ถุงพลาสติกจากมันสำปะหลัง นวัตกรรมลดปริมาณขยะ

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการงดใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนา “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับขยะเศษอาหาร”

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ปัจจุบันปัญหาของ “ขยะพลาสติก” ทั้งบนบกและในทะเล เป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกตื่นตัวกันมาก ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 10 ของประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกสู่ท้องทะเลมากที่สุดในโลก สาเหตุมาจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-use Plastic) ซึ่งมีอัตราส่วนมากถึง 40% ของขยะพลาสติกทั้งหมด

ทั้งนี้ จากนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดการลดและเลิกใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งจำนวน 7 ชนิด ที่พบมากในทะเลของประเทศไทย ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระบวนการจัดการขยะมีความจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกเพื่อรวบรวมและขนส่งขยะ เช่น ขยะเศษอาหาร ไม่ให้ปนเปื้อนกับขยะที่รีไซเคิลได้และขยะอื่นๆ

สวทช. โดย เอ็มเทค จึงได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีคอมพาวด์ย่อยสลายและถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับขยะเศษอาหาร โดยนำแป้งมันสำปะหลังมาเป็นวัตถุดิบเริ่มต้น ตอบโจทย์ BCG Economy เพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังและยกระดับรายได้ให้เกษตรกร และเตรียมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชนต่อไป

นวัตกรรมดังกล่าววิจัยและพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยและภาคเอกชนของไทย นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ต้นแบบในการพัฒนาตอบโจทย์ BCG Economy ด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดยการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการเพิ่มคุณค่าหรือการประยุกต์ใช้งานและการแปรรูปของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเกษตร เพื่อทำให้ผลผลิตทางการเกษตรแบบดั้งเดิม มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ลดปริมาณถุงพลาสติก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์ SMEs ไทย และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ต่อยอดธุรกิจด้วยพลาสติกชีวภาพ

ปัจจุบันนี้มีการใช้พลาสติกชีวภาพเพียง 1% ของการใช้พลาสติกทั้งหมด และอุปสรรคในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพที่สำคัญ คือ ปัญหาในด้านต้นทุนการผลิต และประสิทธิภาพในการใช้งาน ทำให้การนำมาประยุกต์ใช้จริงเป็นไปได้ยาก บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด จึงคิดค้นพัฒนาแป้งมันสำปะหลังดัดแปรให้อยู่ในรูปของเม็ดพลาสติก ที่เรียกว่า TAPIOPLAST สามารถย่อยสลายทางชีวภาพ ไม่เหลือสิ่งตกค้างที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และมีราคาลดลง

ด้านบริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ขึ้นรูปถุงพลาสติก ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำวัตถุดิบที่ผลิตจากธรรมชาติ เช่น อ้อย และข้าวโพด มาใช้ผลิตสินค้าประเภท Bio Plastic ซึ่งรวมถึงพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ หรือที่เรียกว่า Compostable Plastic เช่น หลอด ถุงขยะ ถุงซิป ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNBIO” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยจาก เอ็มเทค สวทช. พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าถุงยืดอายุผักและผลไม้ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Fresh & Fresh” ที่คิดค้นด้วยเทคโนโลยี MAP คือบรรจุภัณฑ์ที่มีการควบคุมระดับการเข้าออกของก๊าซภายในถุง ให้อยู่ในสภาพดัดแปลงบรรยากาศแบบสมดุล (EMA) เรียกได้ว่าเป็น “ถุงหายใจได้” มีคุณสมบัติทำให้ผักและผลไม้มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่าถุงทั่วไป ยืดอายุความสดใหม่ของผักและผลไม้

ถือเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy นำวัสดุจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาต่อยอดธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ร่วมกันดูแลสังคมให้อยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

ตลาดบรรจุภัณฑ์ชีวภาพในอินเดียกำลังขยาย

ธุรกิจในมาเลเซียกับกระแส Zero Waste