‘Gig Worker’ จากนี้ไปเธอต้องปรับตัว !

เมื่อ Gig Worker ที่เคยเป็นแนวทางการทำงานที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลก จนทำให้เกิดการ Disruption รูปแบบการจ้างงานกลายเป็น Gig Economy ขึ้นมาตอบรับเทรนด์การทำงานของคนทั่วโลกที่เต็มใจรับงานอิสระ ไม่ประจำ ไม่ผูกพันสัญญามากมาย ไม่ดูแล และไม่ชดเชย ทุกกอย่างระบุในเงื่อนไขสัญญาจ้าง สิ้นสุดก็แยกย้าย แต่ก็อาจมาใหม่ในเวลาที่ความต้องการตรงกัน

นี่คือลักษณะการเป็น Gig Worker บ้านเราก็เรียกง่ายๆ ว่า 'ฟรีแลนซ์' หรืออาชีพรับงานอิสระ

กระนั้น ข้อมูลจากซีเอ็นเอ็น รายงานว่าผู้ทำงานแบบ Gig worker ในระบบ Gig Economy ทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะโรคระบาด ทั้งจากมาตรการควบคุมโรคที่หลายประเทศบังคับใช้ รวมถึงมาตรการเยียวยาที่ไม่ครอบคลุมแรงงานกลุ่ม Gig worker

นิค ฮิลแมน ผู้อำนวยการสถาบัน Higher Education Policy Institute ในอังกฤษ และ โจแอนนา จอร์จ บล็อกเกอร์ของกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล ยังได้ออกมาชี้ว่าอนาคตทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานมีแนวโน้มไม่สดใส สำหรับแรงงานกลุ่ม Gig Worker โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งจะมีปัญหาเศรษฐกิจถดถอยมากที่สุดในโลก เพราะคนกลุ่มนี้นอกจากจะมีปัญหาจากช่องว่างทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังจะต้องแบกรับภาระรับผิดชอบด้านหนี้สินและภาษีในอนาคต จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปัจจุบันด้วย  

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

แนวทางการปรับตัวของ Gig Worker

จากสภาพการณ์ของเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวมที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะในหลายประเทศที่ต้องเตรียมใจกับการเผชิญหน้า กับสภาวะการล้มหายตายจากไปจำนวนมากของบรรดาธุรกิจเอสเอ็มอีภายในประเทศ ที่จะเป็นเหตุให้เกิดการว่างงานของแรงานขึ้นจากการที่ธุรกิจเล็กน้อยล้มหายตายจากไป 

ทางเดียวที่บรรดา Gig Worker จะรอดก็คือ การหันมาทบทวนและปรับเปลี่ยนการทำงานของตัวเอง โดยใช้ประสบการณ์ชีวิตการทำงานแบบ gig worker ที่ต้องเผชิญในช่วงที่โควิด-19 มาทำให้ตลาดแรงงานกลุ่มนี้เงียบไปจนถึงขาดรายได้ ทำให้ประสบปัญหาด้านการเงินหมุนเวียน ไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้สิน ไปจนถึงไม่มีเงินเก็บไว้สำรองใช้จ่ายยามฉุกเฉิน

โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้มีสัญญาจ้างผูกขาดตายตัว และยึดการทำงานแบบ Gig worker มาตลอด ที่ดูทีว่าจะรอดต่อไปได้ยากในช่วงโควิด-19 และหลังจากนี้จำเป็นต้องปรับตัวให้สามารถอยู่ได้ โดยไม่ได้รับผลลกระทบ จากกฎเหล็ก 5 ข้อที่ยึดถือมาตลอดการทำงานสายนี้ นั่นได้แก่

1. สำรวจ Skill ความสามารถของตัวเองด้านอื่นๆ ว่ามีอะไรบ้าง : ให้สร้างมันขึ้นมาจะด้วยพรสวรรค์หรือพรแสวงก็ขอให้มีมากกว่า 1 ช่องทางในการใช้ทำมาหากิน และถ้าอยากรอดควรมีไว้ไม่ต่ำกว่า 3 ทักษะความชำนาญการหรือ 3 ทักษะอาชีพ

2. จงทำสัญญาและผูกขาดไม่ต่ำกว่า 6 เดือน : การทำงานรายครั้งแบบไม่ผูกขาดเป็นอิสระดีก็จริง แต่การมีงานที่เป็นสัญญาผูกขาดในระยะเวลาที่พอดีตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี จะเป็นเครื่องการันตีรายได้ว่าจะยังคงมีอยู่แม้จะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินเก็บ หรือเกิดวิกฤติใดๆ ก็ยังอุ่นใจว่ายังจะมีรายได้เข้ามา

3. Connection ไม่ใช่ทางรอด แต่ทางรอดคือตัวเอง : ในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้อย่าคิดว่ามี Connection ดี แล้วจะรอดได้จากการได้รับความช่วยเหลือ มีคนโยนงานให้ทำ เพราะโควิด-19 ได้พิสูจน์ให้ Gig  worker ที่มี Connection ดีเส้นสายใหญ่โตกระอักในไปแล้ว จากการถูกปฏิเสธในแง่มุมที่ใช้ปกป้องตัวเอง เพราะวิกฤตินี้ได้รับผลกระทบกันไปถ้วนทั่วหน้า การเห็นแก่ตัวเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนก่อนในสถานการณ์แบบนี้จึงไม่ผิด

ดังนั้นการหันมาพึ่งตัวเอง ปรับเปลี่ยนไปสู่การทำงานรูปแบบใหม่ วิ่งหางาน หารายได้ หาเงินด้วยตัวเอง ด้วยเนื้องานที่เปลี่ยนไป เช่น เป็นตากล้องทำรายการต่างๆ ก็ปรับมาวิ่งเดลิเวอรี่แทนได้ แม้จะเหนื่อยมากขึ้น รายได้น้อยลง แต่ก็เป็นทางรอดที่ไม่ทำให้เสียใจเหมือนการรอพึ่งพา Connection และดีกว่าอดตาย

4. จัดการบัญชีการเงินของตัวเองใหม่ : ถ้าการเป็น Gig worker ทำให้เป็นอิสระด้านเวลา และทำเงินได้ดีกว่าทำงานประจำ นั่นยอมนำมาสู่การใช้จ่ายเงินที่มากขึ้นด้วย จากการสร้างชีวิต ผ่อนทรัพย์สินต่างๆ จนยากจะเหลือเงินเก็บออม หรือมองข้ามประเด็นสำคัญในข้อนี้ไป เพราะยังมีรายได้ดีงามเป็นเครื่องการันตี พอโควิด-19 มาทำให้สะดุด ถึงฉุกคิดได้ว่ารู้งี้เก็บเงินไว้บ้างก็ดี ก็อาจจะยังไม่สายเกินไป เพราะบทเรียนนี้จะทำให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการเงิน โดยเฉพาะเงินเก็บออมอันเป็นฐานรากสำคัญของฟรีแลนซ์หรือ Gig worker ที่ไม่ได้มีรายได้ดีๆ เป็นเครื่องการันตีแบบมนุษย์เงินเดือนตลอดปี ดังนั้นควรหันมาทบการเก็บเงินได้แล้วถ้าไม่อยากอดตายในสภาพเศรษฐกิจผันผวนที่รออยู่ในอนาคตอันใกล้

5. จงทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะสร้างมูลค่าทางการงานการเงินให้ตัวเองได้ในอนาคต : อย่านอนแน่นิ่งให้กับชะตากรรมที่ต้องเผชิญ พร้อมกับความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้รับความเมตตาช่วยเหลือผ่านบุญกรรมที่ทำมา โดยไม่ลุกขึ้นมาพึ่งมา มือ เท้า ร่างกายและมันสมองของตัวเอง ในการฉวยวิกฤติให้เป็นโอกาส เพราะในช่วงเวลาที่ว่างจากงานนั่นคือโอกาสที่จะได้ทบทวนความรู้ ฝึกสร้างแนวทางอาชีพให้มีความหวังถึงรายได้ในอนาคต แม้ว่าเงินรายได้จะยังไม่เกิดขึ้นในทันทีที่เราลงมือทำเหมือนมีคนว่าจ้าง แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ลงมือทำในวันนี้และในช่วงเวลาที่ต้องดิ้นรนหาวิธีทำให้ตัวเองไม่อดตายอย่างนี้ จะกลายเป็นผลลัพธ์ที่ดี ที่ดีกว่านอนดูซีรีย์ผลาญเวลาอย่างแน่นอน

อย่างที่กล่าวในข้างต้น ทุกธุรกิจ ทุกคน ต้องปรับตัว หันมาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะนี่คือหนทางที่จะอยู่รอดได้อย่างแท้จริง  

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 

Gig Worker เทรนด์แรงงานยุคใหม่ 

5 เทคนิคฝ่าวิกฤติสำหรับผู้ประกอบการใหม่