ภูเขาไฟฟูจิ หรือคนญี่ปุ่นเรียกขานว่า
“ฟูจิซัง” เป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวญี่ปุ่น ถือเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศด้วยระดับความสูง
3,776 เมตร ตั้งอยู่บริเวณ จังหวัดชิซุโอะกะ และ จังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของ โตเกียว พื้นที่โดยรอบประกอบด้วย ทะเลสาบฟูจิทั้งห้า , อุทยานแห่งชาติฟุจิ , ฮะโกะเนะ , อิซุ และ น้ำตกชิระอิโตะ
ด้วยธรรมชาติที่สร้างสรรค์ให้ภูเขาไฟฟูจิมีความสมดุลเท่ากันทั้งซ้ายและขวา
ส่วนยอดเขาก็มีหิมะปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี ประกอบกับทัศนียภาพรอบ ๆ ภูเขาช่วยเพิ่มภาพความงามของฟูจิซังสมบูรณ์แบบจนกลายเป็นแรงบัลดาลใจให้เหล่าศิลปินทุกแขนงนำไปจิตนาการต่อกลายป็นผลงานศิลปะอันงดงาม จน องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ภูเขาไฟฟูจิเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม ในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.
2556 เป็นแหล่งที่มาของความบันดาลใจทางศิลปะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme

ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-พ.ค.)
ปกตินักท่องเที่ยวจะนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงใบไม้ผลิเพราะจะได้กล่าวทักทายกับดอกซากุระที่พร้อมใจกันผลิบานออกต้อนรับอากาศที่เย็นสบายขึ้นหลังจากอุดอู้กับหิมะตกมาตลอดฤดูหนาว
ฟูจิซังในฤดูใบไม้ผลิเหมือนหญิงสาวสดใส ยอดเขายังคงมีหิมะสีขาวหลงเหลือให้เห็นเป็นภาพสวยงามของสีขาวหิมะที่ปกคลุมตัดกับท้องฟ้าสดใสและที่ขาดไม่ได้คือทุกมุมมองของภาพที่ถ่ายจากนักท่องเที่ยวจะต้องมีดอกซากุระติดสีชมพูสดใสอยู่ในภาพด้วย
แม้ว่าฟ้าจะแจ่มใส แต่ฟูจิซังเธอเป็นสาวขี้อายเอามาก ๆ ดังนั้นใครที่คิดว่าจะมีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านดั่งขุนเขาอาจจะผิดหวังก็ได้ เพราะฤดูนี้ภูเขาไฟอยู่ ๆ ฟูจิอาจะเลือนหายไปโดยถูกกลุ่มก้อนเมฆที่ลอยมาบดบังทัศนียภาพก็ได้ ใครอยากจะเห็นแบบโดน ๆ คงต้องเสี่ยงโชคหรืออดทนรอกันหน่อย ต้องมีสักช่วงเวลาที่ฟ้าเปิดให้เราสามารถทักทายกับฟูจิซังได้บ้าง
ฤดูร้อน (มิย.-ส.ค.)
หน้าตาของภูเขาไฟฟูจิในฤดูร้อนอาจไม่คุ้นตานักท่องเที่ยวทั่วไปนัก เพราะไม่มีหิมะปกคลุมยอดเขาอยู่เลย เหมือนหญิงสาวที่วันนี้ไม่ได้ใส่หมวก
ท้องฟ้าแจ่มใส หรืออาจมีฝนตกลงมาบ้าง แต่การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นก็ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป เพราะฤดูอื่น ๆ คุณอาจได้แค่มองดูฟูจิด้วยสายตาในระยะไกล แต่ฤดูร้อนคุณมีสิทธิ์ได้สัมผัสกับภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ชิด
เพราะเป็นฤดูกาลแทรคกิ้ง หรือปีฟูเขาไฟกัน
ปกติจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ได้ปีนภูเขาไฟฟูจิไปถึงชั้น
5 ระหว่างเดือนมี.ค.-ธ.ค. แต่เพียงปีละครั้งเท่านั้นในช่วงหน้าร้อนตั้งแต่ช่วง
ก.ค.-ก.ย. จะเปิดโอกาสให้ปีนจากชั้น 5 ขึ้นไปพิชิตกันถึงปากปล่องเลย สุดแต่ว่าสภาพร่างกายใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน
สำหรับเส้นทางปีนเขาจะมีทั้งหมด 4 เส้นทาง ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศสวยงามแตกต่างกันและมีความยากง่ายต่างกันไป ขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลของเส้นทางปีนและการเดินทางให้ละเอียดด้วย
ฤดูใบไม้ร่วง ( ก.ย.-พ.ย.)
ฤดูใบไม้ร่วงหรือที่เรียกว่าใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาไฟฟูจิเริ่มกลับมามีหิมะปกคลุมอีกครั้ง แต่ที่น่าสนใจคือบริเวณรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งเป็นสถานที่ชมภูเขาไฟฟูจิที่งดงามที่สุด
พอถึงฤดูนี้ต้นไม้บริเวณรอบ ๆ ซึ่งส่วนมากเป็นต้นเมเปิ้ลพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้มเต็มไปทั่วขุนเขา
กลายเป็นภาพสีสันที่สุดแสนจะโรแมนติก
ความจริงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตามฤดูกาล
ปกติจะค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนสีเนื่องจากระดับความสูงของพื้นที่รอบ ๆ ภูเขาไฟไม่เท่ากัน โดยจะเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่เดือนกันยายน แล้วเคลื่อนไปแถบเชิงเขา
มุ่งสู่ทะเลสาบฟูจิทั้ง 5 แห่งซึ่งเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน นั่นหมายถึงว่าทั่วบริเวณจะปกคลุมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีทั้งหมด
ฤดูนี้ถ้าจะมาดูความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิขอแนะนำให้เช่ารถขับไปเรื่อย ๆ เพื่อไล่ดูสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีเคียงคู่กับภูเขาไฟฟูจิในมุมต่าง ๆ จะได้เห็นภาพโรแมนติกหลาย ๆ มุมรอบ ๆ บริเวณทะเลสาบทั้ง 5
ฤดูหนาว ( ธ.ค. – ก.พ.)
ฟูจิซังในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมหนาตั้งแต่ยอดเขาละเรื่อยลงไปนั้น
หลายคนฟันธงว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ฟูจิสวยที่สุด
เพราะภูเขาทั้งลูกที่ขาวโพลนโดดเด่นนั้น
มีสีสันตัดกับท้องฟ้าสดใสแทบจะไม่มีเมฆมาบดบังความงดงาม
แค่นั้นยังถือว่าเป็นความงามในระดับมาตรฐานเท่านั้น เนื่องจากภูเขาไฟฟูจิสูงที่สุดในประเทศ จึงสามารถมองเห็นภูเขาลูกนี้จากระยะไกลรอบ ๆ
พื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัด
ดังนั้นความงามของฟูจิที่เลอค่าจึงถูกนำมาเปรียบเทียบว่ามองฟูจิซังจากมุมไหน
เวลาไหน
และมีองค์ประกอบหรือพร็อพอะไรที่เข้ามาเคียงข้างภูเขาไฟฟูจิแล้วจะเพิ่มเสน่ห์ให้กับภูเขาไฟลูกนี้
ยกตัวอย่างเช่นที่ทะเลสาบอาชิโนโกะ ที่มีผืนน้ำอันกว้างใหญ่จะมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่งดงามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮาโกเน่
สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนในช่วงฤดูหนาว
หรือช่วงเช้ากับใกล้ค่ำของแต่ละวัน
ถ้าใครสนใจ Diamon Fuji หรือปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้นและตกจะมีแสงประกายสาดส่องบนยอดภูเขาไฟเหมือนดั่งเพชรน้ำหนึ่งส่องประกายอยู่บนยอดเขา
ใครอยากดูความงดงามแบบนี้ต้องไปที่ทะเลสาบยามานากะโกะ
เฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น