ปีที่ผ่านมา
ธุรกิจโรงแรมยังเป็นธุรกิจที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยนักลงทุนทั่วโลกยังคงสนใจหาโอกาสซื้อโรงแรม
แต่ใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
ประกอบกับการเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ตามรายงานที่มีชื่อว่า Hotel Investment Outlook (แนวโน้มตลาดการลงทุนด้านโรงแรม) จากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล ซึ่งเป็นรายงานรายปีที่วิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ ของโลกที่มีผลต่อตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า
ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีการซื้อขายโรงแรมเกิดขึ้นทั่วโลกรวมมูลค่าทั้งสิ้น 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากการที่เศรษฐกิจโลกรับมือกับภาวะความผันผวนได้ค่อนข้างดี
ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวมีสภาพคึกคักด้วยแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี
มูลค่าการลงทุนการซื้อขายดังกล่าวลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 2561
เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นจากปัจจัยลบหลายประการ
ไม่ว่าจะเป็นวงจรการขึ้นลงของตลาดโรงแรมเอง และปัญหาความขัดแย้งทางการค้า
รวมไปจนถึง Brexit
ขณะที่ในปี 2563 นี้ มีแนวโน้มด้วยว่าการลงทุนซื้อขายจะมีมูลค่าลดลงไปอีก 10-15% จากปี 2562
เนื่องจากนักลงทุนจะระมัดระวังมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่แม้กระนั้นจะยังคงเป็นการซื้อขายที่ถือว่ามีปริมาณมาก
โดยนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนระหว่างประเทศจะเป็นกลุ่มทุนที่มีบทบาทสูงในตลาดโรงแรมทั่วโลก
นักลงทุนทั่วไปในที่นี้หมายถึงนักลงทุนที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท
(ไม่เน้นลงทุนเฉพาะโรงแรม) โดยคาดว่าในปีนี้จะยังคงเป็นผู้ซื้อกลุ่มหลักในตลาดโรงแรม
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา
มูลค่าการซื้อโรงแรมโดยนักลงทุนประเภทนี้มีสัดส่วนคิดเป็น 70%
ของมูลค่าการซื้อทั้งหมด จากเดิมที่เคยมีสัดส่วนอยู่ที่ 60% เมื่อราว 10
ปีก่อนหน้า ในขณะเดียวกันคาดว่า มูลค่าการซื้อโรงแรมโดยนักลงทุนต่างชาติจะเพิ่มสูงขึ้นทั้งในอเมริกาเหนือ
ยุโรป และเอเชีย
ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิฟิกคึกคักเป็นพิเศษในปีที่ผ่านมา
ในปี 2562 ที่ผ่านมา
การลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิฟิกปรับเพิ่มขึ้น 44% จากปี 2561
และสูงกว่าที่มีการประมาณการไว้ก่อนหน้าว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 25-30%
และนับเป็นปีที่สองที่ภูมิภาคนี้มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงกว่า 1.2
หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหลักๆ มาจากการซื้อขายโรงแรมที่มีมูลค่าสูงในเกาหลีใต้
สิงคโปร์และออสเตรเลีย
สำหรับปี 2563 นี้ คาดว่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่าลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายการซื้อขายโรงแรมมูลค่าสูงจะมีไม่มากเท่าปี 2562 และคาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี นักลงทุนจะชะลอการซื้อ เพื่อรอดูผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมี 3 แนวโน้มสำคัญๆ ที่จะเกิดขึ้นในตลาดโรงแรม
1. โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ราคาประหยัดมาแรง
ความต้องการของลูกค้าผู้ใช้บริการห้องพักที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นกับที่พักทางเลือกรูปแบบใหม่ๆ
ทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมให้ความสนใจมากขึ้น ในการพัฒนาโรงแรมในเขตตัวเมืองในรูปแบบโครงการที่มีขนาดเล็กกว่าที่เคยและใช้เทคโนโลยีมากขึ้น
โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากลุ่มโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ราคาประหยัด มีจำนวนห้องพักขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
2. การเพิ่มขึ้นของนักลงทุนหน้าใหม่
มีแนวโน้มว่าจะมีนักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนในธุรกิจโรงแรมมาก่อน เข้ามาลงทุนซื้อโรงแรมมากขึ้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของแรงจูงใจด้านผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่า
หรือเพื่อเป็นการกระจายการลงทุน ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้มีทั้งที่เคยและไม่เคยลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ประเภทอื่นมาก่อน
3. โมเดลธุรกิจที่ให้บริการครอบคลุมมากขึ้น
โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
จำนวนมากขึ้นจะมีโรงแรมเป็นส่วนประกอบของโครงการ
หรือโรงแรมเองจะมีพื้นที่สำหรับรองรับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อาทิ
กรณีของโรงแรมที่เปิดให้บริการพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซ
ทั้งนี้ท่านผู้อ่านสามารถ ดาวน์โหลดรายงาน Hotel Investment Outlook ได้ที่ https://www.jll.co.th/en/trends-and-insights/research/hotel-investment-outlook-2020