ประเทศไทยนอกจากสถานที่ท่องเที่ยว
ทั้งทางวัฒนธรรม และทางธรรมชาติที่ได้ชื่อว่าสวยงามไม่แพ้ประเทศไหนๆ แต่สำหรับคนอินเดียแล้ว
ตอนนี้พวกเขาเริ่มมองเห็นประเทศไทยเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงาน
และการฮันนีมูน กระแสการเดินทางไปแต่งงานในต่างแดนของชาวอินเดียมีมาเกือบๆ 20 ปี ที่สำคัญการแต่งงานแต่ละครั้งนั้นใช้จ่ายเงินสูงมาก
แขกร่วมงานไม่ว่าจะเป็นคนอินเดียอยู่ในประเทศอินเดีย หรือคนอินเดียที่ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ที่มาแต่งงานในไทยนั้น ล้วนแต่เป็น “คนรวย” และยิ่งรวย งานก็ต้องยิ่งใหญ่ เว่อวังอลังการ ให้สมกับฐานะทางการเงินเศรษฐีแดนภารตะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โรงแรมในเมืองไทยที่คนอินเดียนิยมเข้ามาจัดพิธีวิวาห์นั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง
ในอันดับต้นๆ ก็หนีไม่พ้น “โรงแรมรามาการ์เด้นส์” ที่คนอินเดียรู้จัก และมาแต่งงาน อาจจะเป็นเพราะคำว่า "รามา" ที่คนอินเดียถือว่า คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลในการแต่งงาน
อีกอย่างก็อาจจะเป็นเพราะสถานที่ของรามาการ์เดนส์มีพื้นที่มาก
ไม่ว่าจะจัดพิธีอะไร เช่น แห่ช้าง แห่ม้า ก็สามารถมีพื้นที่เอาไว้รองรับหมด
มีออร์แกไนเซอร์ทางอินเดียมาช่วยจัดการเตรียมงาน และประสานงานให้
ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะมาอยู่เกือบๆ 10 คืน
เพราะพิธีกรรมในการแต่งงานของเขานั้นมีหลายพิธี และหลายขั้นตอนมากๆ พิธีกรรมลุยไฟ
สู่ขอ เพนต์เล็บ ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายในการจัดงานในครั้งนั้นก็เกือบๆ
10 ล้านบาท ส่วนใหญ่อินเดียที่มาแต่งงานจะเป็นกลุ่มคนชั้นสูง
เป็นเจ้าของกิจการเพชร จิวเวลรี ซึ่งทุกคู่จะมีญาติพี่น้องที่ติดตามด้วยมากมาย
บางคู่ก็ถึงขนาดเหมาทั้งตึกให้ญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายได้พักเลยทีเดียว
ทางโรงแรมรามาการ์เดนส์ก็มีการเตรียมความพร้อมด้านนี้มากที่สุดโดยเฉพาะ
มีครัวอินเดีย ไม่ปะปนกับครัวอื่นๆ ที่สำคัญตอนนี้เข้าใจพิธีกรรมของของเขาค่อนข้างดีว่ามีอะไรบ้าง
และต้องใช้อะไรบ้าง ทางโรงแรมสามารถจัดเตรียมให้พร้อมได้
ต้องบอกว่าโรงแรมรามาการ์เดนส์
เป็นเจ้าแรกๆที่จับตลาดคู่รักอินเดียได้และครองตลาดนี้อย่างเงียบๆมานานและสามารถสร้างรายได้ให้กับโรงแรมได้เป็นอย่างดี
แต่นอกจากรามาการ์เดนส์แล้วมีโรงแรมอื่นๆที่คนอินเดียชอบมาแต่งงานอาจเป็นเพราะชื่อเป็นมงคลอย่างดุสิต
นารายณ์ เอราวัณ
การแต่งงานอินเดียแบบจัดเต็ม
ด้านราคา การแต่งงานที่อินเดียกับที่บ้านเราราคาก็ไม่หนีกันเท่าไหร่
แต่แต่งที่นี่ได้ความแปลก ได้เที่ยวต่างประเทศ ได้มาช็อปปิ้ง แต่สำหรับตัวแทนผู้รับจัดงาน (agency) จะต้องศึกษาพิธีกรรมทุกอย่าง
และทำให้ตรงทุกอย่าง เรื่องของภาษาก็เป็นอุปสรรคหนึ่ง เพราะการแต่งงานเป็นประเพณีทางฮินดู
รวมถึงกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ดอกไม้ ที่ค่อนข้างยุ่งยาก
ประเพณีของแต่ละคู่ก็จะไม่เหมือนกัน
คู่รักอินเดียบางคู่จับจ่ายใช้สอยในงานแต่งงานไปกว่า 80 ล้านบาทเลยทีเดียว
และคู่ที่ใช้เวลาในการทำพิธีมากที่สุดก็อยู่ที่ประมาณ 6-7 วัน
ลองนึกดูกันเล่น
ๆมีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงร่วมงานแต่งงานอยู่ที่จำนวน 200-500 คน
บางคู่ลงทุนพาพระ/นักบวชบินมาด้วย เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธี
ระยะเวลาในการจัดงานอยู่ที่ประมาณ 5-7 วันจำนวนคืนที่พัก + จำนวนห้องพัก + ค่าเช่าห้องจัดงาน +
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม + แพ็กเกจท่องเที่ยวในไทย + ค่าเช่ารถ + ค่าบริการต่าง ๆ อีกมากมาย
ครอบครัวที่มีรายได้น้อยนั้น
ค่าใช้จ่ายในการแต่งงานจะตกอยู่ที่งานละ 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ
สำหรับครอบครัวรายได้ปานกลางอยู่ที่ 1.5-4
หมื่นเหรียญสหรัฐ และครอบครัวระดับเศรษฐีใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ ถึง 1.5 แสนเหรียญสหรัฐ
โดยมีระยะเวลาจัดงานเฉลี่ย 4-7 วัน และแขกเข้าร่วมงานในแต่ละครั้งมีจำนวนประมาณ 200-250 คนทีเดียว
บางทีก็ถึงขนาดกับเหมาโรงแรม เหมาตึกกันไปเลยก็มี
พิธีการค่อนข้างมาก
วันแรกอาจจะเป็นพิธีทางศาสนา มีพราหมณ์เป็นผู้ทำพิธี วันต่อมา พิธีใส่แหวน
มีการแต้มแป้งสีแดงที่หน้าผาก บางคู่ อาจจะจัดงาน Mehandi ทาเฮนน่าตามมือ
แขน และขาของเจ้าสาว ตามมาด้วย พิธี Sangeet
(งานสละโสด
จัดขึ้นหนึ่งวันก่อนวันแต่งงานจริง) และพิธีแต่งงานจริง
ก่อนจะจบด้วยงานเลี้ยงหลังงานแต่งงาน (ปาร์ตี้)
บางกรณีแพ็กเกจแต่งงานในไทยมี
“บริการขี่ช้าง” ให้คู่บ่าวสาวนั่งเข้าพิธีแต่งงาน ยิ่งทำให้คนอินเดียรู้สึกเหมือนเป็น
“มหาราชา-มหารานี” เข้าไปอีก
จากตัวเลขของสมาคมส่งเสริมการแต่งงานอินเดียในประเทศไทย
โรงแรมหรูในประเทศไทย รับจัดงานแต่งงานให้คู่รักอินเดียมากถึง 300 คู่ต่อปีเดือนธันวาคม ปี 2561 ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นภาษาอังกฤษ ภูเก็ตนิวส์
รายงานว่า มีบ่าวสาวชาวอินเดียจัดงานแต่งงานนานถึง 5 วัน มีแขกมาร่วมงานมากกว่า 1,300 คน ณ รีสอร์ทในจังหวัดภูเก็ต
ที่กินพื้นที่มากถึง 118 ไร่
นับว่าเป็นงานแต่งงานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เมืองไทยเคยจัดมาบรรดาแขกร่วมงานดื่มมะพร้าวหมดไป
12,000 ลูก
นอกจากกรุงเทพฯ จังหวัดอื่น ๆ ที่คนอินเดียนิยมไปจัดงานแต่งงาน ได้แก่ เชียงใหม่ หัวหิน พัทยา ภูเก็ต และกระบี่
นี่จึงเป็นโอกาสที่สำคัญที่ภาคธุรกิจโรงแรมของไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว น่าจะหันมาบริการรับจ้างจัดงานแต่งงาน แก่คู่วิวาห์อินเดียแบบครบวงจรมากขึ้น เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีขนาดใหญ่และมียอดการใช้จ่ายสูง
TakeME Tour เพื่อนพาทัวร์ โดนใจต่างชาติ