ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร
ด้วยเหตุนี้จึงมีการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรมมาผนวกกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร
เพื่อยกระดับอาหารของไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานสากล ด้านการตรวจสอบย้อนกลับและเป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้า
เพื่อเพิ่มมูลค่าในระบบนวัตกรรมอาหารอย่างครบวงจร
และเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวของอุตสาหกรรมให้เป็นดิจิทัล (Digital Transformation)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

1.สนามทดลอง (Test Bed)
สนามทดลองและสาธิตการใช้งาน IoT ในห่วงโซ่อุปทานอาหารถือเป็นสิ่งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้มีสถานที่ทดสอบและทดลองใช้
IoT อย่างเป็นระบบและครบวงจรตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานอาหารตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงจุดการจัดวางเพื่อซื้อ-ขาย
เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในแต่ละขั้นตอนแบบ Real-Time การสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบต่างๆ
ได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว
รวมถึงเพื่อประเมินปัญหาตลอดจนความน่าเชื่อถือของระบบ
สำหรับสนามทดลองนี้ครอบคลุมทั้ง 6 ขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร ได้แก่
- การพัฒนาการเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) คือ รูปแบบการเกษตรที่นำเทคโนโลยี IoT เซ็นเซอร์ ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาติดตั้งบนแปลงทดลอง เพื่อตรวจวัด
ควบคุม และเก็บข้อมูลที่เป็นปัจจัยต่อการเจริญเติบโต เช่น อุณหภูมิ แสงแดด แรงลม
ปริมาณ นํ้าฝน สารอาหาร ความชื้นในอากาศ พร้อมนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาต่อยอดเป็นองค์ความรู้ใหม่ในการวางแผนให้พร้อมรับมือ
และแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที
ทำให้สามารถคำนวณวันเก็บเกี่ยวผลผลิต อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ
และเฝ้าระวังความเสี่ยงในการเกิดโรค
อีกทั้งเกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- การพัฒนาการเก็บเกี่ยวและบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Harvest and Packaging) คือ การใช้เทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดการใช้แรงงานคน
ช่วยเก็บรักษาให้ผลผลิตยังคงสดและใหม่
ส่วนบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะผู้ผลิตสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ
เกี่ยวกับสินค้าลงไปช่วยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า
ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของวัตถุดิบ ข้อมูลอายุการใช้งาน และการเก็บรักษา สารประกอบที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ วันหมดอายุ
หรือข้อมูลอัพเดทอื่น ๆ ที่สำคัญ
รวมถึงยังสามารถติดตามตรวจสอบสินค้าระหว่างการขนส่งไปจนถึงมือผู้บริโภค
นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์และฉลากอัจฉริยะกลายเป็นเครื่องมือป้องกันการปลอมแปลงสินค้า
ปัญหาการปนเปื้อนสินค้า การขโมยสินค้า ทั้งยังเป็นตัวช่วยยืดอายุสินค้า
ให้กับธุรกิจอาหาร และบรรจุภัณฑ์
- การพัฒนาด้านหุ่นยนต์เพื่อการเก็บเกี่ยวและบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะสำหรับผลไม้ (Fruit Harvesting Robot and Smart
Packaging) หุ่นยนต์เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นสำหรับการทดแทนแรงงาน
ซึ่งสามารถช่วยในการควบคุมงบประมาณได้เป็นอย่างดี เพิ่มความแม่นยำของการทำงาน
การเก็บเกี่ยวผลไม้โดยใช้หุ่นยนต์จะสามารถแยกผลไม้สุกและดิบ
จากนั้นจึงคัดแยกผลไม้ตามคุณภาพและระดับความสุกบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ
ดังนั้นการพัฒนาด้านหุ่นยนต์เพื่อการเก็บเกี่ยวผลไม้จึงช่วยทำงานทดแทนแรงงานมนุษย์
และส่งผ่านข้อมูลสำหรับตรวจสอบได้อย่างดีทีเดียว
- การพัฒนาโรงงานต้นแบบอัตโนมัติ (Automatic Pilot Plant) รวบรวมและส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตของการเลี้ยงกุ้ง/ปลา โคนม และ
ผลไม้ โดยการควบคุมคุณภาพแบบระบบอัตโนมัติเพื่อประมวลข้อมูลที่ได้
การสร้างระบบที่มีเซนเซอร์ตรวจจับอย่างใกล้ชิดและละเอียดในทุกขั้นตอนการผลิตอาหารถือเป็นสิ่งจำเป็น
เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครื่องจักรต่างๆ และบริหารจัดการการผลิตแบบ Real-time
มีระบบเฝ้าติดตามสถานะของอุปกรณ์ต่างๆ จากระยะไกลในโรงงาน
เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและปฏิบัติการ ช่วยให้การผลิตมีความแม่นยำ
ลดการสูญเสีย และการบริหารการผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นำไปสู่การใช้ข้อมูลการผลิตมาพัฒนาสินค้าใหม่ หรือสร้างสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น
- การพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Logistic) สามารถทำให้วางแผนปฏิบัติและควบคุมการไหลและการจัดเก็บของสินค้าบริการและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ
มีความรวดเร็วในการขนส่งอย่างถูกต้องแม่นยำ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลา
การติดตามวัตถุดิบได้ Real-time ส่งผลให้บริหารจัดการคลังสินค้าลดระดับสินค้าคงคลัง
เพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์จากปริมาตรในคลังสินค้า ลดค่าแรงงานในการบริหารโลจิสติกส์
ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการให้บริการแก่ลูกค้า
เป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะได้เชื่อมโยงการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์ฯ
ที่ตั้งอยู่ใน EECi ในส่วนกับเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างยานยนต์กับสิ่งอื่น
(Connected Vehicle Technology) การสื่อสารสิ่งของจากในรถบรรทุกเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
เพื่อพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยียานยนต์ยุคหน้าที่ไร้คนขับเข้ากับระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะนี้
- การพัฒนาต้นแบบคลังสินค้าและร้านขายปลีกอัจฉริยะ (Smart Warehouse and Retail) คลังสินค้าอัจฉริยะช่วยให้สามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายจัดเก็บสินค้าภายในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพสูงที่สุด
โดยจัดเก็บสินค้าคงคลังให้น้อยลง และให้มีอัตราการหมุนเวียนสินค้าสูง
ช่วยลดมีความสลับซับซ้อนยุ่งยากและมีโอกาสที่จะผิดพลาดได้สูงจากการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบเดิมๆ
ช่วยเพิ่มความเชื่อถือด้านความปลอดภัยในบุคลากรและสินทรัพย์
นำมาซึ่งความตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
ร้านขายปลีกอัจฉริยะเป็นร้านค้าปลีกที่ช่วยทดลองขายสินค้าที่ได้
โดยมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการบริหารจัดการ stock
สินค้า การชำระเงิน
สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคโดยทำการปรับเปลี่ยนวิธีการขายในรูปแบบใหม่
ทำให้เลือกซื้อของได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องต่อคิว
ไม่ต้องจ่ายเงินกับพนักงาน
การใช้เทคโนโลยีร้านค้าอัจฉริยะเข้ามาช่วยสามารถสร้างความพึงพอใจในการบริการได้มากยิ่งขึ้น
ลูกค้าสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังกระบวนการผลิตสินค้าทุกชนิดได้ ทั้งสามารถประเมินและตัดสินใจบริหารจัดการสต็อคสินค้าให้สอดคล้องกับฤดูและเทศกาล
รวมถึงประเมินยอดขายแต่ละผลิตภัณฑ์ได้ง่ายมากขึ้น
อีกทั้งยังมีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในพัฒนาสินค้าต่อไป
- การพัฒนาการรวมระบบและการทดสอบการใช้งาน (System Integration and Demonstration) System Integration เป็นส่วนสำคัญในเลือกอุปกรณ์หลัก ออกแบบ ติดตั้งระบบเขียนโปรแกรมและจัดขั้นตอนการทำงานของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เพื่อให้ระบบใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง รวมถึงมีการทดสอบการใช้งานแก้ไขการใช้งานได้
2.ศูนย์ควบคุมสั่งการและศูนย์ข้อมูล (Intelligent Operating Command (IOC) and Data Center)
ศูนย์ควบคุมสั่งการ
ทำหน้าที่การประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big
Data) กลั่นกรอง
และคัดเลือกข้อมูลที่มีความสำคัญที่เก็บรักษาไว้ในศูนย์ข้อมูล
เพื่อช่วยในการบริหารจัดการ testbed
โดยให้ IoT ประมวลผลข้อมูลในบริบทของตน
การทำงานของศูนย์ควบคุมสั่งการจำเป็นต้องอาศัยการทำงานของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงาน
(Middleware) ระหว่าง application และ network
อีกทั้ง ช่วยส่งข้อมูลที่ต้องการ privacy protection และสร้างความเสถียรภาพ ให้ระบบพร้อมรองรับข้อมูลตลอดเวลา
นอกจากนี้การทำงานของศูนย์ควบคุมสั่งการยังอาศัยปัญญาประดิษฐ์
Artificial Intelligence (AI) ที่พัฒนาจากเทคนิคการประมวลผลแบบ
Machine Learning หรือ Deep Learning เพื่อการเรียนรู้สร้างระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ
การเชื่อมต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องจักร ข้อมูล และมนุษย์
ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำสูง
ช่วยวิเคราะห์เทรนด์การซื้อขาย พฤติกรรมผู้บริโภค และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย
สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างทันที
ศูนย์ข้อมูล เป็นฐานข้อมูลที่สนับสนุนการบริหารจัดเก็บข้อมูลทั้งหลาย ที่ได้จากเทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพสิ่งรับรู้ข้อมูลในบริบทที่เกี่ยวข้อง เช่น เซนเซอร์ และข้อมูลจากเทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพสิ่งมีความสามารถในการสื่อสาร ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้อาจจะอยู่ในรูปแบบของภาพที่ได้จากดาวเทียม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้อมูลจำนวนมหาศาล และมีรูปแบบที่หลายหลายที่ได้มาจาก Testbed ศูนย์ข้อมูลจึงต้องการพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล (Data Storage) ที่มากพอ มีความปลอดภัยสูง (Block chain) ระบบ Private Cloud ซึ่งช่วยบริหารจัดการข้อมูลได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการคัดกรองข้อมูลที่มีคุณค่าหรือมีประโยชน์กับการทำงานต้องอาศัยคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง High Performance Computing (HPC) สำหรับปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยทำการประมวลผล สมการทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน เพื่อให้ได้โมเดลสำหรับการบริหารจัดการหรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวดเร็ว แม่นยำขึ้น
ทั้งหมดนี้ คือโครงการที่ภาครัฐวาดหวังต่ออุตสาหกรรมอาหารของประเทศ ภายใต้การเกิดขึ้นของโครงการ EECi และ Food Innopolis ที่เป็นศูนย์รวมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารที่ครบวงจร ซึ่งจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านผู้ผลิตอาหารของโลกได้อย่างมั่นคง