สิ่งหนึ่งที่มักพบในธุรกิจ SMEs คือ ขนาดบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนต้องขยายขนาดกิจการ การลงทุน ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการยังเตรียมพร้อมรับมือการขอสินเชื่อ sme เพื่อการลงทุนในอนาคต หรือแม้แต่การที่ธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จนทำให้ต้องปรับโครงสร้างใหม่ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งก็จะเป็นอีกปัญหาที่เจ้าของต้องวางแผนให้ดีว่าจะจัดการหาเงินทุนมาอุดรอยรั่วในส่วนนี้อย่างไรให้ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ไม่มีสะดุด และสิ่งหนึ่งที่จะช่วยคุณได้ คือ การขอสินเชื่อ smes เพื่อการลงทุน
โดยขั้นแรกลองไตร่ตรอง ทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนขอสินเชื่อ sme ว่าคุณต้องการนำเงินไปทำอะไร มีแผนอย่างไร มีความจำเป็นต่อธุรกิจมากแค่ไหน ต้องการสินเชื่อ sme เท่าไหร่ และถ้าไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้จะทำอย่างไร ในเมื่อเข้าใจตรงกันดีแล้วก็มาดูว่า หากจะขอสินเชื่อ ธุรกิจต้องรู้อะไรบ้าง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ขั้นแรก
เอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อ ธุรกิจ
-
สำเนางบการเงินปีล่าสุด และย้อนหลังไม่น้อยกว่า
3 ปี
-
สำเนาแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
-
สำเนาเอกสารสิทธิในทรัพย์สินที่เสนอเป็นหลักประกัน
-
แผนที่แสดงที่ตั้งสถานประกอบการ
เอกสารอื่น ๆ
เช่น
-
สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
-
สำเนาโฉนดที่ดิน
หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
-
สัญญากู้เงิน
และสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม
-
ในกรณีมีผู้กู้ร่วม จะต้องมีหลักฐานประจำตัว
และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วม
-
ในกรณีที่ขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ สิ่งที่จำเป็นคือแผนธุรกิจ
เช่น แผนธุรกิจของ SMEs แผนโครงการที่ต้องการดำเนินการ
ทั้งนี้ เอกสารในการยื่นขอสินเชื่อแต่ละประเภทอาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราควรศึกษาหรือสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้สินเชื่ออีกครั้ง นอกจากนี้ ในการขอสินเชื่ออาจมีแบบฟอร์มอื่น ๆ ที่แนบมา ซึ่งเราควรพิจารณาก่อนกรอกข้อมูลและลงนาม เช่น แบบคำยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพื่อขอตรวจสอบประวัติเครดิตจาก เครดิตบูโร และนำมาวิเคราะห์การให้วงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม
แบบคำขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของผู้ให้สินเชื่อติดต่อ
แนะนำสินค้าอื่น หรือให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น ซึ่งเรามีสิทธิเลือกที่จะลงนามหรือไม่ก็ได้
ใบคำขอประเภทอื่น เช่น คำขอมีบัตรกดเงินสด
สินเชื่อส่วนบุคคล หรือบริการแจ้งเตือน SMS
การค้ำประกันและหลักประกัน
การค้ำประกันและหลักประกันเพื่อลดความเสี่ยงและ
ยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าผู้ประกอบการมีความมั่นใจว่าธุรกิจนี้จะประสบความสำเร็จ
โดยหลักทรัพย์ที่นิยมนำมาเป็นหลักประกัน เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงิน
หุ้นกู้ และอสังหาริมทรัพย์ ในกรณีสินเชื่อที่มีบุคคลค้ำประกัน
สถาบันการเงินก็จะพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกันด้วย
อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อ ธุรกิจ
เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาของผู้ขอสินเชื่อหลายๆ
คน
อัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารจะมีการคิดในอัตราที่ไม่เหมือนกันแต่จะไม่เกินไปจากที่กฎหมายกำหนดไว้
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
สินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อที่ใช้หลักทรัพย์
เนื่องจากธนาคารรับความเสี่ยงที่สูงกว่า
นอกจากนี้ประเภทสถาบันการเงินก็จะมีกฎหมายในการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกัน
เกณฑ์ที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาสินเชื่อ
ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับนโยบายและหลักเกณฑ์ของผู้ให้สินเชื่อแต่ละราย
โดยทั่วไปแล้วมีปัจจัยหลัก ๆ ที่ใช้ประกอบการพิจารณา คือ
นโยบายสินเชื่อของผู้ให้สินเชื่อ เช่น
ผู้ให้สินเชื่ออาจกำหนดว่าผู้ยื่นขอสินเชื่อต้องไม่มีประวัติการค้างชำระในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง
หรืองดให้สินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ในกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ เช่น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ หรือลงทุนขยายโรงงาน ซึ่งจะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต
5 คุณลักษณะและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ ธุรกิจ
1. คุณลักษณะและความน่าเชื่อถือของผู้ขอสินเชื่อ
วินัยในการใช้และการชำระสินเชื่อในอดีต
ซึ่งบอกถึงความสามารถในการใช้หนี้และการบริหารจัดการสินเชื่อ เช่น
ในกรณีบุคคลธรรมดาอาจพิจารณาอายุ อาชีพ สถานะภาพสมรส
ส่วนกรณีผู้ขอสินเชื่อประกอบธุรกิจอาจพิจารณาประเภทของธุรกิจ ประวัติของผู้บริหาร
ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ
2. ความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต เช่น รายได้ในปัจจุบัน
ภาระหนี้สินที่มีอยู่ ประวัติการชำระยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่ออื่น ๆ
3. เงินทุน สินทรัพย์ หรือเงินฝากของผู้ขอสินเชื่อ
เพื่อเป็นหลักประกันการให้กู้ยืม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสินเชื่อ ธุรกิจ
แม้ว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะไม่ใช่แหล่งเงินสำหรับชำระหนี้
แต่จะเป็นแหล่งเงินสำรองสำหรับการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อในกรณีที่เกิดปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้
4. ผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันที่ผู้ขอสินเชื่อนำมาจำนำ
หรือจำนองเพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจและลดความเสี่ยงหากผู้ขอสินเชื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด
ซึ่งสามารถให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนหรือนำหลักประกันมาขายทอดตลาดได้ตามที่กฎหมายกำหนด
5. ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ขอสินเชื่อ
เช่น เศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ความมั่นคงในรายได้และการงาน ปัญหาสงคราม สิ่งแวดล้อม
ที่มีผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนหรือรายได้ของผู้ขอสินเชื่อ
ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต
ดังนั้น
ถ้าหากผู้ขอสินเชื่อเป็นผู้มีอาชีพการงานและรายได้มั่นคง ไม่เคยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
มีความสามารถในการชำระหนี้ การขอสินเชื่อก็คงไม่ติดปัญหาอะไร
เชื่อว่าสินเชื่อ ธุรกิจที่คุณขอจะได้รับการอนุมัติอย่างแน่นอน