ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน คือสนามบินอู่ตะเภา สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งตะวันออกหรือ EEC ซึ่งมีองค์ความรู้หนึ่งเกี่ยวข้องกับแวดวงโลจิสติกส์แห่งอนาคต นั่นคือ Hyperloop ระบบขนส่งภาคพื้นดินในลักษณะอุโมงค์รูปลักษณ์ท่อขนาดใหญ่วางยาวต่อๆกัน โดยท่อเป็นระบบท่อสุญญากาศ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แนวคิด Hyperloop เริ่มโดย Elon Musk ในปี 2013 ได้ร่างพิมพ์เขียวการจัดสร้างและเผยแพร่เป็นเอกสารการออกแบบเบื้องต้น
ซึ่งรวมถึงเส้นทางที่แนะนำจากลอสแอนเจลิสถึงซานฟรานซิสโก
ซึ่งเป็นแนวทางเดินรถเชื่อมระหว่าง 5 รัฐ มีการประมาณการค่าใช้จ่ายเบื้องต้น สำหรับเส้นทางลอสแอนเจลิสไปยังซานฟรานซิสโกไว้ที่
6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการขนส่งเฉพาะผู้โดยสาร และ 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯสำหรับการขนส่งสินค้า
โดยในปีต่อมาได้มีการก่อตั้ง Hyperloop One โดยทีมวิศวกรอากาศยานและทีมวิศวกรขนส่งระบบรางจำนวน
200 คน เป็นทีมงานบุกเบิกเพื่อสร้าง Hyperloopในเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ทีมวิศวกรชุดบุกเบิกได้แนะนำให้มีการทดลองเชื่อมต่อ
Hyperloop ระหว่างเมืองเฮลซิงกิ
ไปยังกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะลดเวลาในการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ
ลงถึงครึ่งชั่วโมง
โดยโครงการดังกล่าวเป็นการระดมทุนจากนักลงทุนมากกว่า
160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำโดย Musk&SpaceX ของ
Elon Musk และในวันที่
11 พฤษภาคม ปี ค.ศ.2016
Hyperloop One ได้ดำเนินการทดลองใช้เทคโนโลยี Hyperloop ครั้งแรก
ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามอเตอร์ไฟฟ้าที่กำหนดไว้ สามารถขับเคลื่อนได้เองโดยเลื่อนจาก 0
ถึง 110 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที
อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อมาสำหรับ Hyperloop ก็คือท่อแรงดันอากาศต่ำที่ใช้สำหรับลดแรงเสียดทานระหว่างโบกี้รถไฟกับตัวท่อ
โดยมีพัดลมยักษ์ซึ่งติดตั้งไว้ที่ด้านหน้าสุดของตัวรถแรงดันอากาศต่ำเจอกับภาวะสุญญากาศ
และการขับเคลื่อนของ STATOR
และ ROTOR ก็จะทำให้ขบวนรถไฟ Hyperloopเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยตนเอง
ปัจจุบัน Hyperloop ได้เริ่มดำเนินการระบบการขนส่งผู้โดยสาร
ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) จากเมืองดูไบ
ไปอาบูดาบี ตามรอยความสำเร็จของเส้นทางเฮลซิงกิ-สตอกโฮล์ม และลอสแอนเจลิส-ซานฟรานซิสโก
และกำลังทำการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับระบบการขนส่งของรัสเซีย และสวิตเซอร์แลนด์
ฯลฯ
กล่าวกันว่าการขนส่งแบบ Hyperloop แม้จะมีความเร็วสูงกว่าแต่ปลอดภัยกว่าเครื่องบิน การขับเคลื่อนอาศัย STATOR วางแนวไว้ด้านล่างของขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นระบบมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า ส่วนที่ติดตั้งกับตัวรถเรียกว่าROTOR ทำความเร็วสูงสุดได้ 760 ไมล์ต่อชั่วโมง มันจึงวิ่งจากลอสแอนเจลิส ไปยังซานฟรานซิสโกด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยี Hyperloop ต้องถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก
เพราะในขณะนี้บ้านเราเพิ่งเริ่มต้นโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์นำร่องของ
S-Curve ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0
ของรัฐบาล ดังนั้น Hyperloop ยังถือว่าเป็นอนาคตที่ไกลเกินไปสำหรับประเทศไทยในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยี Hyperloop จะเป็นมิติใหม่ด้านการขนส่งในอนาคตอย่างแน่นอน และเชื่ออีกไม่นานเกินรอ ภายใต้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ EEC สามารถต่อยอดไปกับ New S-Curveอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ ซึ่งเทคโนโลยีการขนส่งรูปแบบใหม่จะยิ่งผลักดันให้ Hyperloop ในประเทศไทยเกิดเร็วขึ้น