การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
หรือ โควิด-19 (COVID-19)
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีสถานประกอบการและผู้ประกันตนได้รับความเสียหายด้านรายได้และว่างเว้นจากการทำงานจากการปิดบริการชั่วคราว
โดยครอบคลุมสถานประกอบการ 35,068 แห่ง และผู้ประกันตน 644,136 คน (ข้อมูลจาก
สำนักงานประกันสังคม ณ เดือนมีนาคม2563)
ดังนั้นเพื่อเป็นการผลักดันให้กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
วิสาหกิจชุมชนและผู้ว่างงานอยู่รอด
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้วางแนวทางปั้นงานสร้างรายได้เยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบ สามารถสร้างอาชีพทำเงินได้ด้วย 5 อุตสาหกรรมครัวเรือน ครอบคลุมประเภทสมุนไพร อาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น และของใช้ภายใต้แนวคิด “ปั้น ปรุง เปลี่ยน เอสเอ็มอีให้ดีพร้อม (DIProm)” โดยมีรายละเอียดดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กลุ่มสมุนไพรแปรรูป
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก
แต่อย่างไรก็ดียังนับเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ซึ่งจากปีที่ผ่านมามีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า
18,200 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าตลาดดังกล่าวจะมีโอกาสเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า
20,000 ล้านบาท จึงถือเป็นหนึ่งในธุรกิจครัวเรือนที่น่าสนใจ ด้วยการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ภูมิปัญญาที่มีอัตลักษณ์
อย่างการนำพืชสมุนไพรหรือพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลักมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล อาทิ สบู่เหลวล้างมือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย
แชมพู และอาหารเสริมสุขภาพ ฟ้าทะลายโจรน้ำขิงสำเร็จรูป
อย่างไรก็ดีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ควรสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและตราสินค้าให้มีความแตกต่าง
เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร
แม้ปัจจุบันภาคการเกษตรยังคงได้รับผลกระทบหนัก
จากข้อจำกัดด้านการกระจายผลผลิตและการส่งออก อีกทั้งปัญหาราคาตกต่ำจากสินค้าล้นตลาด
ดังนั้นการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรสู่ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่สามารถเก็บรักษาได้นานในอุณหภูมิปกติ
และคงรสชาติ สี กลิ่นเดิมของอาหารนั้นๆ จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สร้างรายได้แก่เกษตรและผู้ประกอบการ
อาทิการใช้เทคโนโลยีฟรีซดราย (Freeze Drying) ในเมนูอาหาร ผัก หรือผลไม้และเทคโนโลยีอบแห้ง
โดยในปี พ.ศ. 2563 กสอ.
เตรียมงบประมาณ 5 ล้านบาท สำหรับโครงการเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปแบบครบวงจร
เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ 160 ราย และพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหาร 5 ผลิตภัณฑ์
กลุ่มแปรรูปผลไม้
ในช่วงที่คนไทยตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของโรคติดโควิด-19
หนึ่งในวิธีลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ คือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีวิตามินซี ดังนั้นธุรกิจในครัวเรือนที่สามารถดำเนินการได้และเป็นการสร้างรายได้เสริมด้วย
การนำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงนำมาแปรรูปในน้ำผลไม้พร้อมดื่ม อาทิ น้ำส้มน้ำฝรั่ง
น้ำกีวี น้ำสตรอเบอร์รี่ น้ำมะนาว ลูกหม่อน และผักผลไม้หลากสี ล้วนเป็นเครื่องดื่มเสริมการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจแปรรูปผลไม้ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยในปี 2563 กสอ.เตรียมงบประมาณเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปกว่า
28 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ 1,400 ราย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป 200
ผลิตภัณฑ์
กลุ่มสิ่งทอ
ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาด
ผู้ประกอบการสิ่งทอสามารถต่อยอดวัตถุดิบผ้าอย่าง “ผ้ามัสลิน” สู่หน้ากากผ้าได้ เนื่องจากผ้าดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันละอองฝอยได้ดี
(ที่มา:กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) นอกจากนี้ ด้วยกระแสของผลิตภัณฑ์จากเส้นใยธรรมชาติที่ได้รับความนิยมและเป็นเทรนด์สิ่งทอในอนาคต
จึงเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการสิ่งทอในการพัฒนานวัตกรรมสิ่งทอสีเขียว อาทิ ‘ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม’
ผ้าทอจากธรรมชาติที่ให้คุณค่าทางวัฒนธรรม ‘กระเป๋าแฟชั่นจากเส้นใย’
การสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตผลทางการเกษตรด้วยความคิดสร้างสรรค์
กลุ่มงานคราฟต์รักษ์โลก
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยยังไม่คลี่คลายแต่กระแสกรีนมาร์เก็ต
(Green Market) ที่เน้นการเลือกใช้วัสดุหรือการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ยังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในปีนี้และอีกหลายปีข้างหน้า ดังนั้นอุตสาหกรรมหัตถกรรมสามารถระดมสมองต่อยอดแนวคิดปั้น
“วัตถุดิบท้องถิ่น” สู่ “งานคราฟต์รักษ์โลก” ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
แต่คงความโดดเด่นทางวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ อาทิ กระเป๋ากระจูดไซส์มินิ
ดีไซน์เก๋สำหรับใส่สมาร์ทโฟน หรือหน้ากากอนามัย ฯลฯ ทั้งนี้อุตสาหกรรมงานฝีมือและหัตถกรรมถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพสูงและน่าจับตามอง
โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 8.7 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการสามารถประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เข้ามาเป็นช่องทางเสริมเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในภาวะวิกฤตได้ อาทิ เฟซบุ๊ก (Facebook)ไลน์ (Line) อินสตาแกรม (Instagram) ตลอดจนการขนส่งแบบเดลิเวอรี่ (Delivery) นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถเรียนรู้บนออนไลน์ไลฟ์สตรีม
ภายใต้โครงการ “ปั้น SMEs ค้าออนไลน์สู้วิกฤตโควิด-19” จากทาง กสอ.โดยเปิดคอร์สการอบรมหลากหลาย อาทิ การกระตุ้นยอดขายด้วยกูเกิ้ลแอดเวิร์ด (Google Adwords) การขายสินค้าผ่านยูทูป (YouTube) และเทคนิคกระตุ้นยอดขายด้วยภาพถ่ายและวีดีโอ เพื่อเพิ่มทักษะด้านการตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์ และสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น