กลุ่มประเทศนอร์ดิกเป็นต้นแบบการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับประเทศไทยหลากหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของเทคโนโลยีชีวภาพ
วิธีการเก็บและบริหารจัดการฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการสร้างความยั่งยืนและลดความเหลื่อมล้ำ
รวมถึงการส่งเสริมสตาร์ทอัพและพัฒนานวัตกรรม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ และหอการค้าไทย – ฟินแลนด์ จัดสัมมนาเชิงวิชาการด้านนวัตกรรม Fuse@Bangkok เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างไทยและฟินแลนด์ ซึ่งมีต้นแบบที่น่าสนใจ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กลุ่มประเทศนอร์ดิก ประกอบด้วยกลุ่มสาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรนอร์เวย์ สวีเดน
ราชอาณาจักรเดนมาร์ค และไอซ์แลนด์ ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีอิทธิพลในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยมีตัวอย่างความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้น
เช่น ระบบภาษา C++ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกปัจจุบันและเป็นรากฐานสำหรับระบบต่างๆ
เกือบทุกอย่างในโลกเทคโนโลยี เช่น เซิร์ฟเวอร์โทรศัพท์มือถือ เราเตอร์ (Router)
ฐานข้อมูล (Database) ระบบ Linux ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของฟรีซอฟต์แวร์
หรือแม้แต่กระทั่งเครื่องมือสื่อสารยอดนิยมอย่าง NOKIA ก็ถือกำเนิดขึ้นในภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน
การพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมของกลุ่มประเทศนอร์ดิกส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม
อย่างประเทศฟินแลนด์ใช้เงินลงทุนพัฒนาด้านนวัตกรรมโดยรวมมากกว่า 3,000 ล้านยูโร
ในขณะที่องค์กรและบริษัทส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการพัฒนา
ทั้งนี้ การคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณค่าเพียงพอไม่ใช่นวัตกรรมตื้นเขิน
(shallow innovation) หรือนวัตกรรมที่ไม่ตอบโจทย์ตลาด เช่น
บริษัทแห่งหนึ่งผลิต magic socks ถุงเท้าที่จะมีสัญญาณการแจ้งเตือนแก่ผู้สวมใส่ว่าถุงเท้ายังคงอยู่ในสภาพดีหรือไม่
ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่ได้มีประโยชน์มากพอต่อสังคม เป็นการใช้เงินลงทุนไปแต่ได้ประโยชน์กลับมาเพียงเล็กน้อย
หัวใจของการสร้างนวัตกรรมในกลุ่มนอร์ดิกไม่ได้เกิดจากใช้ทักษะด้านองค์ความรู้/ความสามารถเชิงเทคโนโลยีในมิติของ
Hard skills เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากมิติด้าน Soft
skills ด้วย เช่น ความเชื่อใจ (trust) ความโปร่งใส
(transparency) และ ความร่วมมือร่วมใจ (togetherness)
เพื่อจะช่วยสร้างวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการใช้ความคิดสร้างสรรค์
และนำไปสู่การเกิดนวัตกรรมได้
สำหรับประเทศไทยสามารถหยิบยกการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบนอร์ดิกมาเป็นต้นแบบได้ในหลากหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของเทคโนโลยีชีวภาพให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง
เพื่อทำให้สังคมและเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างสมดุล
ส่วนต่อมาคือการเรียนรู้วิธีการเก็บข้อมูล (BIG DATA) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและนำมาใช้ประโยชน์
รวมทั้งนวัตกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสารโทรคมนาคมที่กำลังจะทวีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศในปีถัดไป การมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่สร้างความเสมอภาคและลดความเหลื่มล้ำสังคม เช่น การบริการรักษาพยาบาล การศึกษา การจัดระบบบำเหน็จบำนาญ การดูแลผู้พิการและผู้สูงอายุ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ตั้งแต่การจัดการเรื่องของเสีย การนำกลับมาใช้ใหม่ การจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นแนวโน้มในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนของโลก