้งานจึงเป็นความท้าทายอยู่ตลอดเวลา
กุญแจสำคัญในการดึงดูดลูกค้าคือการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างในทุกๆช่วงของวงจรชีวิตลูกค้า การนำเสนอสิ่งที่มีค่าพอให้ผู้ใช้ยอมลงทะเบียนใช้งานเป็นเพียงความท้าทายแรก คุณต้องให้สิ่งตอบแทนเพื่อจูงใจให้ลูกค้าใช้แอปและทำธุรกรรมซ้ำ "ณ ช่วงเวลานั้นๆ"
แนวโน้มธุรกิจฟู้ด เดลิเวอรี่ยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันด้วยการแข่งขันที่รุนแรง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจร้นอาหาร คือคุณภาพ รสชาติของอาหาร รวมทั้งการบริการ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นช่องทางแบบเดิม หรือ ช่องทางแบบใหม่ผ่านแอปพลิเคชั่น หัวใจสำคัญทั้ง 3 ประการ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ