เมื่อบิ๊กเพลเยอร์ “ชูกำลัง” โดดรับเทรนด์สุขภาพหลังโควิด-19
การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปฏิกิริยาเร่งชั้นดีในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจอย่างจริงจัง
กับการเลือกบริโภคเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นโอกาสครั้งสำคัญของกลุ่มเครื่องดื่มโดยเฉพาะตลาดที่ถึงจุด
“อิ่มตัว” อย่างเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งที่ผ่านมาทุกแบรนด์ต่างให้ความสำคัญกับการขยายฐานเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุด 3 แบรนด์หลักได้เข้าปักในตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอล
ช็อตที่มีส่วนผสมของวิตามินซีไปเป็นที่เรียบร้อย
คาดดีมานด์เครื่องดื่มวิตามิน ซี พุ่ง47%
ตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีในปี
2563 มีประมาณการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 1,375 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวถึง 47% ขณะที่ไตรมาสแรกของปีขยายได้ถึง 16.1%
โดยมีปัจจัยด้านพฤติกรรมผู้บริโภคเข้ามาสนับสนุนโดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
ผู้บริโภคจะหันมาเลือกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ซึ่งวิตามินซีจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดี
เนื่องจากมีผู้บริโภคโดยทั่วไปรับรู้ถึงสรรพคุณเป็นอย่างดี
โดยวิตามินซีมีคุณสมบัติเป็น Health Benefit
Solution สามารถบริโภคได้ทุกวัน ให้ประโยชน์ทั้งในแง่การสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
ช่วยในเรื่องการสร้างเนื้อเยื่อคลอลาเจนในชั้นผิวและมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณขาวใส
เหล่านี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างชัดเจน ทั้งด้านสุขภาพและความสวยความงาม
รวมถึงรสชาติเปรี้ยวอมหวานดื่มง่าย หาซื้อสะดวก ราคาไม่สูง
สำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอล ช็อตที่มีส่วนผสมวิตามินซีนั้นมีบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) นำแบรนด์ซี-วิตออกมาปูทางในตลาดมากว่า
5 ปี และเป็นผู้นำด้วยมาร์เก็ตแชร์กว่า 70% มีผลให้ซี-วิตได้เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลโดยรวมด้วยส่วนแบ่งตลาด
26% ในปี 2562
ขณะที่คู่แข่งขันซึ่งตามอยู่ห่างๆ
มี “ดับเบิ้ลซี” แบรนด์จากบริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด และวิตอะเดย์ในเครือเจนเนอรัล
เบฟเวอร์เรจ เป็นแบรนด์รองในตลาด จึงเป็นตลาดที่มีคู่แข่งขันน้อยราย จึงมีโอกาสที่แบรนด์ใหม่จะเข้ามาจู่โจมได้ง่าย
วู้ดดี้ ซี ล็อค – ไฮ่ เปิดศึกชิงเครื่องดื่มวิตามินซี ช็อต
อย่างไรก็ตามในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ได้มีแบรนด์ใหม่ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มผสมวิตมินซีถึง 2 แบรนด์คือ “วู้ดดี้ ซี ล็อค”
จากกลุ่มทุนเครือข่ายคาราบาวแดงและ “ไฮ่” โดยกลุ่มธุรกิจ ทีซีพี (TCP) เจ้าของแบรนด์กระทิงแดง
ที่ต่างอยู่ในระดับบิ๊กเพลย์เยอร์ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีสรรพกำลังด้านการเงินทุนและการกระจายสินค้าครบมือ
สำหรับวู้ดดี้
ซี ล็อค เป็นแบรนด์ที่ร่วมกันพัฒนาระหว่าง เสถียร เศรษฐสิทธิ์
ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเพื่อนกับวุฒิธร
มิลินทจินดา หรือ “วู้ดดี้” พิธีกรรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จสูง กับจัดตั้งบริษัท
เอ วู้ดดี้ ดริงค์ จำกัด โดยครั้งนี้เป็นการขยายฐานธุรกิจลักษณะส่วนตัวอีกครั้งหนึ่งของเสถียร
จากที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าลงทุนในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส
ซึ่งปัจจุบันมีสาขา 665 แห่ง
สำหรับกลยุทธ์การตลาดของวู้ดดี้
ซี ล็อค เลือกที่จะสร้างแบรนด์ผ่านใช้โมเดลเดียวกับเมื่อครั้งนำคาราบาวแดงออกสู่ตลาดคือ Influencer Marketing ซึ่งครั้งนี้วู้ดดี้จะมีบทบาทในฐานะพรีเซ็นเตอร์
รวมถึงการเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่จะสร้างการรับรู้และจดจำในตราสินค้า โดยขณะนี้อินสตราแกรมของวู้ดดี้มียอดผู้ติดตามราว
1.6 ล้าน นอกจากนี้จะใช้ช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นเข้ามาสร้างพลัง
เช่น Tik Tok โดยวางกำหนดงบประมาณด้านการตลาดสำหรับสร้างแบรนด์
วู้ดดี้ ซี ล็อค ไว้ 200 ล้านบาท
วู้ดดี้
ซี ล็อค เลือกที่จะชูจุดขายด้านผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างอย่างชัดเจน ผ่านการใช้นวัตกรรม
C+ Lock ที่จะช่วยคงคุณค่าวิตามินซีในขวดไม่ให้สลายไปจากการโดนแสงแดด
ด้วยการใช้ขวดสีเขียวและนำระบบการใช้ก๊าซไนโตรเจนและระบบฝาล็อคชนิดพิเศษเพื่อล็อควิตามินให้คงคุณค่าไว้สูงสุด
สำหรับการกระจายสินค้านั้นถือเป็นความเปรียบของวู้ดดี้ ซี
ล็อคที่สามารถใช้ศักยภาพของคาราบาวกรุ๊ป
ซึ่งมีศักยภาพสูงจากการที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกได้กว่า 180,000 แห่งทั่วประเทศ
ขณะที่แบรนด์
“ไฮ่ ซึ่งวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไว้ที่การเป็น
“เครื่องดื่มวิตามินซีสไตล์ญี่ปุ่น” เลือกที่จะโฟกัสการทำตลาดผ่านการชูประโยชน์ของวิตามินซีไปที่ด้านความสวยงาม
ขณะเดียวกันได้พัฒนาให้มีรสชาติอร่อยมากขึ้น ด้วยสัดส่วนของน้ำผลไม้แท้สูงถึง 22% โดย “ไฮ่” ให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นหญิง
ด้วยแนวคิด “ให้ผิวสวยใส บลิ้งค์ไบรท์ได้ทุกวัน” และได้เลือกนักแสดงวัยรุ่นอย่าง
ดริสา การพจน์ และพริมโรส จินดาวนิช เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และใช้วิธีจัดกิจกรรมการตลาดครั้งแรก
“ค้นหาสาว Hi!” ผ่านสื่อออนไลน์เข้ามากระตุ้นการรับรู้
ครั้งนี้ถือเป็นการรุกตลาดเครื่องดื่มสำหรับผู้หญิงของกลุ่มธุรกิจทีซีพีอีกขั้นหนึ่ง
จากที่ประสบผลสำเร็จจากการทำตลาดเครื่องดื่มเรดดี้ซึ่งจับกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน
แต่ละครั้งนี้จะขยายมาสู่กลุ่มเด็กสาววัยรุ่น เมื่อบวกกับศักยภาพในการกระจายสินค้าผ่านบริษัทในเครืออย่างบริษัท
เดอเบล จำกัด ไฮ่ น่าจะเป็นคู่แข่งขันที่น่าจับมองมากขึ้น
แม้ว่าจะไม่มีวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นเช่นเดียวกับคู่แข่งขันก็ตาม
C- vitt เร่งปูพรมยึด Mass market
สำหรับซี-วิต
ซึ่งมีตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีแบบชอต โดยโอสถสภาร่วมกับ เฮ้าส์
ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งตั้ง บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์
จำกัด เพื่อวิจัยและพัฒนาเครื่องดื่มวิตามินซี 200% ภายใต้แบรนด์ “ซี-วิต” โดยปูทางตลาดมากว่า
8 ปี และปัจจุบันถือเป็นสินค้าเรือธงของโอสถสภาซึ่งในปี
2562 มีระดับรายได้เติบขึ้นได้ถึง 46.1%
สำหรับกลยุทธ์หลักในช่วงแรกซี-วิต
ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ผ่านการใช้พรีเซ็นเตอร์ โดยในจากปี 2561-2562 เลือกเบลล่า-ราณี เข้ามาทำหน้าที่ในการขยายการรับรู้สู่ตลาดระดับแมส
ขณะเดียวกันได้ทำการขยายกําลังการผลิต และเพิ่มความหลากหลายด้านบรรจุภัณฑ์ด้วยการเพิ่มแบบกล่อง
จากที่มีเฉพาะแบบขวดซึ่งยังมีจุดอ่อนด้านภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนเครื่องดื่มเบเนฟิตกึ่งๆ
ยา เป็นทางการ เคร่งขรึม ขณะที่แบบกล่องจะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ดูสดใส
เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือจะช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจําหน่ายในโรงเรียนและการบริโภคในครัวเรือนได้ดีขึ้น
ล่าสุดได้ส่งซี-วิต เนื้อเจลลี่วิตามินซี 200% ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกมากขึ้นด้วยบรรจุภัณฑ์แบบซองสีสดใสทันสมัย ขนาด 150 กรัม ด้วยแนวคิด “อยากสดชื่น อยากสดใส อยากรองท้องเมื่อไหร่ก็จัดไป” ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่าซี-วิต กำลังให้ความสำคัญกับการเข้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น ไปสู่กลุ่มเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ จากเดิมที่จะโฟกัสกลุ่มผู้หญิง อายุ 20-30 ปี เป็นหลัก
เครดิตภาพ : Facebook Woody C+ Lock
Facebook C-vitt