ฮ่องกง เมืองที่อันดับการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นอันดับ
5 ของโลก วัดจากดัชนีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจสตาร์ทอัพ นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพในช่วงตั้งต้นของธุรกิจสตาร์ทอัพก่อนขยายไปตลาดที่ใหญ่ขึ้น
เพราะหนึ่งในคุณลักษณะที่สำคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพคือ การโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อธุรกิจโตในระดับหนึ่ง
ฮ่องกงจะกลายเป็นตลาดที่เล็กไปเลยเมื่อเทียบกับความต้องการขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศ
ทั้งเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเพียงตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงตลาดเดียว
ถึงตรงนี้เราเลยเริ่มมองถึงบรรยากาศที่เป็นมิตรต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพในฮ่องกงมากขึ้น โดย Forbes ได้จัดให้ฮ่องกงเป็นเมืองที่น่าลงทุนด้านธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพในฮ่องกงเป็นไปอย่างคึกคักและมีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการต่างแข่งขันกันพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดผู้บริโภค อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันให้ ฮ่องกงเป็นสังคมแห่งผู้ประกอบการ โดยมีปัจจัยที่น่าสนใจดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผู้บริโภค
หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด
ด้วยกำลังซื้อ ไลฟ์สไตล์ และความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพในฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน โดยลักษณะนิสัยการบริโภคของคนฮ่องกงนั้น ชอบลอง
โดยเฉพาะสินค้าและบริการที่เพิ่งปล่อยสู่ตลาด อาทิเช่น ร้านอาหารเปิดใหม่ที่ผู้คนต่างต่อคิวเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหาร
นอกจากนี้ ผู้บริโภคฮ่องกงยังมีกำลังซื้อมาก
อีกทั้งยังไม่เกี่ยงราคาหากสินค้าหรือบริการเหล่านั้นมีคุณภาพจริง
ด้วยองค์ประกอบความชอบลองและกำลังซื้อที่มีอยู่ในมือ
ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพต่างขยันสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของคนฮ่องกง
ขณะเดียวกันไลฟ์สไตล์คนฮ่องกงเป็นไปในลักษณะที่รีบเร่ง
และรวดเร็ว ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจจึงตระหนักต่อข้อบ่งชี้นี้ ดังเช่น
ผู้บริโภคสามารถใช้บริการ Mobile Order เพื่อสั่งเครื่องดื่มและอาหารที่
Starbucks สาขาในฮ่องกงได้ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น
จากนั้นกดสั่งและชำระเงิน และเดินมารับเองที่สาขา ทำให้ไม่เสียเวลาต่อคิว
ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว
ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี
ในปี 1997
มีรายงานว่าคนฮ่องกงส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างมีความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยี
จำกัด เนื่องจากโรงเรียนมักเน้นสอนเน้นหาที่เกี่ยวข้องกับข้อสอบมากกว่า
แต่เมื่อเวลาผ่านมา 20 ปี การศึกษาเรื่องเทคโนโลยีถูกบรรจุเป็นหนึ่งในหลักสูตรบังคับที่นักเรียนต้องศึกษา
อีกทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาตั้งบริษัทของบริษัทข้ามชาติหลายๆแห่ง
รวมถึงการศึกษาต่อต่างประเทศของคนท้องถิ่นที่มีมากขึ้นเรื่อยๆทุกปีๆ
เหล่านี้ทำให้คนฮ่องกงมีความคุ้นเคย เข้าถึงและเชื่อถือเทคโนโลยีมากกว่าในอดีต
ธุรกิจสตาร์ทอัพ ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ดังนั้นการทำให้คนเปิดใจและเชื่อใจในการใช้
เทคโนโลยีเป็นเรื่องที่สำคัญและส่งผลต่อธุรกิจอย่างมาก
ปัจจัยนี้จึงทำให้วงการสตาร์ทอัพในฮ่องกงเป็นไปอย่างคึกคักเนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากผู้บริโภค
การสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ
ฮ่องกงถูกขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางการเงินหรือ
Financial Hub ของเอเชีย
ที่ดึงดูดบริษัทใหญ่ๆมากมายทั่วโลกเข้ามาลงทุน
ดังนั้นภาคการเงินและการลงทุนของฮ่องกงจึงคึกคักเป็นอย่างมาก
มาตรการทางเศรษฐกิจและการค้าเอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนอย่างมาก
โดยฮ่องกงเป็นตลาดเปิดที่มีนโยบายเศรษฐกิจอย่างตรงไปตรงมา อัตราการคอร์รัปชั่นต่ำ
อีกทั้งภาษียังต่ำในระดับที่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ และปัจจัยด้านอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้ผู้ประกอบการทั้งจากในและต่างประเทศสนใจมาลงทุนที่ฮ่องกง
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่มีการจัดตั้งหน่วยงานที่หลากหลายเพื่อช่วยเหลือผู้ ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันวงการธุรกิจสตาร์ทอัพในฮ่องกงให้เป็นไปอย่างคึกคัก
ภาครัฐบาล
Hong Kong Science and Technology
Parks Cooperation (HKSTP) องค์กรรัฐที่มีพันธกิจเพื่อบ่มเพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี โดยประกอบไปด้วยเทคโนโลยีบนหน้าเว็บและโทรศัพท์มือถือ
เทคโนโลยีทั่วไป และเทคโนโลยีชีวภาพ การบริการหลักของ HKSTP ประกอบไปด้วยการจัดหาพื้นที่ว่างและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ความช่วยเหลือทางเทคนิคและการจัดการชุดความช่วยเหลือด้านเงินทุน
HKPC เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่รัฐบาลฮ่องกงก่อตั้งเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจ
ขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพ
โดยเน้นการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิต
เทคโนโลยีด้านข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม และระบบการบริหารจัดการ
โดยได้ให้คำปรึกษามากกว่า 3,000 บริษัท
อีกทั้งยังขยายสำนักงานไปยังเซินเจิ้น เพื่อให้บริการบริษัทฮ่องกงที่ไปประกอบการที่จีนอีกด้วย
Cyberport รัฐบาลฮ่องกงจัดตั้งโครงการ
Cyberport เหมือนซิลิคอนวัลเลย์ของสหรัฐฯ เป็นชุมชนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่น
โดยการช่วยอำนวยความสะดวกให้ เหล่าสตาร์ทอัพเข้าถึงโครงการผู้ประกอบการต่างๆ
นอกจากนี้ยังช่วยจัดหาบริการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี การจับคู่ทางธุรกิจ รวมถึงการสนับสนุนด้านการตลาด
iStart-up@HK รัฐบาลจัดตั้งโครงการ
iStart-up@HK เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่เหล่าผู้ประกอบการได้มาพบปะสังสรรค์
แลกเปลี่ยน ข้อมูลกัน โดยมีสมาชิกแล้วกว่า 900 ธุรกิจ
รัฐบาลตระหนักว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพคือ
เงินทุนและการตลาด จึงได้พัฒนา iStart-up@HK เพื่อช่วยให้เหล่าธุรกิจสามารถเข้าถึงนักลงทุนและตลาดที่มีศักยภาพได้
กลุ่มมหาวิทยาลัย
เพื่อให้ตอบรับกับนโยบายของรัฐบาลและแผนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อกลุ่มมหาวิทยาลัย
สถาบันการศึกษาจึงได้จัดตั้งสำนักงานส่งผ่านความรู้และสำนักงานส่งผ่านเทคโนโลยีขึ้นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจอันจะเป็นประโยชน์แก่การริเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพต่อไป
อีกทั้งบางมหาวิทยาลัยได้จัดตั้งที่ปรึกษาเต็มเวลาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพดำเนินไปได้ดี ทั้งจัดหาพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
พร้อมกันกับการจัดกิจกรรมฝึกอบรม แลกเปลี่ยนการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่กลุ่มสตาร์ทอัพ -อาทิ The Hong Kong
Federation of Youth Group ในปี 2005 HKFYG ได้จัดตั้ง Youth Business
Hong Kong เพื่อให้บริการ one-stop
service แก่ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ทั้งการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ
และเครือข่ายธุรกิจ
โดยเป้าหมายสูงสุดเป็นไปเพื่อให้เหล่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้มีทางเลือกในการทำงานในอนาคต
ภาคเอกชน
Corporate incubators and
accelerators เรียกให้เข้าใจง่ายคือกลุ่มองค์กรหรือบริษัทที่ “บ่มเพาะ” เหล่าธุรกิจสตาร์ทอัพ
ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่วงการสตาร์ทอัพ
โดยช่วยเหลือผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา เงินลงทุน
อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้เชื่อมต่อกับผู้ประกอบการที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน
สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการหาแหล่งเงินทุนอีกด้วย
Angels and Venture Capitalists:
VC ช่วยจัดหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการทำธุรกิจ
แม้ฮ่องกงจะมีตัวเลขกองทุนเงินลงทุนที่สูงมาก แต่ตัวเลขการลงทุนจากสถาบันด้านการลงทุนที่มีต่อธุรกิจสตาร์ทอัพค่อนข้างน้อย
เนื่องจากผู้ลงทุนมักไม่ลงทุนกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ดังนั้น Angel investor และ VC จึงเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้
Co-working space ธุรกิจ Co-working
space ได้เติบโตขึ้นพร้อมๆกับการเติบโตขึ้นของวงการสตาร์ทอัพในฮ่องกง ในปี 2013 มี ธุรกิจ Co-working space เพียงไม่กี่เจ้าในฮ่องกง
แต่ในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 60
กิจการที่เสนอตัวเลือกที่ยืดหยุ่นได้ให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพ โดย Co-working
space จะเสนอดีลดีๆให้เหล่าธุรกิจสตาร์ทอัพได้ดีกว่าการเช่าออฟฟิศทั่วไป
นอกเหนือจากการให้เช่าพื้นที่สำนักงานและห้องประชุมแล้ว
ยังจัดบริการหากมีการเปิดตัวสินค้าและบริการใหม่ อีกทั้งยังบริการให้เช่าแบบระยะสั้น ซึ่งเป็นผลดีกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เพิ่งลงทุนอีกด้วย
ภาคประชาชน
StartupsHK ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี
2009 โดยกลุ่มผู้ประกอบการหกรายที่ได้พบปะและพูดคุยกัน ณ
งานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นโดย Cyberport ที่ผ่านความยากลำบากในการติดต่อกลุ่มเพื่อนเมื่อต้องการความช่วยเหลือ
จึงเกิดความคิดริเริ่มขึ้น โดย การพบปะแรกๆ เกิดขึ้นที่ร้านกาแฟเท่านั้น ในปีต่อมา
ได้เกิดกระแสบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ทำให้คนเราร่วมมาก ขึ้นเรื่อยๆ เกิด Startup Saturday ที่มีคนผู้เข้าร่วมกว่า 550 ราย ต่อมาจึงเกิดเป็นการพบปะประจำปีขึ้นที่ประกอบ ด้วยการหารือ
การจัดแสดงสินค้าและบริการ การเจรจาเพื่อเงินลงทุน
จุดประสงค์หลักของ StartupsHK เป็นไปเพื่อสร้างสังคมผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านการประชุม
เครือ ข่าย และผ่านทางเว็บไซต์ที่ได้สร้างขึ้น
Youth Entrepreneur Warrior เครือข่ายนี้จะเน้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่เป็นหลัก โดยมีสมาชิกมากกว่า 6,000 รายที่สนใจเข้าร่วม โดยมีจุดประสงค์เปิดโอกาสให้เหล่าผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนไอเดียและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ด้วยระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของฮ่องกง นับเป็นกรณีที่น่าศึกษาสำหรับการพัฒนาสตาร์ทอัพไทย ซึ่งจะเป็นพลังของเศรษฐกิจสมัยใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตข้างหน้าต่อไป
จับตา FinTech ในประเทศเวียดนาม
รู้จัก Maker เทรนด์ใหม่กำลังมา