ส่องแนวคิดแบรนด์ KA ผู้ผลิตครีมกันแดดเบอร์หนึ่งเมืองไทย มองไกลสู่ระดับโลก
ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางและเวชสำอางแบรนด์ KA ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคิดค้นสูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไทย จากแนวคิดการบริหารธุรกิจของทายาทรุ่นที่ 2 คุณกรกมล ชัยวัฒนเมธิน ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาธุรกิจ และคุณนีรมล ชัยวัฒนเมธิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ปวีณ์มล จำกัด พร้อมเปิดความสำเร็จกว่า 37 ปี ท่ามกลางกระแสความแข่งขันอย่างดุเดือดในธุรกิจความงาม ที่เชื่อว่าแบรนด์ไทย ไม่แพ้ใครในโลก
ผู้บริหารแบรนด์ KA เล่าว่า ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นเภสัชกรทั้งคู่ โดยเริ่มต้นจากร้านยาเล็กๆ ในชุมชน ด้วยการพัฒนายาสูตรต่างๆ ซึ่งทดลองใช้จากลูกค้าที่มีแผลไฟไหม้ โดนน้ำร้อนลวก แผลเกิดจากอุบัติเหตุรถล้ม ปรากฏว่าแผลหายสนิทไม่ทิ้งรอยแผลเป็น จนตัดสินใจทำธุรกิจครีมวิตามินอีในแบรนด์ KA ขึ้นเป็นรายแรกในประเทศไทย พร้อมกับส่งจัดจำหน่ายให้กับร้านขายยาทั่วประเทศ

ปัจจุบันแบรนด์ KA ประสบความสำเร็จ เติบโตและได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศมายาวนานกว่า 37 ปี นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง จึงสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยทีมเภสัชกรที่มีความสามารถและประสบการณ์ เพื่อมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ในราคาที่สมเหตุสมผลให้ผู้บริโภคทุกท่าน
“เรามีเป้าหมายตั้งแต่แรกว่า เป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพ ราคาจับต้องได้ ไม่แพง เนื่องจากเราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสสินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุด”
โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 ส่วน คือ ผลิตแบรนด์ตัวเอง และรับจ้างผลิต OEM (Original Equipment Manufacturer) สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ KA คือ กลุ่มครีมกันแดด สกินแคร์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ภายใต้แบรนด์ Polka

คุณกรกมล ชัยวัฒนเมธิน ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปวีณ์มล จำกัด
ตอบโจทย์คนผิวแพ้ง่าย มัดใจลูกค้าอยู่หมัด
แบรนด์ KA มัดใจลูกค้าด้วยการคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์สำหรับคนผิวแพ้ง่าย โดยการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว และมีคุณสมบัติไม่อุดตัน ไม่เป็นสิว ผิวได้รับความชุ่มชื่น ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญมาตั้งแต่ต้น
“เราค่อยๆ ทำการตลาด บอกลูกค้าว่าในร่มก็มีแดดและรังสียูวี เมื่อก่อนคนทาครีมกันแดดเฉพาะตอนออกไปเจอแดดแรงๆ แต่ปัจจุบันเราทาครีมกันแดดในทุกๆ วัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกแดด หรือนั่งทำงานในออฟฟิศก็ทาครีมกันแดด”

คุณกรกมล เล่าให้ฟังอีกว่า ท่ามกลางกระแสความแข่งขันอย่างดุเดือดในธุรกิจความงาม ทำไมแบรนด์ KA ถึงแข่งกับคู่แข่งที่เป็นต่างชาติได้ เพราะแบรนด์รู้จักลูกค้าของตนเองเป็นอย่างดี และด้วยความที่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ความเข้มข้นของแสงแดดในเมืองไทยอยู่ขั้นสูงมาก และลูกค้าคนไทยผิวไม่เหมือนใคร มีผิวมัน ปนแห้ง
ดังนั้นสินค้าที่ใช้แล้วต้องไม่มีความมัน ไม่อุดตัน ไม่เป็นสิว และต้องได้รับความชุ่มชื่น ซึ่งแบรนด์สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกันแดดที่เป็นเบอร์หนึ่งสำหรับสินค้าแบรนด์ไทย และถือว่าเป็นผู้บุกเบิกในตลาดครีมกันแดด เพราะด้วยความที่อยู่ในตลาดมานาน
นอกจากมีชื่อเสียงในเรื่องครีมกันแดดแล้ว ผลิตภัณฑ์อีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ กลุ่มสกินแคร์ ทั้งบำรุงผิวหน้า บำรุงริมฝีปาก ที่ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าจนต้องกลับมาซื้อซ้ำ

พัฒนาสูตร เลือกใช้เทคโนโลยี ไม่พึ่งแอลกอฮอล์
สำหรับเทคโนโลยีที่แบรนด์เลือกใช้นั้น ก็ขึ้นอยู่สินค้าแต่ละประเภท เช่น การเลือกใช้เทคโนโลยีลดการระคายเคือง หรือเทคโนโลยีเพื่อให้คงความหอม พร้อมปกป้องประสิทธิภาพสารกันแดดได้อย่างยาวนาน และเทคโนโลยีที่ใช้ ยังช่วยเนื้อครีมมีความบางเบา เอาอยู่ไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ เพราะแบรนด์มีความมุ่งมั่นตั้งแต่แรกว่าอยากให้คนไทยมีสุขภาพผิวดีในระยะยาว ดังนั้นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ KA จึงไม่ใส่แอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ และยังมีนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพกันแดดให้คงที่ ด้วย SPF50+ PA++++
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้แบรนด์ KA แตกต่างจากแบรนด์อื่น คุณกรกมลมองว่า ในการทำ R&D (Research and Development) หรือการการวิจัยและพัฒนาสูตร แบรนด์จะไม่เน้นตามเทรนด์แฟชั่น แต่จะคำนึงถึงสุขภาพผิวในระยะยาวของลูกค้าเป็นสำคัญ พร้อมทั้งมุ่งมั่นปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ดีขึ้นไปด้วย พร้อมมองว่าทิศทางต่อไปของเครื่อง
สำอางในอนาคตน่าจะมุ่งไปที่เรื่องของส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ
นอกจากนี้ ด้านกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพ GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์ได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า

มากกว่า OEM บริการรับผลิต เป็นที่ปรึกษาและทำการตลาดเครื่องสำอางครบวงจร
นอกจากผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตนเองแล้ว ยังมีบริการรับผลิตเครื่องสำอางครบวงจร OEM (Original Equipment Manufacturer) โดยมีตั้งแต่บริการวิจัยและพัฒนาสูตร บริการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โลโก้และฉลากสินค้า บริการบรรจุสินค้า รวมทั้งบริการปรึกษาด้านการตลาด ซึ่งทางบริษัทพร้อมผลิตสินค้ารองรับลูกค้าทุกรูปแบบ หากใครสนใจอยากจะใช้บริการภายใน 4 เดือน สามารถนำสินค้ามาวางขายภายใต้แบรนด์ตนเองได้ทันที
สำหรับทิศทางตลาด OEM คุณกรกมลมองว่า ทิศทางตลาดนี้มองว่าไปได้อีกไกล เพราะทุกคนอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากจะเป็นเจ้าของสินค้า ซึ่งอนาคตเป็นไปได้ที่บ้านเราจะเหมือนญี่ปุ่น ที่แต่ละหมู่บ้านจะมีสินค้าเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนกัน
ส่วนทิศทางการตลาดภายใต้แบรนด์ KA นอกจากขายในประเทศไทยแล้วยังส่งออกไปยังเอเชียในหลายประเทศ และมีที่ส่งออกในรูปวัตถุดิบ และไปติดยี่ห้อเองก็มีอยู่ 2 - 3 ประเทศ
“สินค้าของเราก็จะมีร้านค้า หรือตัวแทนติดต่อนำไปขาย เช่น ลาว กัมพูชา และมีที่ส่งออกในรูปของ OEM ด้วย”

มองเห็นโอกาส พาแบรด์ก้าวข้ามวิกฤต
ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแทบทุกภาคส่วน แต่ด้วยแนวคิดของผู้บริหารกลับมองมองวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่โควิดรอบแรก ด้วยการผลิตสินค้าเจลแอลกอฮอล์ ภายใต้แบรนด์ Polka ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างอินเทรนด์ สำหรับสินค้าโควิด 19 โดยสินค้ากลุ่มนี้เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และนอกจากจะขายให้คนไทยแล้ว สินค้ากลุ่มนี้ ยังส่งขายไปยังประเทศจีนอีกด้วย

ซึ่งการที่สามารถนำพาบริษัทรอดจากวิกฤตในแต่ละครั้งได้ คุณกรกมล มองว่า เนื่องจากแบรนด์มีทีมขายกระจายทั่วประเทศค่อนข้างเข้มแข็ง พร้อมกับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศ บวกกับแนวคิดที่เข้าใจลูกค้า ถึงแม้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่เชื่อว่าการออกไปพบลูกค้าเองทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จะสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดสินค้าให้เติบโตต่อไปได้
ท้ายนี้ คุณกรกมล ยังมองถึงตลาดเครื่องสำองค์กับโอกาสธุรกิจของแบรนด์ KA เชื่อว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่หยุดยั้ง อีกทั้งด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นสินค้าคุณภาพ เพื่อผิวพรรณสุขภาพดีในระยะยาว จะสามารถพาแบรนด์ไปสู่ระดับโลกได้
รู้จักผลิตภัณฑ์แบรนด์ KA ได้เพิ่มเติมที่ :