ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา
ธุรกิจมากมายที่ได้รับผลกระทบต่างต้องปิดตัวลงเพราะขาดรายได้
หรือสภาพคล่องทางการเงินไม่มั่นคงมากพอให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้
ซึ่งหลังจากรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ให้ประชาชนออกไปใช้บริการหรือซื้อสินค้าต่างๆ ได้มากขึ้น
ก็เป็นโอกาสดีที่ธุรกิจเหล่านั้นจะฟื้นคืนกลับมา
แต่เพราะการบริหารต้นทุนที่เท่าเดิมไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป
เพราะสุดท้ายแล้วกำลังซื้อและความต้องการของคนหลังหมดโควิด-19 จะไม่เท่าเดิมอย่างแน่นอน
เพราะคนส่วนใหญ่เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเก็บเงินสดไว้กับตัวแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะใช้เงินน้อยลง และเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่จะหาวิธีลดต้นทุนการผลิต ให้เหมาะสมกับสถานการณ์แบบนี้ และนี่คือ 5 วิธีที่ช่วยให้บริหารจัดการธุรกิจดีขึ้นกว่าเดิม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ใช้สินค้ามือสองบ้าง
การใช้สินค้ามือ
2 สำหรับธุรกิจแล้วนับเป็นการลดต้นทุนที่ดีมาก
ซึ่งในบางอุตสาหกรรมหรือบางธุรกิจเราไม่จำเป็นต้องใช้สินค้ามือ 1 อย่างเดียวเสมอไป มันก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน
ซึ่งอาจทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ ไปได้มากกว่า 30-40%
เลยก็ว่าได้ เช่น หากคุณมีอาชีพเป็นช่างภาพ
ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องมือ 1 เสมอไป
หรือคุณทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ที่มีการไลฟ์สด อุปกรณ์จัดแสงไฟ ไมค์
หรือสิ่งต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนมาก
เพราะสุดท้ายยิ่งประหยัดต้นทุนได้มากเท่าไหร่ ยิ่งหมายถึงกำไรที่เพิ่มมากขึ้น
2. พยายามทำเองก่อนจ้างคนอื่น
ในเรื่องของการทำธุรกิจ
ยิ่งมีคนช่วยมากยิ่งแบ่งเบาภาระคุณได้ก็จริง
แต่ในสถานการณ์ที่อยากลดต้นทุนให้ธุรกิจ
สิ่งสำคัญคือต้องลงมือทำด้วยตัวเองให้มากที่สุดก่อนเสมอ
เพราะการเรียนรู้ที่จะทำด้วยตัวเองนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนอื่นมาดูแลสิ่งเหล่านั้นได้แล้ว
มันยิ่งเพิ่มพูนทักษะ ประสบการณ์ของเราให้เพิ่มขึ้น
สามารถรู้และเข้าใจในเรื่องเหล่านั้นได้มากขึ้น และที่สำคัญงานที่ทำด้วยตัวเองจะมีความใส่ใจมากกว่าคนอื่นทำแน่นอน
เช่น เรื่องของการตลาดออนไลน์ คุณสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องจ้างคนอื่น
เพราะหากคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังทำอะไรให้คุณอยู่ คุณอาจจะโดนเขาหลอก
หรือไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปก็ได้
3. เปลี่ยนสถานที่ทำงานถ้าจำเป็นจริงๆ
หากออฟฟิศของคุณมีค่าเช่าที่แพง
ในสถานการณ์แบบนี้การย้ายออฟฟิศ เพื่อเป็นการลดต้นทุนต่อเดือนได้หลายพันบาท
ก็อาจเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน แม้จะดูเป็นเรื่องใหญ่
และการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นเรื่องน่ากลัว
แต่หากทำเลของคุณมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ เช่น คุณทำธุรกิจออนไลน์
และมีออฟฟิศไว้ให้พนักงานเข้ามาทำงานเท่านั้น
แบบนี้ก็สามารถทำความเข้าใจกับพนักงานและทำเรื่องย้ายได้แบบไม่ต้องกลัวส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
ซึ่งตรงนี้คุณอาจต้องคุยกับทีมให้ดี เพื่อหาสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์กลาง
หรือสะดวกกับทุกฝ่าย แต่มันจะช่วยประหยัดได้มากกว่าเดิมแน่นอน
4. ลงทุนกับเทคโนโลยีดีที่สุด
หลายคนจะไม่กล้าที่จะซื้อเทคโนโลยีแพงๆ
มาใช้งาน เพราะรู้สึกว่าราคาสูง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
หากเทคโนโลยีตรงนั้นสามารถตอบสนองแทนคนได้เป็นอย่างดี
ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับทีมหรือคุณได้ ก็ควรค่าแก่การลงทุน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีสมัยนี้มีให้เลือกใช้งานได้ในราคาถูก
เพราะการแข่งขันสูง บางอย่างสามารถใช้งานได้ฟรีๆ โดยไม่เสียเงินเลยก็มี ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมต่างๆ
หรือตัวช่วยจากผลิตภัณฑ์ Google ทั้งหลายนั่นเอง
5. อย่าให้พนักงานลาออกบ่อยๆ
การที่พนักงานลาออกไป
หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ
แต่นั่นหมายถึงต้นทุนของคุณจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน เพราะเมื่อพนักงานคนหนึ่งลาออก
เราก็ต้องมองหาคนใหม่ที่ต้องใช้เวลาในการเทรนนานมาก
กว่าเขาจะสามารถมาแทนที่คนเก่าได้เลยทันที อีกทั้งยังมีต้นทุนจากการทำงานพลาด
รวมถึงถ้าบริษัทมียูนิฟอร์มก็อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงนั้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีต้นทุนค่าเสียโอกาสที่พนักงานคนอื่นจะทำงานตัวเองได้
ก็ต้องสละเวลามาสอนพนักงานใหม่
ดังนั้นต้นทุนเรื่องพนักงานก็เป็นสิ่งที่ต้องคาดการณ์ไว้เช่นกัน
ทั้ง 5 ต้นทุนนี้ หากคุณสามารถลดมันได้ ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายขององค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อมไปได้เยอะมาก ซึ่งมันช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤตในช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตอนนี้ที่สถานการณ์ต่างๆ ยังไม่นิ่งสงบ และการใช้จ่ายของผู้คนยังคงน้อยอยู่ การลดต้นทุนต่างๆ เอาไว้ หรือมองหาวิธีการรับมือล่วงหน้าก็สร้างโอกาสรอดให้คุณได้มากเช่นกัน
3 ขั้นตอน ในการบริหารต้นทุน
ราคาที่ธุรกิจ ‘ต้องจ่าย’ สู่การปรับตัวเป็น New Normal
คำแนะนำสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์หลังปลดล็อกดาวน์โควิด-19