โรงแรม – ท่องเที่ยว รับมือนักท่องเที่ยวที่หายไปอย่างไร
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ลามไปทั่วโลก ได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นลูกโซ่อย่างรุนแรง โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวเนื่องกำลังใกล้ล้มหายตายจากกันไป
เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวจีนยกเลิกเดินทางมาท่องเที่ยวไทยแบบ 100%
เพราะหวั่นวิตกไวรัสมรณะดังกล่าว
จากก่อนหน้านี้สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเมินว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2563 จะสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 3.16 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3.01 ล้านล้านบาทนั้นต้องสิ้นหวังไปทันที
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผลกระทบดังกล่าว
คุณบรรเจิด อัญชลิพงศ์ ผู้บริหาร สวนลุมไนท์บาร์ซ่าและเดอะ บาร์ซ่า โฮเต็ล
แบงกอก รัชดาภิเษก ให้ความคิดเห็นว่า
กรุงเทพมหานครถือว่าเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และกรุ๊ปทัวร์จีนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก
ก่อนเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทยตามภูมิภาคต่างๆ ได้รับผลกระทบหนักและต่างตั้งตัวไม่ทัน
เนื่องจากนักท่องเที่ยวยกเลิกจองห้องพักฉับพลัน 100 % ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลักและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร,
ร้านค้า ตลอดทั้งสถาบันบันเทิงต่างหยุดสงบนิ่ง เพราะธุรกิจทั้งหมดล้วนพึ่งพาลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
โดยก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการไทยต่างเตรียมพร้อม
และวางแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการการท่องเที่ยวไทยเพื่อพยุงธุรกิจให้อยู่รอด
ซึ่งแต่ละกลยุทธ์ทางการตลาดที่วางแผนไว้ ทำให้ผู้ประกอบการต่างมั่นใจว่าจะสามารถพาธุรกิจให้ไปรอดได้
“แต่ปรากฎว่าวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้ผู้ประการธุรกิจถึงกับช็อคและปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากอุบัติเหตุโรคใหม่ที่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ สร้างผลกระทบตามมาจนตั้งรับไม่ทัน เช่นเดียวกับทุกธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านการท่องเที่ยวต่างได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กัน เพราะทุกธรกิจถูกชัดดาวน์ทันทีทันได้ ซึ่งหากไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดหนักลากยาวไปถึงกลางปี เศรษฐกิจไทยต้องพังทั้งระบบแน่นอน”
เบนเข็มไปตลาดอาเซียน-เจาะกลุ่มสัมมนา หั่นราคาจูงใจ
คุณบรรเจิด บอกว่า ตอนนี้ถนนทุกสายต่างมุ่งหน้าไปพึ่งพาตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวอาเซียน
มาทดแทนตลาดจีนที่หดหายจากตลาดเกือบ 100 % เนื่องจากกลุ่มตลาดอาเซียนยังคงนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย เพราะชื่นชอบเสน่ห์เมืองไทยและธรรมชาติที่สวยงาม
ซึ่งการที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยมากขึ้นนั้น
ผู้ประกอบการเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวต้องจัดกิจกรรมโปรโมชั่น ลด แหลก
แจกแถม ห้องพักลด 50-60% เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสนใจมาร่วมกิจกรรม
ซึ่งช่วงนี้อย่าหวังผลกำไรขอให้ธุรกิจอยู่รอดอย่างเดียวไปก่อน
ตลอดทั้งต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวว่ามาท่องเที่ยวแล้วปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19
เช่น ปิดป้ายให้นักท่องเที่ยวได้เห็นว่าได้ร่วมกับโรงพยาบาลทำความสะอาดสถานที่อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม หากต้องการพยุงธุรกิจให้อยู่รอดได้ในตอนนี้
จะต้องรุกตลาดสัมมนาให้มากขึ้นทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เนื่องจาตลาดกลุ่มนี้ยังมีศักยภาพ
โดยเฉพาะกลุ่มตลาดสัมมนาภาครัฐมีงบการสัมมนาตลอดทั้งปี
แต่หลังจากรัฐบาลประกาศห้ามไม่ให้กลุ่มข้าราชการออกไปดูงานต่างประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ตลาดกลุ่มนี้ต้องจัดงานสัมมนาภายในประเทศแทน ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของผู้ประกอบการโรงแรมที่จะสามารถเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดข้าราชการ ซึ่งแต่ละโรงแรมหรือสถานประกอบการต้องจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีมูลค่าทางการตลาดไม่มาก
ลูกค้าไทยคือพระเจ้า ชุบกิจการโรงแรม-รีสอร์ทท้องถิ่น
วิกฤติการณ์ครั้งนี้ คุณสุชิต
วังกุ่ม ผู้จัดการ Waterfall Resort อ.หมวกเหล็ก จ.สระบุรี สะท้อนมุมมองให้เห็นว่า
เป็นการรีครูทครั้งใหญ่ให้ผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ทในไทย หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและอาเซียนเป็นพิเศษ
จากที่เคยพึ่งพาแต่ตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน
แต่กลับละเลยตลาดภายในประเทศแถมยังกดราคาที่พักอาศัยแพงเกินเหตุ ทำให้ตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่อยากใช้บริการ
ทำให้ต้องออกไปท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านแทน เพราะราคาถูกกว่าในไทยด้วยซ้ำ
“ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวไทยหันมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น
ซึ่งแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาจองห้องพักเพื่อพักผ่อนเป็นครอบครัว หรือมาในรูปแบบกิจกรรมบริษัทเพื่อสัมมนาเพิ่มมากขึ้น
ส่วนหนึ่งเพราะทางรีสอร์ทจัดโปรโมชั่นในราคาประหยัด
ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หันมาใช้บริการโรงแรมและรีสอร์ทท้องถิ่นมากขึ้น
และที่สำคัญมาพักผ่อนและท่องเที่ยวแล้ว ไม่หวั่นวิตกไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด เนื่องจากเป็นสถานที่พักเชิงธรรมชาติ
อากาศถ่ายเท ยากที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะดังกล่าวเหมือนในแหล่งชุมชนใหญ่ๆ”
คุณสุชิต บอกอีกว่า ปัญหาในตอนนี้คือ แม้แต่คนไทยเองยังไม่ออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพราะขาดความเชื่อมั่นความปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีอะไรมาจุดประกายการเดินทาง และหนึ่งในนั้นคือการออกโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทย ภาคเอกชนท่องเที่ยวต้องจับมือกันแน่นมากขึ้น ด้วยเตรียมออกแคมเปญส่งเสริมการขายลดอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วงในเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นท่องเที่ยวไทย
พัทยาระดมแพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยว
คุณเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยว เมืองพัทยา บอกว่า
จากการประชุมภาคเอกชนและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยของเมืองพัทยาได้หาทางออกร่วมกัน
โดยมีมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวดังนี้
1. รณรงค์ไทยเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น
2. กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปิดเทอมในช่วงกลางเดือน
มี.ค.-พ.ค. เป็นแพกเกจครอบครัว มีโปรโมชันเด็กพักฟรี
3. ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีจะไปร่วมงานไทยเที่ยวไทย
ในเดือน มี.ค.นี้
4. ผู้ประกอบการบางรายมีโปรโมชันลดราคาห้องพัก
และโปรโมชันของแหล่งท่องเที่ยวออกมาเรียกความสนใจ
"เมื่อปี 2561
สถิตินักท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากถึง 18.2 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 264,543
ล้านบาท ในจำนวนนี้จะมีรายได้มาจากเมืองพัทยาในอัตราที่สูง และนอกจากพัทยาแล้วแหล่งท่องเที่ยวที่คนนิยมไปเที่ยว
ไปรับประทานอาหาร ก็มีที่บางแสนและที่สัตหีบ ปีนี้รายได้จากการท่องเที่ยวคงหายไปมาก
ที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวพัทยาเป็นจำนวนมาก รองจากไปเที่ยวที่ภูเก็ต
สำหรับในแง่ผู้ประกอบการก็ได้แต่หวังว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
จะคลี่คลายได้ในเร็ววัน และยังมองว่าภาคท่องเที่ยวน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ราวปลายปี
2563 จะเริ่มกลับมาดีขึ้น”
อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าในตอนนั้นไวรัสโควิด-19 หยุดการแพร่ระบาดหรือยัง เดิมคาดการณ์ว่าจะเกิดปัญหาแค่ 3-6 เดือน แต่ตอนนี้ยังต้องรอดูสถานการณ์โดยรวมอีกครั้ง ทำได้ในตอนนี้คือพยายามกระตุ้นผู้ประกอบการอย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ ขอให้ตั้งสติผนึกกำลังหาทางออกร่วมกัน เพราะในอดีตไทยก็เคยผ่านวิกฤติแบบนี้มาแล้วก็ยังผ่านมาได้