Deeco นวัตกรรมยางพาราสู่ ‘รองเท้าโค’ ลดการเจ็บกีบเท้าเจาะตลาดฟาร์มโคนม

SME in Focus
06/11/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 3302 คน
Deeco นวัตกรรมยางพาราสู่ ‘รองเท้าโค’ ลดการเจ็บกีบเท้าเจาะตลาดฟาร์มโคนม
banner

          Startup โมเดลธุรกิจที่เกิดจากแนวคิดเพื่อแก้ปัญหา หรือความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในสังคม หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่มุ่งตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านโดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัยเพื่อแก้ Pain Point ในสังคม หนึ่งในนั้นคือ บริษัท จีฟินน์ รับเบอร์เทค จำกัด Startup ผู้พัฒนารองเท้าโค แบรนด์ Deeco จากยางพารา ซึ่งมองว่า ภาคใต้ของไทยผลิตยางพาราแต่ขายเป็นวัตถุดิบในราคาต่ำ การต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยาพาราจึงริเริ่มขึ้น

          แต่นั่นก็ไม่ใช่โมเดลแรกที่ คุณณัฐวี บัวแก้ว ผู้บริหารของบริษัท จีฟินน์ รับเบอร์เทค จำกัด คิดค้นขึ้น โดยบอกว่า ผลิตภัณฑ์แรกที่นำยางพารามาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มคือ ถุงเพาะชำรักษ์โลก ซึ่งย่อยสลายได้ ภายใต้แบรนด์ ‘Greensery’ ที่สามารถดูดซับน้ำได้ และมีสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับพืช ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาไปสู่สเต็ปต่อไป คือการพัฒนาให้เกิดความคุ้มค่าทั้งในแง่ของต้นทุน และผลกำไร

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 



 

          เขาบอกอีกว่า ถุงเพาะชำของเขาแทนที่จะย่อยสลายไปเองแล้ว แต่ยังแปลงเป็นปุ๋ยสำหรับพืชได้ด้วย แต่เนื่องจากสเกลนี้ตลาดยังไม่ใหญ่มาก และต้นทุนยังถือว่าสูง เลยหันไปพัฒนาโมลเดลที่ 2 ซึ่งก็คือ รองเท้าโคแบรนด์ Deeco ที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ เป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่สัตว์แพทย์ใช้ใส่ให้กับโคนมเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บที่กีบเท้า ช่วยแก้ปัญหาในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของโคนม เนื่องจากสวมใส่ได้ง่าย สามารถกระจายแรงกดได้ดี เหมาะกับการใช้งานบนพื้นแข็ง ถอดออกทำความสะอาดได้สะดวก นำกลับมาใช้ซ้ำได้

 

จากวัวชน สู่รองเท้าโคนม

          จาก Pain Point ยางพาราสู่โมลเดลรองเท้าโค เกิดจากการสังเกตว่า คนในพื้นที่ทางภาคใต้เลี้ยง วัวชน กันมาก โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ที่สำคัญราคาสูง ขณะที่เวลานำวัวไปวิ่งเพื่ออกกำลังกาย จะต้องใส่รองเท้าที่ทำจากยาง เพื่อลดการกระแทก และบาดเจ็บกีบเท้า จึงเกิดแนวคิดทำรองเท้าโคแต่เมื่อศึกษาตลาดทั้งประเทศ จึงตกผลึกที่ รองเท้าโคนม ซึ่งตลาดมีความต้องการมากกว่า ทั้งส่วนใหญ่ยังต้องนำเข้ารองเท้าโคจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพง

          โดยทั่วไป โคนมก็จะมีอาการบาดเจ็บกีบเท้าเช่นกัน และเมื่อมีการบาดเจ็บที่กีดเท้าจะทำให้ความสามารถในการให้น้ำนมหายไปมากถึง 65% และส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา โดยในประเทศไทยนั้นนิยมที่จะใช้รองเท้าโคมนมที่ทำจากไม้ ซึ่งจุดด้อยคือการกระจายน้ำหนักทำได้ไม่ดี ความยุ่งยากในการใช้งาน และใช้งานได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำมากลับมาใช้ซ้ำได้ เราจึงเริ่มพัฒนารองเท้าโคมนมจากยางพาราร่วมกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.)



         ประเทศไทยมีฟาร์มโคนมประมาณ 18,000 ฟาร์ม เราตั้งจะทำให้สินค้าของเราเข้าถึงและให้ฟาร์มในไทยได้ใช้ สินค้าเราดีอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วผมมั่นใจว่าสินค้าของผมคุณภาพสู้ต่างประเทศได้”

          นอกจากเรื่องของคุณภาพซึ่งไม่ได้แพ้รองเท้าโคนมที่นำเข้าจากต่างประเทศคือเรื่องของราคา รองเท้าโคนมที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นมีราคาที่ข้างละ 1,500 บาท แต่รองเท้าโคนม Deeco ขายอยู่ที่ราคาข้างละ 350 บาท ซึ่งถูกกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด แต่สามารถใช้งานได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับมาใช้ได้ 3 – 5 ครั้ง การกระจายน้ำหนักที่ดีกว่าเนื่องจากผลิตด้วยยางพารา และยังมีการใช้เทคโนโลยี Silver Nano เข้าไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

          ในช่วงเริ่มต้นนั้นทางบริษัทฯ ได้รับสมัครฟาร์มโคมนมจากทั่วประเทศเพื่อที่จะส่งรองเท้าโคไปให้ทดลองใช้ แต่ปัญหาที่พบคือทางฟาร์มที่นำสินค้าไปใช้นั้นมีความเกรงใจ ไม่ได้ให้ข้อมูลในการใช้งานกลับมาตามความจริง ทำให้ไม่สามารถรับรู้ข้อบกพร้องที่ชัดเจนได้ เลยต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่เป็นการขายให้ในราคาถูก ซึ่งเมื่อใช้วิธีการอย่างนี้ทำให้ได้รับข้อมูลในการใช้งานได้ตรงกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น เพราะทางฟาร์มต่างๆ ที่ซื้อไปทดลองใช้นั้นไม่ต้องเกรงใจว่าได้รองเท้าไปใช้ฟรี แต่เป็นการเสียเงินซื้อ ทำให้กล้าให้ความเห็น รวมไปถึงชี้จุดผิดพลาดของรองเท้ากลับมาให้ทางบริษัทฯ รับรู้ตามความเป็นจริง

          “ผมมองว่า การที่จะนำน้ำยางพาราที่มีมากมายในประเทศมาสร้างมูลค่าได้นั้น ต้องสร้างผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่มีนวัตกรรม และมีมูลค่า ทำให้สามารถกำหนดราคาของสินค้าได้ด้วยตัวเอง เราจึงพยายามแก้ปัญหาด้วยผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่มีมูลค่า และมีนวัตกรรมนั่นเอง”



Strategic Partner ช่วยเจาะตลาดรองเท้าโคนมทั่วประเทศ

          ในเรื่องการเจาะเข้ากลุ่มลูกค้านั้น ทางคุณณัฐวี ได้เพิ่มเติมอีกว่า แต่การเข้าหากลุ่มของฟาร์มโคนมนั้น เขาใช้ Strategic Partner ที่สำคัญในวงการโคนม นั่นคือ  สัตว์แพทย์ เพราะว่าสัตว์แพทย์นั้นรู้เรื่องอาการบาดเจ็บ ผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับโคนมเหล่านั้นเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับความเชื่อถือจากเจ้าของฟาร์ม คอยแนะนำเรื่องการใช้รองเท้าโคนมของเรา เจ้าของฟาร์มก็เชื่อ เมื่อนำไปใช้ก็ได้ผลดี ทำให้สินค้าของเราได้รับความเชื่อถือ เกิดการบอกต่อไปในกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมเพิ่มขึ้น

          เมื่อมองว่ารองเท้าโคนมนั้นมีอนาคตที่ดี การทำตลาดผ่านสัตว์แพทย์อย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ จึงมองไปถึงการมองหาเงินทุนเพื่อเข้ามาสนับสนุนการขยายตลาด โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ทำให้ที่ผ่านมาบริษัท มีการ Scale up อีกทั้งยังเพิ่ม Valuation โดยรวมให้กับบริษัทได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาสินค้าเพิ่มเติมให้ตรงกับความต้องการของผู้ที่จะนำไปใช้งาน



         
รวมไปถึงเรื่อง เครือข่ายฟาร์มโคนม เพราะทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ นอกจากจะเข้ามาสนับสนุนในเรื่องเงินทุนแล้ว ยังมีเรื่องของเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายคือสหกรณ์โคนมได้ง่ายมากขึ้น และถ้ากลุ่มสหกรณ์โคนมนั้นให้ความสนใจ ซึ่งเขาเชื่อว่ารองเท้าโคนมจะได้ขยายตลาดไปทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน

          คุณณัฐวี อีกว่า การพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่านั้นย่อมต้องมีการวิจัย และพัฒนาที่ดีเข้ามาสนับสนุน สินค้าต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาเขาได้รับการพัฒนาจากองค์กรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญอย่าง เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) มาเป็น Partner ทำให้สามารถพัฒนาสินค้าได้ดีกว่าการที่จะทำด้วยตัวเอง

          นอกจากรองเท้าโคนมแล้ว เขายังมีโครงการร่วมกับเพื่อนๆ ในเรื่องการทำสเปรย์ฆ่าเชื้อรา เกี่ยวกับสัตว์โดยใช้สมุนไพร โดยเป็นการทำงานร่วมกับโรงพยาบาล มอ. อาจารย์สัตว์แพทย์ อาจารย์เภสัช และยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

          “ผมจึงอยากบอกว่าการผลิตสินค้าต่างๆ นั้นนอกจากเรื่องของงแนวคิดในการบริหารจัดการแล้ว การให้ความสำคัญในเรื่องของการวิจัย และพัฒนาก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบที่มีอยู่ด้วยการสร้างสินค้านวัตกรรม”



          ล่าสุดช่วงต้นปีมานี้ รองเท้าโค แบรนด์ Deeco ได้รางวัลรองชนะเลิศภาคใต้จาก รางวัลสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค (Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) ภายใต้ นิลมังกรแคมเปญ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้จับมือร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงานจัดขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการการันตีถึงแนวคิดด้านนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง และนำไปสู่การต่อยอดในอนาคต และเป็นอีกหนึ่งสตาร์ทอัพเมล็ดพันธุ์ที่รอวันเติบโตเป็นไม้ใหญ่ในอนาคต

 

รู้จัก บริษัท จีฟินน์ รับเบอร์เทค จำกัดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.geefinrubbertech.com/
https://www.facebook.com/geefinrubber/




Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Test

Test

กลยุทธ์อินฟลูเอนเซอร์มาแรง!ตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในไทยเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 10% และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3,800 ล้านบาทภายในปี 2572 ✨.ไม่ใช่แค่ช่วยให้…
pin
2 | 30/12/2025
“ไทย สเตอเจียน ฟาร์ม” ผู้บุกเบิกคาเวียร์สัญชาติไทย เจ้าแรกในเอเชีย

“ไทย สเตอเจียน ฟาร์ม” ผู้บุกเบิกคาเวียร์สัญชาติไทย เจ้าแรกในเอเชีย

ในวันที่เศรษฐกิจชะลอตัวและธุรกิจก่อสร้างบนเกาะสมุยไม่เติบโตเหมือนเดิม คุณนพดล คำใส และ คุณอเล็กซี่ ธุนทิน มองเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องเริ่มต้นสิ่งใหม่…
pin
2 | 06/12/2025
30 ปีของ “เทอร์มีเดซ” ที่ออกแบบทุกนวัตกรรมจากปัญหาจริงของลูกค้า

30 ปีของ “เทอร์มีเดซ” ที่ออกแบบทุกนวัตกรรมจากปัญหาจริงของลูกค้า

ขึ้นชื่อว่านวัตกรรม ทุกวันนี้ไม่ได้วัดกันแค่เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า แต่ยังหมายถึงวิธีคิดที่ลึกพอจะมองเห็นปัญหาก่อนใคร และกล้าลงมือสร้างทางออกอย่างเข้าใจจริงกว่า…
pin
5 | 26/11/2025
Deeco นวัตกรรมยางพาราสู่ ‘รองเท้าโค’ ลดการเจ็บกีบเท้าเจาะตลาดฟาร์มโคนม