“การ์เร็ต ป๊อปคอร์น” การส่งต่อธุรกิจระหว่าง 2 ตระกูล พร้อมสืบทอดเจตนารมณ์กว่า 70 ปี
ในโลกธุรกิจของรูปแบบการดำเนินงานแบบ ธุรกิจครอบครัว (Family Business) มีสิ่งที่โดดเด่น คือการรักษามรดกและคุณค่าของครอบครัว ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง แบบอย่างของธุรกิจแบรนด์ “การ์เร็ต ป๊อปคอร์น” (Garrett Popcorn) ที่มีการดำเนินงานอย่างยอดเยี่ยม สร้างธุรกิจโดยไม่เพียงแค่คำนึงถึงเรื่องความประสบความสำเร็จในเชิงการค้า แต่ยังรักษาความเป็นครอบครัว และความรักในผลิตภัณฑ์ไว้เป็นสำคัญ ผ่านการใช้สูตรลับและวัตถุดิบคุณภาพ แสดงให้เห็นว่า ความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากครอบครัวสามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้
บทความนี้ จะพาไปสำรวจประวัติและกลยุทธ์ของธุรกิจครอบครัว เจ้าของแบรนด์ชื่อดังอย่าง “การ์เร็ต ป๊อปคอร์น” ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม พร้อมทั้งข้อคิดที่มีค่าสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจครอบครัวในการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และความยั่งยืน ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 7 ทศวรรษ
Garrett Popcorn (การ์เร็ต ป๊อปคอร์น) เป็นแบรนด์ข้าวโพดคั่วที่ก่อตั้งในปีค.ศ. 1949 (พ.ศ.2492) และอยู่มานานถึง 75 ปีแล้ว โดย ตระกูล Garrett ที่เปิดศึกแข่งขันระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อหาว่าใครจะเป็นผู้ที่คิดค้นสูตรข้าวโพดคั่วคาราเมล (ป็อปคอร์นคาราเมล) ได้อร่อยที่สุด จนในที่สุดครอบครัวนี้ ได้คิดค้นสูตรป๊อปคอร์นที่มีความอร่อยไม่เหมือนใคร และเกิดความคิดว่า นี่คือป๊อปคอร์นที่อร่อยจนเกินกว่าจะเก็บไว้แค่บริโภคภายในครอบครัว
ดังนั้น จึงกลายเป็นที่มาของการเปิดร้านขายป๊อปคอร์นอย่างเป็นทางการแห่งแรกที่ชิคาโก ภายใต้ชื่อ Garrett Popcorn Shops (การ์เร็ต ป๊อปคอร์น ช็อปส์) และขายข้าวโพดคั่ว 2 สูตร ได้แก่ CaramelCrisp กับ CheeseCorn

ความนิยมของป๊อปคอร์นแบรนด์นี้ สะท้อนได้จากภาพของการต่อแถวเพื่อรอซื้อป๊อปคอร์นกันอย่างยาวเหยียด และกลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่ครอบครัว การ์เร็ต ยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน ว่าการเปิดสาขาทุกแห่ง จะต้องเห็นภาพคนซื้อยาวเหยียดเช่นนี้ที่หน้าร้าน เพราะนี่คือสิ่งที่การันตีกับคนทั่วไปได้ว่า “อร่อยจริง อร่อยรอได้”
สานต่อเจตนารมณ์ – ตำนานของครอบครัว
อย่างที่ทราบกันดีว่า ขั้นแรกของการทำธรรมนูญครอบครัว ต้องเริ่มที่ “เจตนารมณ์” หรือ Purpose ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าครอบครัวเจ้าของธุรกิจ “การ์เร็ต ป๊อปคอร์น” ยังคงธำรงไว้ได้มากกว่า 3 ชั่วคนแล้ว ด้วยเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นที่จะสืบต่อธรรมเนียมปฏิบัติและปณิธานของครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของความสุขและการเฉลิมฉลองในทุก ๆ เทศกาล
การสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัว Garrett คือ การคั่วข้าวโพดแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมานับแต่ยุคก่อตั้งในปี 1949 นั่นคือการคั่วป๊อปคอร์นด้วยความร้อนตลอดทั้งวัน เพื่อความสดใหม่ การคลุกเคล้าจะทำในหม้อทองแดง คนด้วยไม้พาย ที่สำคัญทุกครั้งของการผลิต จะกำหนดปริมาณต่อครั้งไม่มาก เพื่อคงคุณภาพสินค้าเอาไว้
และสิ่งที่ถือเป็นเคล็ดลับความอร่อย คือการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่คั่วออกมาแล้วเป็นสองลักษณะนี้ คือ Butterfly (ผีเสื้อ) และ Mushroom (เห็ด) เนื่องจากทั้ง 2 ลักษณะดังกล่าว ทำให้ส่วนผสมเกาะติดกับข้าวโพดคั่วได้ดีที่สุด

ส่งต่อสู่รุ่น 2 ลูกสาวของผู้ก่อตั้ง ในตระกูล Garrett
ในปี 1982 ธุรกิจได้ส่งต่อไปที่ลูกสาวของผู้ก่อตั้งในตระกูล Garrett ซึ่งการส่งผ่านเจตนารมณ์และความเชี่ยวชาญนั้น ไม่มีอะไรยุ่งยาก เนื่องจากเธอเติบโตจากร้านที่คั่วป๊อปคอร์นรสชาติ CaramelCrisp และอนุสรณ์ของเธอที่จารึกไว้จนถึงวันนี้ คือ ลายมือที่เธอเขียนด้วยตัวเอง ที่ลูกค้าในยุคปัจจุบัน จะพบเห็นได้จากโลโก้ของแบรนด์ Garrett
ในยุคนี้ กล่าวได้ว่า ร้าน “การ์เร็ต ป๊อปคอร์น” ถือเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของเมืองชิคาโก เนื่องจากเจ้าของแบรนด์จะมาประจำที่ร้าน เพื่อทักทายลูกค้าอยู่เสมอ และยังเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบันเช่นกัน ขณะเดียวกัน Garrett ก็ยังสร้างวัฒนธรรมแห่งความภักดีต่อแบรนด์ ให้กับพนักงานของบริษัทมาอย่างยาวนานอีกด้วย

Voice of Customer ฟังเสียงลูกค้าเสมอ
จากเดิมที่ Garrett มีสองรสชาติหลัก แต่การที่แบรนด์ ให้ความสำคัญกับ VoC หรือ Voice of Customer มาตั้งแต่ยุคนั้น ทำให้ตัดสินใจเพิ่มรสชาติใหม่ที่เกิดจากฟีดแบคของลูกค้า เนื่องจากลูกสาวตระกูล Garrett สังเกตเห็นพฤติกรรมของลูกค้าที่มักจะซื้อป๊อปคอร์นทั้งสองรสชาติ แล้วขอถุงเปล่าใบที่สาม เพื่อใส่ป๊อปคอร์นทั้งสองรสชาติมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วเขย่า ทำให้ Garrett ออกรสชาติที่ 3 ในปี 1977 นั่นคือ The Mix หรือ Chicago Mix หรือ Garrett Mix ถือเป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ธุรกิจครอบครัว...ถูกเปลี่ยนมือ
ผู้ก่อตั้งธุรกิจครอบครัว ย่อมต้องการสืบทอดกิจการให้กับทายาทที่เป็นคนในตระกูลเดียวกัน แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ การขายกิจการให้กับผู้อื่น ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน สำหรับ Garrett ที่มีการสืบทอดธุรกิจจากผู้ก่อตั้งมาถึงรุ่นที่ 2 ในที่สุด ก็ถูกเปลี่ยนมือมาถึง Lance & Megan Chody (แลนซ์ – เมแกน โชดี้) ในปี 2005
Lance เป็นแฟนตัวยงของป๊อปคอร์นแบรนด์ดังรายนี้ ทำให้ Lance & Megan Chody ให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ว่า เขาทั้งสองจะรักษาความเป็นตำนาน และกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมที่ตระกูล Garrett ใช้ผลิตป๊อปคอร์นนับแต่ปีก่อตั้ง รวมถึงการฟังเสียงลูกค้า และยกให้ลูกค้าของแบรนด์เป็นศูนย์กลางอยู่เสมอ
การเปลี่ยนมือจากธุรกิจของครอบครัวที่ 1 มายังครอบครัวที่ 2 ไม่ได้ประสบปัญหาอย่างที่ใคร ๆ อาจจะจินตนาการล่วงหน้า เพราะสำหรับกรณีนี้ ตระกูล Chody มีมุมมองทางด้านธุรกิจที่กว้างไกลกว่า โดยเขาทั้งสอง ต้องการขยายตลาดทั้งในอเมริกาและในระดับสากล รวมทั้งในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ จากเดิมที่ขณะนั้น Garrett มีเพียง 4 สาขาในอเมริกา

เมื่อธุรกิจมาอยู่ในมือของตระกูล Chody ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือ Garrett สามารถขยายสาขาในต่างประเทศได้ในปี 2009 ที่สิงคโปร์ ดูไบ และขยายสาขาไปได้อีกกว่า 50 แห่งทั่วโลก โดยในประเทศไทยถือเป็นสาขาที่ 40 ของโลก
Garrett ภายใต้การบริหารของตระกูล Chody จะยังคงต่อยอด และสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ได้อีกยาวนาน เนื่องจากครอบครัวนี้ เคารพต่อผู้ก่อตั้ง ทั้งด้านการสืบทอดกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม การธำรงคุณภาพสินค้า เนื่องจากตระหนักดีถึงแฟนตัวยงของแบรนด์จำนวนมหาศาลทั่วโลก ผนวกกับความต้องการที่จะแบ่งปันประสบการณ์ของแบรนด์กับผู้คนให้มากขึ้น จึงมีการใช้การตลาดสมัยใหม่ ทั้งในแง่ช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น ระบบไดรฟ์ทรู (Drive Thru) ระบบเดลิเวอรี่ หรือแม้แต่การสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ จนถึงการใช้กระป๋องโลหะแบบดั้งเดิม และ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ตามเทศกาล

นอกจากนี้ การวางตำแหน่งสินค้าของ Garrett คือการเป็นขนมที่เหนือกว่าป๊อปคอร์นธรรมดา หากแต่เป็นของฝากระดับพรีเมียม อีกทั้งเป็นของขบเคี้ยวที่ใช้เติมเต็มความสุข และเพื่อการเฉลิมฉลอง นี่จึงเป็นป๊อปคอร์นที่มี “ความเหนือกว่า” และสืบทอดกันมาถึง 7 ทศวรรษ
บทสรุปของธุรกิจครอบครัว Garrett Popcorn คือเขาได้มีการเปลี่ยนมือการเป็นเจ้าของไปแล้วครั้งหนึ่ง จากครอบครัว Garrett ผู้ก่อตั้งธุรกิจ ขายต่อให้กับครอบครัว Chody ซึ่งเป็นคนจากครอบครัวอื่น เหตุผลและผลกระทบจากการเปลี่ยนมือ มาจากความต้องการขยายธุรกิจ ซึ่งครอบครัว Chody มีวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจ Garrett Popcorn ให้เติบโตไปทั่วโลก แตกต่างจากครอบครัว Garrett ที่เน้นการดำเนินธุรกิจในระดับท้องถิ่น แต่ข้อตกลงสำคัญ คือการรักษาสูตรดั้งเดิมไว้ แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ ทำให้สูตรลับความอร่อยของ Garrett Popcorn ยังคงถูกสืบทอดและรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลโดย GURU รับเชิญ : รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์ และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว
อ้างอิง :