Deeco นวัตกรรมยางพาราสู่ ‘รองเท้าโค’ ลดการเจ็บกีบเท้าเจาะตลาดฟาร์มโคนม
Startup โมเดลธุรกิจที่เกิดจากแนวคิดเพื่อแก้ปัญหา
หรือความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในสังคม
หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่มุ่งตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านโดยใช้เทคโนโลยี
นวัตกรรม และงานวิจัยเพื่อแก้ Pain Point ในสังคม หนึ่งในนั้นคือ บริษัท จีฟินน์
รับเบอร์เทค จำกัด Startup
ผู้พัฒนารองเท้าโค แบรนด์ Deeco จากยางพารา
ซึ่งมองว่า ภาคใต้ของไทยผลิตยางพาราแต่ขายเป็นวัตถุดิบในราคาต่ำ การต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยาพาราจึงริเริ่มขึ้น
แต่นั่นก็ไม่ใช่โมเดลแรกที่
คุณณัฐวี บัวแก้ว ผู้บริหารของบริษัท จีฟินน์ รับเบอร์เทค จำกัด
คิดค้นขึ้น โดยบอกว่า ผลิตภัณฑ์แรกที่นำยางพารามาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มคือ ‘ถุงเพาะชำรักษ์โลก’ ซึ่งย่อยสลายได้ ภายใต้แบรนด์ ‘Greensery’ ที่สามารถดูดซับน้ำได้ และมีสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับพืช
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาไปสู่สเต็ปต่อไป
คือการพัฒนาให้เกิดความคุ้มค่าทั้งในแง่ของต้นทุน และผลกำไร
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

เขาบอกอีกว่า
ถุงเพาะชำของเขาแทนที่จะย่อยสลายไปเองแล้ว แต่ยังแปลงเป็นปุ๋ยสำหรับพืชได้ด้วย
แต่เนื่องจากสเกลนี้ตลาดยังไม่ใหญ่มาก และต้นทุนยังถือว่าสูง
เลยหันไปพัฒนาโมลเดลที่ 2 ซึ่งก็คือ รองเท้าโคแบรนด์ Deeco ที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ เป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่สัตว์แพทย์ใช้ใส่ให้กับโคนมเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บที่กีบเท้า
ช่วยแก้ปัญหาในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของโคนม เนื่องจากสวมใส่ได้ง่าย
สามารถกระจายแรงกดได้ดี เหมาะกับการใช้งานบนพื้นแข็ง ถอดออกทำความสะอาดได้สะดวก
นำกลับมาใช้ซ้ำได้
จากวัวชน
สู่รองเท้าโคนม
จาก
Pain Point ยางพาราสู่โมลเดลรองเท้าโค เกิดจากการสังเกตว่า
คนในพื้นที่ทางภาคใต้เลี้ยง ‘วัวชน’ กันมาก โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ที่สำคัญราคาสูง
ขณะที่เวลานำวัวไปวิ่งเพื่ออกกำลังกาย จะต้องใส่รองเท้าที่ทำจากยาง เพื่อลดการกระแทก
และบาดเจ็บกีบเท้า จึงเกิดแนวคิดทำรองเท้าโคแต่เมื่อศึกษาตลาดทั้งประเทศ
จึงตกผลึกที่ ‘รองเท้าโคนม’ ซึ่งตลาดมีความต้องการมากกว่า
ทั้งส่วนใหญ่ยังต้องนำเข้ารองเท้าโคจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพง
โดยทั่วไป โคนมก็จะมีอาการบาดเจ็บกีบเท้าเช่นกัน และเมื่อมีการบาดเจ็บที่กีดเท้าจะทำให้ความสามารถในการให้น้ำนมหายไปมากถึง
65% และส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา
โดยในประเทศไทยนั้นนิยมที่จะใช้รองเท้าโคมนมที่ทำจากไม้
ซึ่งจุดด้อยคือการกระจายน้ำหนักทำได้ไม่ดี ความยุ่งยากในการใช้งาน
และใช้งานได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำมากลับมาใช้ซ้ำได้ เราจึงเริ่มพัฒนารองเท้าโคมนมจากยางพาราร่วมกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
(มอ.)
“ประเทศไทยมีฟาร์มโคนมประมาณ 18,000 ฟาร์ม
เราตั้งจะทำให้สินค้าของเราเข้าถึงและให้ฟาร์มในไทยได้ใช้ สินค้าเราดีอยู่แล้ว
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วผมมั่นใจว่าสินค้าของผมคุณภาพสู้ต่างประเทศได้”
นอกจากเรื่องของคุณภาพซึ่งไม่ได้แพ้รองเท้าโคนมที่นำเข้าจากต่างประเทศคือเรื่องของราคา
รองเท้าโคนมที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นมีราคาที่ข้างละ 1,500 บาท แต่รองเท้าโคนม Deeco ขายอยู่ที่ราคาข้างละ 350 บาท
ซึ่งถูกกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด แต่สามารถใช้งานได้ดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับมาใช้ได้ 3 – 5 ครั้ง
การกระจายน้ำหนักที่ดีกว่าเนื่องจากผลิตด้วยยางพารา และยังมีการใช้เทคโนโลยี Silver Nano เข้าไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ในช่วงเริ่มต้นนั้นทางบริษัทฯ
ได้รับสมัครฟาร์มโคมนมจากทั่วประเทศเพื่อที่จะส่งรองเท้าโคไปให้ทดลองใช้
แต่ปัญหาที่พบคือทางฟาร์มที่นำสินค้าไปใช้นั้นมีความเกรงใจ
ไม่ได้ให้ข้อมูลในการใช้งานกลับมาตามความจริง
ทำให้ไม่สามารถรับรู้ข้อบกพร้องที่ชัดเจนได้ เลยต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่เป็นการขายให้ในราคาถูก
ซึ่งเมื่อใช้วิธีการอย่างนี้ทำให้ได้รับข้อมูลในการใช้งานได้ตรงกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
เพราะทางฟาร์มต่างๆ ที่ซื้อไปทดลองใช้นั้นไม่ต้องเกรงใจว่าได้รองเท้าไปใช้ฟรี
แต่เป็นการเสียเงินซื้อ ทำให้กล้าให้ความเห็น รวมไปถึงชี้จุดผิดพลาดของรองเท้ากลับมาให้ทางบริษัทฯ
รับรู้ตามความเป็นจริง
“ผมมองว่า
การที่จะนำน้ำยางพาราที่มีมากมายในประเทศมาสร้างมูลค่าได้นั้น
ต้องสร้างผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่มีนวัตกรรม และมีมูลค่า
ทำให้สามารถกำหนดราคาของสินค้าได้ด้วยตัวเอง เราจึงพยายามแก้ปัญหาด้วยผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่มีมูลค่า
และมีนวัตกรรมนั่นเอง”
Strategic Partner ช่วยเจาะตลาดรองเท้าโคนมทั่วประเทศ
ในเรื่องการเจาะเข้ากลุ่มลูกค้านั้น
ทางคุณณัฐวี ได้เพิ่มเติมอีกว่า แต่การเข้าหากลุ่มของฟาร์มโคนมนั้น เขาใช้ Strategic Partner
ที่สำคัญในวงการโคนม นั่นคือ ‘สัตว์แพทย์’ เพราะว่าสัตว์แพทย์นั้นรู้เรื่องอาการบาดเจ็บ
ผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับโคนมเหล่านั้นเป็นอย่างดี
อีกทั้งยังได้รับความเชื่อถือจากเจ้าของฟาร์ม คอยแนะนำเรื่องการใช้รองเท้าโคนมของเรา
เจ้าของฟาร์มก็เชื่อ เมื่อนำไปใช้ก็ได้ผลดี ทำให้สินค้าของเราได้รับความเชื่อถือ เกิดการบอกต่อไปในกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมเพิ่มขึ้น
เมื่อมองว่ารองเท้าโคนมนั้นมีอนาคตที่ดี การทำตลาดผ่านสัตว์แพทย์อย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ
จึงมองไปถึงการมองหาเงินทุนเพื่อเข้ามาสนับสนุนการขยายตลาด โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
(NIA) ทำให้ที่ผ่านมาบริษัท
มีการ Scale up อีกทั้งยังเพิ่ม Valuation
โดยรวมให้กับบริษัทได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาสินค้าเพิ่มเติมให้ตรงกับความต้องการของผู้ที่จะนำไปใช้งาน
รวมไปถึงเรื่อง ‘เครือข่ายฟาร์มโคนม’ เพราะทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ นอกจากจะเข้ามาสนับสนุนในเรื่องเงินทุนแล้ว
ยังมีเรื่องของเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทำให้สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายคือสหกรณ์โคนมได้ง่ายมากขึ้น
และถ้ากลุ่มสหกรณ์โคนมนั้นให้ความสนใจ ซึ่งเขาเชื่อว่ารองเท้าโคนมจะได้ขยายตลาดไปทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน
คุณณัฐวี อีกว่า การพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่านั้นย่อมต้องมีการวิจัย
และพัฒนาที่ดีเข้ามาสนับสนุน สินค้าต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาเขาได้รับการพัฒนาจากองค์กรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญอย่าง
เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) มาเป็น Partner ทำให้สามารถพัฒนาสินค้าได้ดีกว่าการที่จะทำด้วยตัวเอง
นอกจากรองเท้าโคนมแล้ว
เขายังมีโครงการร่วมกับเพื่อนๆ ในเรื่องการทำสเปรย์ฆ่าเชื้อรา
เกี่ยวกับสัตว์โดยใช้สมุนไพร โดยเป็นการทำงานร่วมกับโรงพยาบาล
มอ. อาจารย์สัตว์แพทย์ อาจารย์เภสัช
และยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

ล่าสุดช่วงต้นปีมานี้
รองเท้าโค แบรนด์ Deeco ได้รางวัลรองชนะเลิศภาคใต้จาก
รางวัลสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค (Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional
Round) ภายใต้ ‘นิลมังกรแคมเปญ’ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
ได้จับมือร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงานจัดขึ้น
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการการันตีถึงแนวคิดด้านนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง
และนำไปสู่การต่อยอดในอนาคต และเป็นอีกหนึ่งสตาร์ทอัพเมล็ดพันธุ์ที่รอวันเติบโตเป็นไม้ใหญ่ในอนาคต
รู้จัก บริษัท จีฟินน์ รับเบอร์เทค
จำกัดเพิ่มเติมได้ที่ :
https://www.geefinrubbertech.com/
https://www.facebook.com/geefinrubber/

